การนั่งดูหนังเรื่องนี้ถือเป็นการเช็คสภาพความแก่ของตัวเองได้เลยนะครับ
เพราะถ้าดูแล้วยังพอเอิ้กอ้าก สนุกได้เรื่อยๆ นี่แสดงว่ายังไม่แก่มาก ถึงขำกับมุขเด็กๆ ที่หนังใส่ลงมาตลอดเรื่อง แต่หากดูแล้วรู้สึกตลอดว่าทำไมหนังเบาไป ทำไมไม่เพิ่มตรงนั้นให้มันมีอะไรมากกว่านี้หน่อย ฯลฯ ก็เป็นไปได้อย่างสูงครับว่าคุณคงโตพ้นวัย แก่เกินหนังรสการ์ตูนเรื่องนี้ซะแล้ว
ส่วนผมเองก็จัดอยู่ในประเภทผู้ใหญ่วัยกลางๆ ครับ เพราะยังพอสนุก ยิ้มบ้าง… อืมม์ แสดงว่ายังไม่แก่เท่าไร (แฮ่มๆ โล่งไป)
แต่ถ้าถามว่ามีแอบบ่นในใจไหม ก็สารภาพครับว่ามีเหมือนกัน เป็นการบ่นแนวเสียดายน่ะครับ ว่าถ้าหนังกล้าเพิ่มอะไรลงไปอีกนิด Yogi Bear คงเป็นอะไรที่ “ให้ข้อคิดดีๆ” กับคนดูได้อีกพอตัว เพราะพล็อตนั้นแม้จะผูกแบบหลวมๆ และเดาได้ไม่ยาก แต่ก็เป็นพล็อตหลวมที่สวมคุณภาพเพิ่มลงไปได้ ขอเพียงคนสร้างมองเห็นศักยภาพว่าหนังไปไกลถึงไหนได้ล่ะก็
คนแก่ เอ้ย คนวัยกลางๆ อย่างผมนั้นคุ้นเคยกับเจ้าหมีโยกี้พอสมควรครับ สิ่งที่จำได้ไม่ผิดคือ กิจวัตรของเจ้าหมีสวมหมวกผูกไทตัวนี้คือ วางแผนร้อยแปดเพื่อขโมยเอาตะกร้าปิคนิกจากบรรดาคนที่มาท่องเที่ยวพักผ่อนในอุทยานเยลลี่สโตน แล้วทุกตอนเช่นกันที่เจ้าหน้าที่สมิธ จะต้องออกมาวิ่งไล่จับ เป็นไม้เบื่อไม่เมากับเจ้าหมีโยกี้ และส่วนใหญ่แล้วคนก็แพ้หมีทุกที
แต่คนทำหนังก็ไม่ปล่อยให้คนดูต้องเสียตังค์ไปดูมุขเดิมๆ (อย่างสารพัดวิธีการขโมยตะกร้าปิคนิกของโยกี้) แล้วมีการตั้งพล็อตเป็นว่าตอนนี้อุทยานบ้านรักของเจ้าหมีโยกี้กำลังจะโดนผู้ว่าจอมโกงฮุบ เพื่อจะได้ทำการตัดไม้เก่าแก่นับร้อยปีในอุทยานนั้นไปขาย นำเงินเข้ากระเป๋าตนเอง งานนี้ทั้งเจ้าหน้าที่สมิธและโยกี้เลยต้องแท็คทีมแก้เกมของพวกผู้ว่านั่นให้ได้
ว่ากันด้วยพล็อตนี่ก็โอเคอยู่นะครับ เพราะจริงๆ หนังเล่นได้เยอะมากจากพล็อตนี้ครับ ไม่ว่าจะเรื่องความสัมพันธ์กึ่งดีกึ่งป่วนของเจ้าหน้าที่สมิธและโยกี้ ที่ถ้าทำดีๆ ก็มีแววกินใจไม่ใช่น้อย อีกทั้งกระแสของหนังยุคใหม่ๆ ก็เน้นให้คนรักธรรมชาติ หันมาเห็นความสำคัญของป่าไม้มากขึ้น ถ้าจับเรื่องพวกนี้มาใส่แล้วเขย่าเคล้ากับมุขฮาสำหรับเด็กๆ ล่ะก็ หนังย่อมได้ทั้งความสนุกและคุณภาพแบบไม่ต้องสงสัย
