พอได้ดูจบแบบครบถ้วนแล้วก็พอเข้าใจว่าทำไมหนังถึงไปไม่ได้ไกลเท่าไรในอเมริกา ซ้ำยังถูกถอดกลางอากาศในบ้านเรา เล่นเอาแฟนเอ็กซ์ไฟล์สวดผู้นำเข้าเป็นการใหญ่ เพราะมันเสียความรู้สึกน่ะครับ เล่นโฆษณาทุกอย่างพร้อม ดันไม่ยอมฉายซะอย่างนั้น ส่วนประเด็นที่ว่าหนังดีหรือไม่ก็ให้คนดูเสียเงินไปตัดสินเองน่าจะดีกว่า
แต่ถ้าพูดอย่างเป็นกลาง ก็ไม่แปลกใจนักที่คนนำเข้าบ้านเราจะไม่เอาเข้าโรง
เนื้อหาใน The X-Files ภาคนี้เป็นตอนแบบ Stand Alone นะครับ หมายความว่าไม่มีการนำเอาพล็อตยอดฮิตของหนังสมัยฉายทางทีวีมาบอกเล่าไม่ว่าจะเรื่องมนุษย์ต่างดาว, โครงการลับของรัฐบาลหรือพวกองค์กรลับ, มนุษย์ทดลอง, ซูเปอร์โซลเยอร์ สิ่งที่ทำให้พวกเราติดกันงอมแงมเหล่านี้ไม่มีการนำมาสานต่อในหนังทั้งสิ้น
ขอย้ำให้เข้าใจตรงนี้เลยนะครับ เพราะตอนแรกเห็น Chris Carter เขาพูดไว้ว่าจะเป็น The X-Files ตอนแยกที่ไม่เอาเรื่องมนุษย์ต่าวดาวมา ผมก็นึกว่าแกแค่ปกปิดกะให้คนดูเซอร์ไพร์ส แล้วให้ไปดูเองในเรื่อง แต่ที่ไหนได้ ไม่ใช่ครับ งานนี้แกพูดจริง ผมคาบมาบอกก็เพื่อคุณๆ จะได้ไม่มานั่งคาดหวัง และจะได้ไม่มานั่งผิดหวังอีกหนึ่งต่อ
เรื่องราวเล่าถึง 6 ปีต่อมา หลังจากตอนสุดท้ายในปี 9 เมื่อเกิดคดีผู้หญิงหายตัวไปอย่างลึกลับ ซึ่งคดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ เจ้าหน้าที่ดาโกต้า วิทนี่ย์ (Amanda Peet) และเจ้าหน้าที่มอสลี่ย์ ดรัมมี่ย์ (Xzibit) แล้วก็เกิดมีบาทหลวงนามว่าโจเซฟ คริสแมน (Billy Connolly) อ้างว่าเขามีภาพนิมิตจากพระเจ้า ทำให้เห็นภาพหญิงสาวโดนลักพาตัวไป และยังบอกตำแหน่งให้พวก FBI ค้นหลักฐานจนเจออีกด้วย
ในที่สุดวิทนี่ย์เลยตัดสินใจขอแรงให้ทางการช่วยตามเจ้าหน้าที่ในตำนานผู้ไขคดี The X-Files มานักต่อนักนามว่าฟ็อกซ์ มัลเดอร์ (David Duchovny) รวมไปถึงคู่หูอย่างเดน่า สกัลลี่ (Gillian Anderson) ให้มาช่วยไขคดีนี้ ซึ่งในเรื่องนี่ก็เล่าว่าหลังจากตอนจบปี 9 มัลเดอร์ก็กลายเป็นคนที่ FBI ต้องการตัวครับ ส่วนสกัลลี่ก็ไปทำงานในโรงพยาบาล ทีนี้ทาง FBI ได้ยื่นข้อเสนอมาว่าหากมัลเดอร์ยอมกลับมาช่วยก็จะเพิกถอนโทษทั้งหมด แต่สาเหตุที่มัลเดอร์ยอมกลับมาทำก็เพราะสกัลลี่ไปตามมาน่ะแหละ แล้วลึกๆ เขาก็ยังอยากข้องเกี่ยวกับการไขคดีปริศนาอยู่เหมือนกัน
