Resident Evil หรือ Bio Hazard ถือเป็นเกมชุดแรกครับที่มีโอกาสทำออกมาเป็นหนังจนครบไตรภาค
เหตุผลประการสำคัญที่หนังลากมาจนครบ 3 ตอนได้ก็ด้วยอานิสงส์ความดังจากเกมที่เล่นซ้ำก็ยังสนุกได้ ซ้ำยังมีการพัฒนาตอนใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ลีลาลูกเล่นก็หลายหลายใช้ได้ ชื่อเสียงเรื่องดังแบบสม่ำเสมอ แล้วตัวหนังเองก็ต้องถือว่าทำออกมาได้มันส์ ตื่นเต้น น่ากลัวไม่เลว แม้จะไม่สุดยอดจนขึ้นหิ้ง แต่ถ้านับเฉพาะหนังที่สร้างจากเกมแล้ว ผมว่า Resident Evil อยู่ในข่ายดีครับ
เหตุการณ์ภาคนี้ก็เกิดหลังจากภาคที่แล้วหลายปีอยู่ครับ ในที่สุดเจ้าเชื้อทีไวรัสนรกที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตกระหายเลือดก็แพร่กระจายไปทั่วโลก จนแทบไม่เหลือคนแล้วครับ เมืองต่างๆ ก็รกร้าง บางแห่งก็โดนทะเลทรายคลุมไปหมด ดูก็ได้อารมณ์สิ่นหวังดีเหมือนกัน
ตัวเอกภาคนี้ก็ยังเป็นอลิซ (Milla Jovovich) สาวแกร่งที่นำพรรคพวกทีมเก่าที่รอดออกมาจากแรคคูนซิตี้ในภาคที่แล้ว มาสมทบกับผู้รอดชีวิตอีกกลุ่มที่นำโดยแคลร์ (Ali Larter) เพื่อช่วยกันเดินทางฝ่าทะเลทรายเนวาดา ไปยังเขตอลาสก้าที่ว่ากันว่ายังปลอดภัยอยู่
ก็แน่ล่ะครับ ระหว่างทางเจอสารพัดซอมบี้ แล้วยังตัวประหลาดกลายพันธุ์อีกทั้งอีกา หมาดุ และเจ้าไทแรนท์ ตัวประหลาดโหดอำมหิตที่สมัยในเกมนี่กว่าจะปราบได้เล่นเอาเหงือกแห้งแล้วแห้งอีก
ภาคนี้จัดว่ามันส์ดีครับ สนุก ตื่นเต้นใช้ได้ทีเดียว ในฐานะหนังสร้างจากเกมผมก็ไม่ผิดหวังนะ อาจเพราะมันไม่หวังมานานแล้วก็ได้ ไม่เหมือนสมัยแรกๆ ที่อดตั้งความหวังไม่ได้เพราะเกมมันสนุก มันมันส์ เลยคิดว่าหนังน่าจะมีอะไรชวนเร้าระทึก แต่พอเวลาผ่านก็เข้าใจล่ะครับว่าเกมกับภาพยนตร์มันเป็นความบันเทิงคนละชนิด จะให้เกิดความสนุกเมามันส์เท่ากันคงเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่จริตความชอบของคนซะล่ะมากกว่า
กลิ่นอายเรื่องราวก็ผสมผสานใช้ได้ครับ แอ็กชัน ผสมน่ากลัว แล้วการที่เหตุไปเกิดที่ทะเลทรายก็ได้อีกอารมณ์ที่ไม่เลว ก็ตรงกับเจตนาของทีมงานที่อยากได้อารมณ์ประมาณ Mad Max น่ะครับ
