ดูหนัง Life (2015) เพื่อนผมชื่อเจมส์ ดีน เต็มเรื่อง

พอโตขึ้นไปแล้ว คนนั้นคนนี้จะบอกว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้สำคัญ เยอะแยะไปหมด
แต่สุดท้าย เราเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินใจว่าอะไรกันแน่ที่สำคัญสำหรับเรา

ถ้าคุณชอบฟ้ากว้าง ถ้าคุณชอบชีวิตบ้านไร่  ถ้าคุณชอบทุ่งดอกหญ้าสีขาว ถ้าคุณหลงใหลบทกวี ชอบความรัก ชอบมิตรภาพ เชิญตามเรามาทางนี้ได้เลย หลายคนอาจรู้จักว่า LIFE เป็นชื่อของนิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่งของโลก แต่ LIFE ในที่นี้สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันอย่างไร? กับชีวิตของชายหนุ่มสองคน เรากำลังจะพูดถึงจากภาพยนตร์เรื่อง LIFE หรือชื่อภาษาไทยว่า “เพื่อนผมชื่อ เจมส์ ดีน”

เนื้อหาของหนังพูดถึงชายหนุ่มชื่อ  เดนิส สต๊อก ช่างภาพที่ชีวิตกำลังตกต่ำลำบาก สต๊อก เป็นผู้ถ่ายภาพคลาสสิคของ เจมส์ ดีน ที่ตอนนั้นกำลังเป็นดาราดาวรุ่งพุ่งแรง อนาคตไกล หัวใจอิสระ และเป็นขบถต่อวงการ  สต๊อก ได้รับมอบหมายให้ตามติดชีวิต และให้ถ่ายภาพ เจมส์ ดีน มาลงในนิตยสาร LIFE นั่นจึงเป็นที่มาให้ทั้งสองคนได้เดินทางร่วมกัน ใช้ชีวิตในช่วงวัยร่วมกัน จนก่อเกิดมิตรภาพดี ๆ และสร้างความจดจำอย่างยาวนาน

We must get home again--we must--we must!--

(Our rainy faces pelted in the dust)

Creep back from the vain quest through endless strife

To find not anywhere in all of life

A happier happiness than blest us then ...

We must get home--we must get home again!

บทกวีของ  James Whitcomb Riley ในหนัง LIFE

ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ไม่เคยได้รับอิทธิพลจากภาพถ่ายและความเท่ของ เจมส์ ดีน ทั้งในยุคที่ดีนโด่งดัง และหลังจากนั้นที่ยังดังเป็นดาวค้างฟ้ามาอีกนานแสนนาน ทุกเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก ความเท่ของ เจมส์ ดีน คือยุคทองของงานโฆษณา คือหมุดหมายของงานถ่ายแบบ ปกนิตยสาร สารพัดอีกนับไม่ถ้วน ภาพชายหนุ่ม เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ ปากคาบบุหรี่ ผมสั้นตั้ง ๆ หวีปัดเท่ ๆ คือภาพแห่งยุค 90 แทบจะเป็นรูปที่ติดอยู่ทุกผนังห้องของบ้านกันเลยทีเดียว

LIFE เลือกเล่าในมุมส่วนตัวล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับชีวิตการทำงานของ เจมส์ ดีน แต่อย่างใดเลย เล่นกับสภาพอารมณ์ ทั้งในมุมความรัก ความร่าเริง ความเหงา ความเศร้า ความหวัง และความฝัน หนังเล่าให้ เจมส์ ดีน เป็นเพียงวัยรุ่นธรรมดาคนนึง แต่กลายเป็นว่าความธรรมดาของดีนนั้นกลับกลายเป็นออร่าเปล่งแสงความเป็นดาราให้กับเขาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ เจมส์ ดีน ก็เป็นแบบที่เขาเป็น  เขาเลือกที่จะเป็นขบถต่อวงการ ไม่ว่าต้นสังกัดอยากจะปั้นให้เขาดังเท่าใด ก็ถูกเขาปฏิเสธกลับเอามายิ่งกว่า ประมาณว่ายิ่งสั่งยิ่งไม่ทำ อยากทำเฉพาะในสิ่งที่เขาต้องการ แต่สุดท้ายแล้วสำหรับ เจมส์ ดีน ไม่ว่าเขาจะปฏิเสธเกมธุรกิจอย่างไรก็ตาม แต่ เจมส์ ดีน เขายังคงดังด้วยด้วยความบริสุทธิ์ ด้วยความเป็นตัวตนของเขาเองอยู่ดี

แม้ว่าในช่วงที่มี เดนนิส สต็อก ช่างภาพ เข้ามาในชีวิตเพื่อมาบันทึกภาพชีวิตของเขา และนำไปลงหนังสือ LIFE  ก็มีเป้าหมายเดียวกันกับต้นสังกัด นั่นก็เพื่อให้ดีนดังมากขึ้น แต่นั่นก็กลับเข้าไปทำให้เขาลังเลใจมากขึ้นในการที่ต้องปล่อยให้คนอื่นเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตเขา ดีน ถึงกับบอกว่า "ผมสูญเสียตัวตนไปกับบทหนังแล้ว ผมไม่อยากสูญเสียตัวตนไปกับสิ่งอื่นอีก" แต่สุดท้ายจากการเข้ามาพบกันเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์จากการทำงานระหว่างทั้งคู่ ด้วยความใกล้ชิดผูกพันก็ทำให้เกิดมิตรภาพอันแนบแน่นในแบบของเพื่อนระหว่างทั้งคู่ขึ้นมา

ใครจะรู้ล่วงหน้าว่าชีวิตจะสั้นจนไม่ทันได้ค้นพบคำตอบของชีวิต เจมส์ ดีน ตายไปด้วยวัยแค่ 24 ปีเท่านั้น แต่ LIFE ก็ทำให้ ดีน เหมือนเป็นอมตะ ให้การตายของเขาไม่มีค่าควรกับคำว่าเสียใจเลยสักนิด เพราะ ดีน เลือกใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า มากเท่าที่เขาอยากจะใช้ เขาเลือกที่จะเป็น และเลือกแล้วกับชีวิตในแบบที่เขาตัดสินใจ หากเปรียบเป็นสมุดบันทึก สมุดบันทึกของ เจมส์ ดีน อาจจะสั้น เขาจดเรื่องราวเท่าที่เฉพาะเขาอยากจด อาจจะต่างกับบางคนที่จดทุกเรื่องราวเท่าที่เราพบเจอ แต่นั่นจะสำคัญอะไร เท่ากับที่ได้เลือกอย่างที่ชีวิตต้องการ

LIFE เพื่อนผมชื่อ เจมส์ ดีน แสดงโดย Robert Pattinson  Dane DeHaan  Peter Lucas  กำกับโดย  Anton Corbijn

ถ้าไม่รู้จัก ไม่รู้สึก ก็คงไม่ผิดหวัง ไม่ตายตามความผิดหวัง แต่มันเป็นไปไม่ได้
และถ้าให้ย้อนกลับไป เราก็คงยอมที่จะผิดหวังเหมือนเดิม
มันจะยังเป็น ชีวิต ที่เราเลือกเหมือนเดิม