มัลเดอร์และสกัลลี่ก็ไปเจอบาทหลวงโจน่ะครับ แล้วก็ตามล่าหาผู้หญิงที่โดนลักพาไป พยายามช่วยเธอก่อนจะต้องตกเป็นเหยื่อสยองของบุคคลลึกลับที่ลักตัวเธอไป ก็เล่าได้แค่นี้นะครับ รอชมส่วนที่เหลือกันด้วยตาตนเองดีกว่า
เฮ่อ ว่าไงดีเอ่ย … มาว่ากันที่ส่วนดีก่อนนะครับ ผมได้เจอฟ็อกซ์ มัลเดอร์และเดน่า สกัลลี่อีกครั้ง โว้วววววววววววววววววววววววววววววว ดีใจนะเนี่ย ในฐานะแฟนเอ็กซ์ไฟล์ ได้เจอหน้าพี่แก ยังเห็นพวกเขามีชีวิตอยู่ก็ดีใจแล้ว แต่บุคลิกก็เปลี่ยนไปเยอะครับ พร้อมหน้าตาที่บ่งบอกอายุ เริ่มโทรมน่ะครับว่าง่ายๆ ผมแอบเอาปีแรกๆ มาเปิดดูอีกทีขำก๊ากเลย ตอนนั้นหน้าละอ่อนกันมาก ยิ่งเจ๊สกัลลี่นี่ยังกะเด็กจบใหม่แน่ะ ฮ่ะๆๆๆ
เรื่องดราม่าและเลิฟสตอรี่ของสองตัวเอกถือเป็นพล็อตหลักอย่างเดียวที่ได้รับการสานต่อในหนังใหญ่ภาคนี้นะครับ เราจะได้เห็นทั้งสองเปิดใจกันมากขึ้น พูดกันเรื่องความสัมพันธ์มากกว่าเดิม ดูก็รู้แบบเต็มๆ ว่าสองคนนี้มีใจให้แก่กัน ไม่เหมือนสมัยก่อนครับเจอกันทีไรก็ได้แต่ถามว่าไอ้เอเลี่ยนนั่นไปทางไหน หรือ คุณดูอะไรอยู่น่ะมัลเดอร์ แล้วมัลเดอร์ก็รีบปิดเพราะกำลังดูหนังโป๊อยู่ (อ้ะ มีจริงๆ นะครับ พี่มัลเดอร์แกก็เคยดูหนังทำนองนั้นจนสกัลลี่จับได้ มัลเดอร์ก็บอกว่า “เปล่า ไม่ใช่ของผม” สกัลลี่เลยย้อนว่า “งั้นฉันจะเอามันไปเก็บไว้ในลิ้นชัก รวมกับพวกวีดีโอที่ไม่ใช่ของคุณแล้วกัน” ฮ่าๆๆ)
แต่คาแรคเตอร์ของพวกเขาโตขึ้น เหมือนผ่านร้อนผ่านหนาวมามากจนไม่ค่อยจะขมวดคิ้วให้กับเรื่องอะไรง่ายๆ เหตุเหนือธรรมชาติที่ชาวบ้านตื่นเต้นพวกเขาก็มองๆ แบบ “เฮ้อ เนี่ยเด็กๆ” หลักๆ แล้วพวกเขาจะคุยกันเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวมากกว่า ซึ่งแฟนเอ็กซ์ไฟล์ก็อาจจะผิดหวังนิดหนึ่ง หากหวังว่าจะได้เจอการสืบสวนหรือคู่หูคู่เดิมที่บ้าลุยไปทุกสถานที่
ส่วนผมก็พอทำใจรับได้ครับ แม้ลึกๆ จะอยากให้พวกเขาเป็นเหมือนเดิมก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าความสนุกย่อมลดส่วนลงไปพอสมควร
เรื่องดารานำแสดงผมคงไม่ต้องสาธยายนะครับ Duchovny และ Anderson คือคู่หูในจอที่เยี่ยมที่สุด ถึงขนาดมีการโหวตเลยนะครับ เมื่อไม่นานมานี้เอง ยกให้มัลเดอร์และสกัลลี่คือคู่หูที่เยี่ยมที่สุดบนจอเงินและจอแก้ว ถ้าไม่มีสองคนนี้ The X-Files ก็คงไม่ครองใจคนดูมาทุกวันนี้ ส่วนดาราสมทบรายอื่นที่เข้าท่าก็มีเพียง Connolly แต่บทก็เหมือนจะเขียนขึ้นแบบแกนๆ จะเด่นก็ไม่เด่น จะเป็นตัวประกอบก็ไม่เชิง เพราะเขาเป็นตัวสำคัญก็ว่าได้นะครับ คอยพูดประโยคดีๆ ให้สกัลลี่ แล้วก็ยังให้กำลังใจมัลเดอร์อีก แต่บทก็ไม่สามรถดันเขาให้เด่นขึ้นมาได้ ส่วนดาราเจ้าอื่นก็ไม่มีใครเด่นอีกเลย ไม่ว่า Peet หรือ Xzibit ที่มาเป็นเจ้าหน้าที่ แต่มาแบบตัวประกอบครับ
