A Clockwork Orange | อะ คล็อกเวิร์ก ออเรนจ์ คนไขลาน (1971)

เรื่องย่อ ตัวหนัง set อยู่ในช่วงอนาคตอันใกล้ที่มีความทันสมัย คือคนสมัยนี้อาจจะดูแล้วคิดว่ามันสมัยใหม่ยังไงแต่ก็นั่นแหละ หนังเรื่องนี้มันสร้างช่วงปลาย 60 โดยที่ focus เกี่ยวกับกลุ่มวัยรุ่นหัวรุนแรง4คนในลอนดอนที่ออกไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนทั่วไป ทั้ง ชิงทรัพย์ สังหาร และล่วงเกิน โดยที่แต่งกายชุดสีขาวและใส่หมวกแต่งหน้าแบบแปลกๆ วันหนึ่ง 1ในกลุ่มวัยรุ่นที่ชื่อ Alax ถูกตำรวจจับ และต้องโทษติดคุกนานถึง14ปี ระหว่างที่อยู่ในคุก รัฐบาลก็ประกาศค้นหาตัวทดลองเพื่อคิดค้นวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่จะเปลี่ยนนิสัยคน และทำให้นักโทษที่ผ่านการทดลองได้กลับเข้าสังคมเร็วขึ้น Alax จึงเสนอตัวเข้ารับการทดลองอย่างไม่ลังเล โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งใดกำลังจะตามมา

.

นี่เป็นหนังที่ดูยากมากกๆๆๆ จริงๆ ตั้งแต่ดูหนังมาเรื่องนี้อาจจะเป็นหนังที่ดูยากที่สุดแล้วก็ได้ แต่ไม่ใชเพราะว่าบทมันซับซ้อน หรือ มันโหด หรือมัน ไม่สนุก แต่สิ่งที่ทำให้มันดูยากมากก็คือ มันเหมือนกับว่าหนังเรื่องนี้กำลังพยายามมีเรื่องกับใครบางคนอยู่ การดูหนังเรื่องนี้เหมือนอยู่ในวงสนทนาที่กำลังโต้เถียงกันเดือดได้ที่เลย ทุกอย่างในหนังเรื่องนี้มันคือ คำด่าถอ และการเสียดสี มันหนักหัวมากๆมันเป็น once in a life time experience ที่เรียกว่า ครั้งเดียวพอจริงๆ คือจริงๆมันก็หลายอย่างผสมกันด้วยดังนี้

1. ฉากมันรุนแรงอยู่แล้ว บางทีก็ถึงขั้นหน้าขยะแขยง คือเป็นหนังไม่กี่เรื่องของ Kubrick ที่เห็นaction ของอวัยวะเพศแบบ ทั้งหญิงชาย คือถ้าเห็นแค่ จิมิ แบบมีขนหย่อมบังนี่ยังเคยดูมาบ้าง แต่ถึงขั้นเห็น ช้างแกว่งงวงนี่ก็ไม่ได้เจอมานาน และมันดันมีเทคนิคที่ทำให้มันดูน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการใช้ 2d visual expression ในการนำเสนอเฉพาะฉาก คือบางฉากดูไปก็นั่งทำหน้าหยีใส่จอไป 5555

2. การจัดองค์ประกอบภาพ และ prop ในเรื่องนี่จะเน้นการ นำเสนอแบบ surreal+ expressionism ที่ชวนอาเจียนมากๆ แบบมีพร้อพอันนึงที่ในเรื่องเป็น งานศิลปะของเจ้าของบ้านที่แก้งตัวเอกไปรังควาน เป็นทรงเจี๊ยวยักษ์ ที่พระเอกเอาไปฟาดหัวเจ้าของบ้าน คือดูแล้วไม่รู้จะรู้สึกยังไงดี

3. การที่ตัวหนังมันเลือกที่จะเอาองค์ประกอบของการเสนอเรื่องราว กับการเสนอเนื้อหาที่แท้จริงให้ relate กันยากมากกกกก คืออย่างที่บอกว่าเปลือกหุ้มของหนังกับเนื้อในจริงๆของมันเนี่ยแทบจะเปลี่ยน perspective เกี่ยวกับตัวหนังไปเลย พูดง่ายๆคืออย่างที่เห็นภายนอก ตัวหนังพยายามที่จะใช้เรื่องของ ความดีความชั่ว ความเสื่อมของสังคม มาเป็นเปลือกหุ้ม อย่างที่แก้งตัวเอกไปทำชั่วไว้ไว้กับคนอื่น สุดท้ายก็โดนจับ โดนทดลอง กลับออกมาก็ไม่มีใครต้องการ โดนรังแกสารพัด ถ้ามองแค่เปลือกของมันก็เหมือนว่ามันจะเป็นหนังเกี่ยวกับศิลธรรม กรรมตามสนองอะไรยังงั้น เรื่องราวจริงๆที่หนังต้องการนำเสนอเนี่ยมันคนละเรื่องเลย