ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

ดูหนัง Johnny Mnemonic เร็วผ่านรก (1995) เต็มเรื่อง

ดูหนัง Johnny Mnemonic เร็วผ่านรก (1995) เต็มเรื่อง
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังดราม่า , หนังวิทยาศาสตร์ Sci-fi , หนังระทึกขวัญ

เรื่องย่อ : ดูหนัง Johnny Mnemonic เร็วผ่านรก (1995) เต็มเรื่อง

ดูหนัง Johnny Mnemonic เร็วผ่านรก (1995) เต็มเรื่อง

 

 

เรื่องย่อ : Johnny Mnemonic เร็วผ่านรก (1995)
ในปี 2021 สังคมมีส่วนร่วมอย่างมากในอินเทอร์เน็ตเสมือนจริงซึ่งมีผลต่อความเสื่อมที่เรียกว่าดาวน์ซินโดรมการลดทอนเส้นประสาทหรือ NAS อีกประเด็นสำคัญคือการครอบครองของสังคมโดย บริษัท ขนาดใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเอเชียตะวันออก ในประเทศญี่ปุ่นกลุ่มอาชญากรรมยากูซ่าใช้เพื่อการบังคับใช้ ทำให้การส่งข้อมูลเป็นธุรกิจที่อันตราย
จอห์นนี่เป็น "ผู้ช่วยในการขนส่งด่วน" ที่มีอุปกรณ์เก็บข้อมูลฝังอยู่ในสมองของเขาทำให้เขาสามารถนำข้อมูลที่ไวเกินกว่าที่จะถ่ายโอนไปทั่วเน็ตซึ่งเป็นเสมือนความจริงเสมือนของอินเทอร์เน็ต ในขณะที่ร่ำรวยการปลูกฝังมีค่าใช้จ่ายจอห์นนี่ความทรงจำในวัยเด็กของเขาและเขาพยายามที่จะเอารากฟันเทียมออกเพื่อฟื้นความทรงจำของเขา; ผู้ดูแล Ralfi มอบหมายงานให้เขาอีกหนึ่งงานซึ่งจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ (ซึ่งมีราคาแพงมาก) ส่งจอห์นนี่ไปปักกิ่งเพื่อรวบรวมข้อมูลล่าสุด จอห์นนี่บอกว่าข้อมูลเกินความจุหน่วยความจำปัจจุบันของเขาที่ 80 กิกะไบต์ แต่เขาได้รับหน่วยการบีบอัดที่มีประสิทธิภาพเป็นสองเท่าจำนวนเงินที่เขาสามารถถือ

IMDB : tt0113481

คะแนน : 5.7

รับชม : 654 ครั้ง

เล่น : 157 ครั้ง

ป้ายกำกับ : หนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ฟรี , ดูหนังออนไลน์ฟรีเต็มเรื่อง



Johnny Mnemonic เร็วผ่านรก (1995)

1379951111

ก่อนที่ Keanu Reeves จะท่องโลกเมทริกซ์ในคราบนีโอ เขาเคยท่องโลกไซเบอร์ในคราบ “จอห์นนี่ เน็มโมนิค” มาก่อนครับ

ผมจำหนังเรื่องนี้ได้แม่น เพราะเคยนั่งเถียงกับเพื่อนว่า “ตกลงนามสกุลจอห์นนี่มันอ่านว่าอะไร?”

บ้างก็อ่าน “มีโมนิค” (เพราะ M มันนำหน้า ก็น่าจะออกเสียง M ก่อน) บางคนก็ “มนีโมนิค” (นัยว่าน่าจะเป็นญาติมณีเมขลา ) แต่ในที่สุดก็ได้รู้ตอนไปดูโปสเตอร์ของไทย ตกลงว่ามันคือ เน็มโมนิค ครับ

แล้วหนังมันเกี่ยวกับอะไร? คืออย่างนี้ครับ หนังมันออกสไตล์ไซเบอร์พังค์ (Cyberpunk) ซึ่งนิยามของแนวนี้ก็คือ จะเป็นเรื่องว่าด้วยโลกอนาคต ในยุคที่ไฮเทคมาก เทคโนโลยีล้ำมาก แต่คุณภาพชีวิตคนกลับต่ำลงๆ เต็มไปด้วยอาชญากรรม การแก่งแย่งและเข่นฆ่า สภาพบ้านเมืองดูหม่นมืดไร้ชีวิตชีวา สองข้างถนนเต็มไปด้วยขยะอิเลคทรอนิคส์ เรียกว่าเป็นแนวสะท้อนด้านมืดของวิทยาการนั่นล่ะครับ

ตัวเอกคือจอห์นนี่ (Reeves) หนุ่มหน้ามนผู้มีอาชีพเป็นนักขนข้อมูล โดยจะรับบรรจุข้อมูลของผู้ว่าจ้างลงในสมองของตน แล้วก็เดินทางไปหาผู้รับเพื่อถ่ายข้อมูลเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธี (หัวพี่จอห์นนี่คือ External Harddisk นั่นเองครับ)