อันนี้เลยรู้สึกแปลกๆ เพราะสมัยซีรี่ส์มันไม่ใช่อย่างนี้นะ บทสมทบในเรื่องเนี่ยส่วนมากมักมีความเด่นให้คนจำได้ แต่มาหนังใหญ่ไหงคนอื่นดูไม่มีบทบาทเลยล่ะเนี่ย
เอาเถอะครับ ไม่อยากคิดมาก มาว่าข้อดีต่อ พวกฉากหิมะลงทั้งหลายก็เป็นโลเกชั่นที่ไม่เลวครับ และที่ยอดเยี่ยมจนต้องยกนิ้วคือดนตรีประกอบโดย Mark Snow คนดีคนเดิม อยากบอกว่าโดดเด่นมาก เป็นดนตรีที่แฝงความลึบลับ ความเป็นเอ็กซ์ ไฟลส์ และได้อารมณ์หนังใหญ่ยิ่งกว่าภาคก่อนๆ ซะอีก … แต่น่าเสียดายที่ภาพตรงหน้ามันไม่เด็ดเท่าเพลงน่ะสิ
ครับ ที่ผมว่าเข้าท่าก็มีเพียง การได้เจอหน้ามัลเดอร์และสกัลลี่ ตามด้วยดนตรีดีๆ และการเปิดเรื่องก็น่าสนใจนะครับ ทำให้คนฉงนเล็กๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อมาก็ช่วงเปิดตัวมัลเดอร์และสกัลลี่ที่ยังโอเคน่ะ แต่หนังเริ่มมาหัวคะมำเกี่ยวกับพล็อตคดีหลักนี่แหละ (ไม่ต้องห่วงครับ ผมยังไม่สปอยล์ อ่านได้ๆ ไว้ผมสปอยล์เมื่อไรบอกแน่นอนครับ)
แฟนเอ็กซ์ไฟล์ย่อมจำได้นะครับว่าไฮไลท์ของหนังชุดนี้ นอกจากนักแสดงดี ก็คือปริศนาประจำตอน อันที่จริงแม้ตอนแรกพี่ Carter แกจะบอกว่าภาคหนังใหญ่นี้ไม่เกี่ยวกับพล็อตต่างดาวผมก็ไม่ค่อยกลัวเท่าไร เพราะจริงๆ แล้วใน X-Files เนี่ยก็มีตอน Stand Alone ที่เด็ดดวงเยอะแยะไป ขอให้มันพัวพันกับเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติและปริศนา (Mythology) ก็โอเคแล้ว
แต่ปัญหาคือ มันไม่ค่อยเหนือธรรมชาติ ไม่เป็นแฟ้มลับคดีพิศวงน่ะสิครับ
คุณรู้พล็อตคร่าวๆ แล้วว่าบาทหลวงโจเขาเห็นผู้หญิงถูกจับไปโดยกลุ่มคนลึกลับ ก็แน่นอนล่ะครับว่าไม่ใช่การลักพาเรียกค่าไถ่แน่ๆ มันต้องมีจุดประสงค์ แต่จุดประสงค์ของคนกลุ่มนี้ ไม่มีอะไรเลยครับ อาจเป็นไซไฟบ้างแต่ไม่แปลก เพราะมีหนังอีกเพียบที่เล่นกับประเด็นนี้แล้ว และยังเล่นได้น่ากลัวน่าฉงนกว่าด้วย ยิ่งไปกว่านั้นมันเทียบกับตอนธรรมดาสมัยฉายทางทีวีไม่ได้เลยครับ ตอนในทีวียังมันส์และน่าติดตามกว่า พิศวงกว่ากันมากจริงๆ