ทว่า… เดาได้ใช่ไหมครับ คนทำน่ะไม่เลือกทางนั้นหรอก เลยกลายเป็นเพียงหนังตลกสำหรับเด็กๆ สไตล์เดียวกับ Scooby-Doo และ G-Force ที่ดูจบแล้วจบกัน ยิ้มๆ ขำๆ ด้วยมุขซ้ำๆ คุ้นๆ โดยปริยาย
จุดนี้ก็เจอมาหลายรอบจนคิดแล้วล่ะครับ ว่าหนังสร้างจากการ์ตูนแบบนี้ ชอบทำเล่นง่ายไปง่ายแบบนี้เสมอ ทั้งๆ ที่หากเหยาะอะไรสำหรับผู้ใหญ่ลงไปอีกนิด มันจะแจ๋วมากเลยทีเดียว
ส่วนพวกงานเรื่องเทคนิคต่างๆ ก็คงไม่ต้องห่วงอะไรมากครับ พ.ศ.นี้แล้ว เจ้าหมีโยกี้กับบูบูเพื่อนซี้ก็ทำออกมาได้เนียน ดูมีชีวิตชีวา การพากย์ของ Dan Aykroyd และ Justin Timberlake ก็เข้าท่า ใส่ชีวิตให้เจ้าสองหมีได้ไม่เลว
ส่วนเจ้าหน้าที่สมิธ ก็ค่อนข้างแปลกใจนิดๆ ที่ให้ Tom Cavanagh ดาราไม่ค่อยคุ้นหน้ามาแสดง เพราะปกติหนังแบบนี้มักหาดาราดังๆ มาดึงคนดู แต่กระนั้นก็ยอมรับว่าหุ่นพี่แกให้ครับ ผอมๆ โย่งๆ มีใบหน้า ลำตัว และท่อนขาในระนาบเดียวกัน ดูเหมือนเจ้าหน้าที่สมิธในการ์ตูนดี ทว่าเรื่องมิติของตัวละครอาจไม่เยอะเท่าไร… ก็งี้แหละครับ หนังสร้างจากการ์ตูนน่ะ
ว่าง่ายๆ ก็คือหนังเรื่อยๆ ครับ เด็กๆ น่าจะเพลิน หรือคนที่ชอบหนังขำๆ แบบไม่ต้องคิดมากก็น่าจะโอเค ส่วนใครที่คาดหวังเนื้อหาสาระก็คงต้องลดความคาดหวังหน่อยนะครับ สไตล์มันก็ประมาณ Scooby-Doo อย่างที่ผมบอกน่ะแหละ เพียงแต่กับเรื่องนี้มันจะไม่มีความซับซ้อนลึกลับชวนให้ติดตามแบบเรื่องของเจ้าหมา Scooby… หนังมันง่ายๆ ครับ และถ้าเราดูแบบง่ายๆ ตามไปด้วย หนังก็คงพอกล้อมแกล้มให้ยิ้มได้
แต่ข้อดีอย่างหนึ่งของหนังก็คือ ดูแล้วอยากไปเดินเล่นตามอุทยานจังเลยครับ ในสวนสาธารณะก็ได้ อันนี้เป็นข้อดีของ Yogi Bear มาตั้งแต่สมัยการ์ตูนแล้วครับ ดูแล้วมันนึกถึงความเขียวและต้นไม้…จะว่าไปแล้ว หนังการ์ตูนดีๆ ก็ปลูกฝังความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติให้เด็กได้เหมือนกันนะครับ ว่าแล้วไปเดินเล่นสวนแถวๆ นี้ดีกว่า