ทีนี้งานล่าสุดของจอห์นนี่กลับมีข้อมูลมากเกินกว่าที่สมองของเขาจะรับได้ กระนั้นจอห์นนี่ก็ยังยอมทำเพื่อเงิน แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ข้อมูลอันนี้คือข้อมูลสำคัญที่เหล่ายากูซ่าและวายร้ายกำลังต้องการ ชนิดที่ยอมฆ่าทุกคนเพื่อชิงข้อมูลในหัวจอห์นนี่มา เขาเลยต้องหลบหนีและหาทางถ่ายทอดข้อมูลชุดนี้ออกไป ก่อนที่มันจะส่งผลทำลายระบบประสาทของเขา

หนังมีดีในแง่ของการออกแบบโลกอนาคตยุคเทคโนโลยีล้ำ แต่ใจคนตกต่ำ ฉากต่างๆ ไม่ว่าจะบ้านเรือนหรือท้องถนนให้อารมณ์โลกอนาคตที่หม่นมืดได้ดี และที่ผมชอบเป็นพิเศษคืออาวุธของตัวร้ายที่สร้างสรรค์กำลังดี อย่างลวดเลเซอร์ที่ใช้ตวัดตัดทุกสิ่งได้ เป็นต้น

ดาราในเรื่องจริงๆ ก็คัดมาดีนะครับ โอเค Reeves แกอาจยังเล่นไม่ลื่นมากมาย (เพราะนี่คือผลงานต่อจาก Speed ที่เขาแจ้งเกิดไป) แต่เจ้าอื่นๆ อย่าง Dina Meyer ในบทเจน สาวสวยที่คอยช่วยจอห์นนี่, Takeshi Kitano โดดลงมารับบท ทากาฮาชิที่ดูโหดและโรคจิตมากๆ และ Dolph Lundgren ในบทนักล่าจอมโหดที่ชอบปรากฏตัวในคราบของนักเทศน์ข้างถนน พวกเขาคือเป็นบทสมทบที่ไม่เลวครับ

จริงๆ บทหนังมันก็น่าสนใจอยู่นะครับ พล็อตมันโอเค ซึ่งก็ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นแนววิทยาศาสตร์ของ William Gibson และเขายังรับหน้าที่แปลงเป็นบทภาพยนตร์ด้วยตนเองอีกด้วย ในส่วนของบรรยากาศ ของจินตนาการนั้นถือว่าทำได้ดีครับ แต่มันมาพร่องตรงการเดินเรื่องที่ยังไม่ถึงขั้นน่าติดตามนัก ปมที่น่าจะชวนให้ลุ้นก็ไม่ลุ้นสักเท่าไร

แต่ก็พอเข้าใจครับว่าทำไมหนังถึงดูเด่นในเรื่องศิลป์ เรื่องฉาก นั่นก็เพราะผู้กำกับเรื่องนี้ที่ชื่อ Robert Longo เป็นศิลปินวาดภาพครับ และอันที่จริงตอนแรกเริ่มนั้น เขากับ Gibson ได้คุยกัน จนได้ไอเดียว่าจะทำหนังเรื่องนี้ แต่ในเจตนาแรกสุดนั้นเขาคิดทำแค่หนังทุนไม่สูง เป็นหนังอาร์ทๆ ศิลป์ๆ ทุนอย่างมากก็คือ 1.5 ล้านเหรียญเท่านั้น แต่พอนำไอเดียไปเสนอตามสตูดิโอกลับไม่มีใครสนใจจะให้ทุนเลยครับ จนกระทั่งเขาไปคุยกับ Sony ทางนั้นก็อยากให้ Longo และ Gibson เปลี่ยนเรื่องให้มันยิ่งใหญ่ขึ้น มีแอ็กชันไล่ล่าและลดความอาร์ทลง พร้อมมอบทุนให้เบ็ดเสร็จเกือบ 30 ล้านเหรียญ

ว่ากันว่า Longo เองยังคงรู้สึกตลกกับเรื่องนี้จนถึงทุกวันนี้ เพราะกลายเป็นว่าเขาต้องทำหนังใหญ่ๆ ทุน 30 ล้าน แต่กลับไม่มีใครยอมให้เขาทำหนังเล็กๆ ทุน 1.5 ล้านเหรียญ

ผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าหนังไม่ทำเงินนักครับ ทำไปแค่ 19 ล้านเหรียญในอเมริกา แต่ถ้ารวมทั่วโลกก็จะประมาณ 52 ล้านเหรียญ ซึ่งอาจไม่เยอะ แต่ก็ถือว่าพอเท่าทุนและได้กำไรนิดหน่อยตอนออกแผ่นด้วย

สำหรับตัวหนังนั้นก็อย่างที่บอกครับ ดูดีตรงฉาก และจินตนาการ แต่การเดินเรื่องยังไม่จับใจพอ ทว่าหากจะดูเอามันส์แบบไม่คิดอะไรมาก ผมว่าหนังมันก็ตอบสนองคอหนังสไตล์ไซเบอร์พังค์ได้ในระดับหนึ่งครับ