สารภาพซื่อๆ เลยว่างงนะครับ เชื่อไม่ลงว่าหนังภาคนี้เขียนบทโดย Carter และ Frank Spotnitz สองมือเขียนบทที่ร่วมสร้างตำนาน The X-Files มาก่อน โดยรายแรกนี่คือผู้ให้กำเนิด ส่วนรายหลังนี่มามีบทบาทเอาประมาณปีที่ 4 มีผลงานเป็นตอนเด็ดๆ อย่าง End Game (ว่าด้วยปริศนาโครงการมนุษย์ทดลอง) Nisei และ 731 (ว่าด้วยเทปภาพผ่าศพมนุษย์ต่างดาว) Piper Maru และ Apocrypha (ตอนต้นตำรับเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวน้ำมันดำ) Christmas Carol และ Emily (ว่าด้วยปริศนา ลูกสาวของสกัลลี่) ทั้งหมดนี้แค่ส่วนหนึ่งนะครับ ต้องบอกว่าเขาคนนี้มีส่วนในการเขียนบทตอนที่มีเนื้อหาสำคัญๆ และหักมุมมาตลอด
แต่ไม่เข้าใจเท่าไรว่าอีท่าไหนสองรายนี้ถึงปั่นเรื่องออกมาได้ธรรมดามาก มากชนิดพลิกความคาดหมายเลย
พอคดีพิศวงมันไม่พิศวง ความสนุกก็ลดลงไปกว่าครึ่งล่ะครับ แม้จะได้คู่หูคู่เดิมมาแท็กทีมก็ตาม
ผมก็แอบนึกในใจนะครับ ว่าไหนๆ อุตส่าห์ได้โอกาสกลับมาแล้วมันน่าจะมีอะไรชวนฉงนได้ยิ่งกว่านี้ หรือถ้าจะให้ดี เอาพล็อตเกี่ยวกับต่างดาวมาเซอร์ไพรส์คนดูเลย หรือไม่ก็จับเรื่องเกี่ยวกับวิลเลี่ยม (ลูกของมัลเดอร์และสกัลลี่) มาเล่าต่อก็ได้ หรืออย่างน้อยได้จอห์น ด็อกเกตต์ กับ โมนิก้า เรเยส สองตัวละครหลักที่มาแทนมัลเดอร์ในปี 8 และ 9 ก็ยังดี อย่างน้อยก็มีอะไรให้เล่นบ้างและยังกระตุ้นต่อมอยากดูของแฟนๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่มันไม่มีเลย และที่ออกจะหงุดหงิดหน่อยคือ จริงๆ ตามพล็อตเดิมน่ะ “เกือบ” จะมีตัวละครเก่าแก่โผล่มาครับ นั่นคือ อเล็กซ์ ไครเช็ค ใช่ครับ พี่แกยังไม่ตาย และในบทร่างแรกๆ เขาจะได้มาเป็นตัวร้ายประจำตอน แต่ก็เปล่าครับ แหม เสี้ยดายจัง
จนผมพอเข้าใจว่าทำไมแฟนๆ ถึงไม่ได้คลั่งจะไปดูเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งก็เพราะช่วงนี้ The Dark Knight กำลังถล่มรายได้ ดึงความสนใจไปหมด และตัวหนังเองยังไม่มี “เสน่ห์ดั้งเดิม” ที่เคยทำให้แฟนๆ ต้องมนต์มาก่อนใส่ลงไปในหนัง แม้จะมีมัลเดอร์และสกัลลี่ก็ตาม
ก็เหมือนเราตีตั๋วเข้าไปนั่งดูแบทแมนหรือไม่ก็สไปเดอร์แมน เราก็ต้องอยากเห็นเขาเจอกับคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อจริงไหมครับ แต่มันจะเป็นอย่างไรถ้าเราเข้าไปดูพวกพี่แกตีกับโจรมุมตึกหรือไม่ก็พวกขโมยวิ่งราวสองชั่วโมงเต็มๆ
แล้วใครมันจะอยากเข้าไปดู?
