หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังดราม่า
เรื่องย่อ : เดชไอ้ด้วน | The One-Armed Swordsman {獨臂刀} (1967)
ชื่อภาพยนตร์ : เดชไอ้ด้วน | The One-Armed Swordsman {獨臂刀}
แนว/ประเภท : Action, Drama
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Cheh Chang
บทภาพยนตร์ : Cheh Chang, Kuang Ni
นักแสดง : Jimmy Wang Yu, Chiao Chiao, Chung-Hsin Huang
ปีที่ออกฉาย : 1967
นักดาบผู้สูงศักดิ์ซึ่งแขนของเขาถูกตัดออก กลับมาหาครูเก่าของเขาเพื่อปกป้องเขาจากแก๊งนักดาบคู่แข่งที่ชั่วร้าย
IMDB : tmdb54178
คะแนน : 6.7
รับชม : 12 ครั้ง
เล่น : 8 ครั้ง
ป้ายกำกับ : หนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ฟรี , ดูหนังออนไลน์ฟรีเต็มเรื่อง
เนื้อหาส่วนสำคัญของ “เดชไอด้วน” ได้แรงบันดาลใจมาจากมังกรหยก ภาค 2 หรือ ผู้กล้าหาญอินทรีแขนเดียว แต่นั่นคือช่วงเวลาที่แขนของฟางกังที่เป็นตัวเอกของเรื่องถูดตัดขาดออกมาเท่านั้น แม้ตัวละครแวดล้อมในช่วงนี้และอารมณ์ของหนังจะคล้ายคลึงกับนิยายอยู่บ้างและเนื้อหาทั้งหมดของ One-Armed Swordsman (1967) ไม่ส่วนใดที่เหลืออยู่เทียบเคียงกับนิยายเรื่องดังกล่าวได้เลย “เดชไอ้ด้วน” จึงมีความเป็นตัวของตัวเองและได้กลายเป็นต้นฉบับของหนังในแนวทางเดียวอีกนับสิบเรื่อง นักแสดงนำคือ หวังอยู่ ในบทฟางกังนั้นอาจจะดูไม่โดดเด่นในด้านวิชาบู๊แต่การแสดงของเขานับว่าเยี่ยมยอดโดยเฉพาะการบีบคั้นอารมณ์แม้ว่าต่อมาคนดูจะเห็นเขาในรูปแบบเช่นนี้บ่อย ๆ ก็ตาม บุคลิกเป็นตัวของตัวเองที่โดดเด่นของหวังอยู่จึงมีส่วนช่วงผลักดันเรื่องราวของหนังได้ไม่น้อย แต่บุคคลที่ควรได้รับการจดจำมากที่สุดสำหรับหนังเรื่องนี้คือ จางเชอะ ผู้กำกับที่สร้างความโดดเด่นให้กับหนังได้เป็นอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะคิวบู๊และการเร้าอารมณ์ของหนัง ยังไม่นับรูปแบบเฉพาะตัวของเขากับฉากแบบเลือดสาดที่มีอยู่เกือบตลอดในฉากบู๊และนั่นยิ่งตอกย้ำความเป็นหนังในแนวทางแอ๊คชั่นแบบหนังกำลังภายในได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ซึ่งความโดดเด่นของคิวบู๊นั้นคงต้องยกความดีส่วนหนึ่งให้กับสองผู้กำกับคิวบู๊ถังเจียและหลิวเจียเหลียงที่ร่วมแสดงในเรื่องนี้ด้วยในบทสองสมุนคู่ใจของตัวร้าย และนับเป็นบทบาทคู่กันของคนทั้งสองที่คอหนังกำลังภายในพันธุ์แท้ต่างจดจำส่วนสำคัญของหนังเรื่องนี้ได้ดีไม่แพ้ หวังอยู่ หรือจางเชอะเลย ซึ่งทั้งสองคนต่างทำงานร่วมกับจางเชอะอยู่หลายเรื่องก่อนที่จะแยกไปเป็นผู้กำกับในหนังของตัวเอง และไม่ว่ารูปแบบของหนังกำลังภายในต่อจาก One-Armed Swordsman (1967) มาจนถึงทุกวันนี้จะเปลี่ยนแปลงไปเช่นใด แต่นี่คือความคลาสสิตที่ทุกคนต่างเชิดชูและไม่มีวันที่จะมีหนังเรื่องใดมาทดแทนได้เลย