Barbershop 2: Back in Business (2004)

ร้านตัดผมของ Calvin ยังคงเปิดทำการอยู่ในขณะที่ "ร้านตัดผม 2" เปิดขึ้น และช่างตัดผมคนเดิมก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียวกัน จัดการกับลูกค้าตามปกติที่พูดคุยถึงกิจกรรมในวันนั้น และให้คำแนะนำฟรีเกี่ยวกับชีวิตของกันและกัน เช่นเดียวกับหนังภาคแรก นี่ก็เหมือนกับรายการทอล์คโชว์ที่ทุกคนเป็นพิธีกร การพูดคุยอาจดำเนินต่อไปตลอดกาล โดยเริ่มจากเหตุการณ์ปัจจุบันไปสู่ความรักในปัจจุบัน แต่แล้วอันตรายก็มาเยือน Nappy Cutz ห้างสรรพสินค้าแฟรนไชส์ทรงผมสุดเก๋กำลังเปิดทำการฝั่งตรงข้ามถนน และอาจทำให้ร้านเล็กๆ ในละแวกใกล้เคียงต้องปิดตัวลง

นี่คงเป็นหายนะสำหรับคาลวิน (ไอซ์ คิวบ์) ซึ่งการดำเนินงานไม่ได้มุ่งหวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมเขาถึงมอบเก้าอี้อันทรงคุณค่าให้กับเอ็ดดี้ (เซดริก ผู้ให้ความบันเทิง) ซึ่งดูเหมือนแทบจะไม่เคยตัดผมเลย? เราเรียนรู้คำตอบของความลึกลับนั้นในหนังเรื่องนี้ พร้อมด้วยภูมิหลังเล็กๆ น้อยๆ ของเอ็ดดี้ เราเห็นเขาในภาพย้อนหลัง ปกป้องร้านค้าจากผู้ก่อการจลาจล และได้รับความกตัญญูตลอดชีวิตจากพ่อของคาลวิน

แม้กระทั่งในตอนนั้น Eddie ยังเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม และอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาได้แสดงท่าทีที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขาโดยต่อต้านบุคคลที่มีชื่อเสียงชาวแอฟริกันอเมริกัน แม้ว่าคนอื่นๆ ในร้านจะหัวเราะเยาะเมื่อรู้ว่า D.C. Sniper เป็นคนผิวสี แต่สำหรับ Eddie ผู้แตกแยกแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ: "เขาคือ Jackie Robinson แห่งอาชญากรรม" อนิจจา การแสดง I-Can't-Believe-He-Said-That ของเอ็ดดี้ ซึ่งใช้ได้ผลดีใน "ร้านตัดผม" ดั้งเดิม ดูเหมือนจะเป็นการแกล้งทำเป็นและบังคับเล็กน้อยในครั้งนี้ และมักจะยากที่จะเข้าใจว่าเซดริกพูดอะไร งานเล็กๆ น้อยๆ ในขั้นตอนหลังการถ่ายทำอาจทำให้บทสนทนาของเขาชัดเจนขึ้น และทำให้ Zingers ลงเอยด้วยผลกระทบที่มากขึ้น