กับ The X-files ภาคนี้ จุดอ่อนประการสำคัญคือคดีมันไม่สมน้ำสมเนื้อ ไม่สมกับที่มัลเดอร์และสกัลลี่จะกลับมาอีกครั้ง คนอื่นก็พิชิตได้ครับ ขอเพียงใจเย็นสักหน่อยน่ะ เพราะตัวร้ายมันก็ไม่ได้ร้ายอะไรเลย โดนเล่นง่ายสุดๆ
แม้จะมีข่าววงในบอกมา ว่าส่วนหนึ่งที่ X-Files อันนี้ไม่มีอะไรมาก เนื้อหาง่ายๆ ก็เพราะโดนตัดงบลงเยอะ และยังโดนคุมอะไรอีกหลายอย่าง เช่นตัดเนื้อหาให้ความซับซ้อนลดลง ผลก็เลยเป็นเช่นนี้ แต่ไม่รู้สิครับ อันที่จริง The X-files สมัยแรกๆ ก็ไม่ได้มีทุนเยอะนะครับ เกือบโดนค่าย FOX สั่งระงับด้วยซ้ำ ตอนปีสองน่ะ ประมาณว่าถ้าไม่ดีก็ต้องม้วนเสื่อแล้วนะ จน Carter และทีมงานรวมพลังฮึดขึ้นมา ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และนั่นคือวินาทีเปิดศักราชแห่งความสำเร็จครับ The X-files ดีขึ้น มันส์ขึ้นเรื่อยๆ ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ จนคนดูติดกันทั่วเมือง ลามมายังไทยและไปยังประเทศอื่น ตอนนั้นเขาก็โดนบีบเหมือนกัน แต่ผลที่ได้กลับต่างกันมากจริงๆ และอีกอย่างความซับซ้อนก็อาจไม่จำเป็น แต่ความพิศวงนี่สิที่จำเป็น ไม่น่าแปลกถ้า Fox จะบอกให้ทีมงานทำหนังดูง่ายๆ แต่ใช่ว่า “ง่าย” แล้วจะ “โล่ง” เสมอไป ดูอย่าง Memento หรือ The Usual Suspects ก็ได้ ง่าย เดินเรื่องเรื่อยๆ แต่จบแล้วอึ้ง
หรือถ้าจะบอกว่าทีมงานไม่อยากทำหนังชุดนี้ เลยสร้างออกมาแบบลวกๆ แล้วก็ไม่น่าใช่ เพราะล่าสุด Carter ยังเปิดใจอยากทำภาคสามอยู่เลย
สงสัยประเด็นนี้จะเป็นปริศนาประจำหนังมากกว่าล่ะกระมัง
พูดแบบนี้ใช่ว่า The X-Files ภาคนี้ห่วยจนห้ามดู มันไม่เลวร้ายขนาดนั้น ไอ้ดูน่ะดูได้ แต่อย่าคาดหวังมากแล้วกันครับ อย่างน้อยสำหรับแฟนๆ การได้เห็นมัลเดอร์และสกัลลี่รักกัน มีความสัมพันธ์งอกงามต่อกันก็คุ้มในระดับหนึ่งแล้ว ส่วนเนื้อหาคดีพิศวงอันนี้ต้องทำใจหน่อย คิดซะว่าดูชีวิตช่วงต่อมาของสองตัวเอกเป็นหลักแล้วกันครับ จะได้โอเค ผมก็ทำใจคิดแบบนั้นแหละถึงค่อยโอเคกับหนังหน่อย
เอาล่ะภายในดอกจันนี้เราจะมีการสปอยล์เกิดขึ้นนะครับ ไม่อยากทราบไปอ่านหลังจบเขตดอกจันอันที่สองนะครับ
*****************************************
เหตุการณ์ในภาคนี้ เรื่องมันแค่เกี่ยวกับการผ่าตัดเปลี่ยนตัวคน เปลี่ยนหัวคนแบบแฟรงเกนสไตน์เท่านั้นเองน่ะครับ นี่ไงล่ะครับที่บอกว่ามีคนเคยทำมาแล้ว มันอีหรอบเดียวกับสไตล์คนเปลี่ยนหัวคนหรือ Re-Animator เลย จริงๆ ฟังดูแล้วมันก็น่าพิศวงดีนะ คนเปลี่ยนหัวเปลี่ยนแขนเชียวนะครับ แต่การถ่ายทอดภาพตรงหน้าออกมาเนี่ย ธรรมดามาก ไม่ได้น่าตื่นเต้นตกตะลึงเท่าไร
จริงๆ หน้งมีเหมือนจะเขาท่าอยู่ฉากหนึ่งได้แก่หมาสองหัว แต่ก็นั่นแหละครับ ถ่ายภาพ ถ่ายทอดเล่าเรื่องได้จืดมากๆ และที่ออกเฉยมากอีกหนึ่งอย่างคือการปรากฏตัวของท่านสกินเนอร์ครับ แหม อุตส่าห์โผล่มา ก็ขโมยซีนได้นิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากอย่างที่คิด เฮ่อ
ส่วนนี้สปอยล์แบบเล่าเรื่องตอนท้ายน่ะครับ หงุดหงิดนิดหน่อยว่าไงมันง่ายขนาดนี้ ที่เสียดายเยอะหน่อยคือสกินเนอร์มาแท้ๆ แต่ก็ช้าไปแล้วล่ะครับ ช่วยหนังไม่ทันแล้ว
******************************************
ครับ ถ้าว่ากันด้วยความเห็นส่วนตัว ก็รู้สึกดีที่ได้เจอพระนางคู่นี้ครับ แต่เนื้อเรื่องไม่จับใจ รอดูแผ่นก็ไม่เสียหลายครับ แต่ก็เสียดายหน่อยๆ ที่ไม่ได้ดูในโรง เพราะถึงยังไงก็อยากดูมัลเดอร์และสกัลลี่บนจอใหญ่อยู่ดี แม้ความสนุกจะน้อยก็ตาม อย่างน้อยก็เป็นการส่งท้ายครับ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าเราอาจไม่ได้เจอ The X-Files อีก
แต่ลึกๆ ก็อยากให้เขาทำอีกนะครับ โดยการนำเอาพล็อตเดิมมาทำ ได้แก่เรื่องมนุษย์ต่างดาวบุกโลกปี 2012 … ได้แต่หวังนะครับว่าจะมีตอนต่อไป
ส่วนตอนนี้ ถือว่าย้อนความทรงจำดีๆ ได้เห็นสองเจ้าหน้าที่คู่ขวัญเปิดเผยความรู้สึกต่อกันสักที
จริงๆ ผมก็ได้แต่เดานะครับ ว่าการที่ Carter ทำให้เรื่องออกมาในรูปการเน้นมัลเดอร์และสกัลลี่ คงตั้งใจจะทำภาคนี้เป็นเสมือนตอน Pilot การกลับมาของ The X-Files โดยการเปิดด้วยคดีลึกลับที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเดิมๆ ก่อน เพื่อนำสองคาแรคเตอร์หลักกลับมา แล้วภาคต่อไปค่อยสานเรื่องต่อ อาจเป็นอย่างนั้นน่ะนะครับ แต่เสียดายที่รสชาติพล็อตคดี กลับจืดเกินไป