Paul W.S. Anderson ผู้กำกับภาคแรกที่เป็นตัวตั้งตัวตีทำสองภาคแรกก็กลับมาจัดการเขียนบทให้ครับ ส่วนหน้าที่กำกับตกเป็นของ Russell Mulcahy แห่ง Highlander 2 ภาคแรกกับ The Shadow ที่หลังๆ ฝีมือชักสาละวันเตี้ยลง ตอนแรกผมก็ห่วงนะว่าหนังมันจะรอดไหมหว่า แต่ปรากฏว่าโอเคเลยครับ อาจเพราะมันไม่ค่อยมีอะไรมากก็ได้ แค่บู๊ไปเรื่อยๆ เผยปมไปเรื่อยๆ สยองไปเรื่อยๆ ถ้าคุมอยู่ก็สบายแล้ว ซึ่ง Mulcahy โอเคอยู่แล้วสำหรับแอ็กชันผสมไซไฟลักษณะนี้
ส่วนดาราก็หายห่วงครับ เลือกมาดีอยู่แล้ว Jovovich ก็เป็นอลิซเต็มตัวไปแล้วครับ ส่วน Larter สาวสวยอีกคนที่ผมแอบปลื้มและหวังจะให้ดังๆ กับเขาซะทีก็ดังสมใจครับ เล่นได้ลื่นมาก และ Oded Fehr ก็ตามมาแสดงเป็น คาร์ลอส โอลิเวร่า ขานี้ก็เล่นคล่องดูองอาจดีล่ะครับ เรื่องนักแสดงนี่ผมว่าลงล็อกนะ ยิ่งไอ้คุณด็อกเตอร์ไอแซ็กก็ได้ขาตัวร้ายมืออาชีพอย่าง Iain Glen มาสวมวิญญาณร้าย ก็ชั่วน่ากระทืบได้แบบไม่ผิดหวัง อีกคนที่แอบปลื้มก็คือ Spencer Locke เจ้าของบทเคมาร์ท อีกหนึ่งสาวสวยที่ร่วมขบวนไปกับแคลร์ น่ารักดีครับ แล้วยังดูน่าเอาใจช่วยอีกด้วย
โดยรวมๆ ผมว่าภาคนี้บู๊ได้เต็มที่ เอามันส์ถึงใจมากขึ้น แต่พื้นที่การสู้อาจกว้าง ทำให้อารมณ์กดดันแบบเผชิญซอมบี้ในที่ปิดตายมันมีไม่มากนัก แต่ก็เป็นอีกรสน่ะครับ
จริงๆ หนังสร้างจากเกมนั้นไม่ต้องวาดฝันเนรมิตอะไรใหม่หมดหรอกครับ แค่เอาส่วนดีๆ จากเกมมาขยายต่อให้ได้เรื่องก็ถือว่าสอบผ่านได้แล้ว เพราะหนังหลายเรื่องไม่รู้ทำไม รู้ทั้งรู้ว่าคนอยากดูเพราะเกมดัง เพราะเกมมีดี แต่ดันทะลึ่งทำแหวกไม่เหมือนในเกมซะได้ ส่วน RE นี่ถือว่าตรงกับคอนเซปต์ในเกมดีครับ แม้จะไม่เป๊ะๆ แต่ก็ไม่เสียหาย
อีกอย่าง ภาคนี้ถือเป็นการยำใหญ่ที่เข้าท่าดีครับ บู๊กันทั้งในและนอกสถานที่ เหมือนเอาสองภาคแรกมาผสมกวนเข้าด้วยกัน ดึงจุดเด่นมาถ่ายทอด แล้วก็ใส่ความยิ่งใหญ่ลงไป เอาแค่จำนวนซอมบี้เห็นก็อยากเอาทรายยัดปากตัวเองตายแล้วครับ มันมาขนาดนี้อ้ะ จะรอดได้ยังงาย ฮือๆๆ หรือฉากบู๊กับตัวร้ายใหญ่ๆ ก็ไม่ผิดหวัง จริงๆ ผมออกจะชอบภาคนี้ไม่แพ้ภาคแรกเลยล่ะครับ มันส์ดี
สรุปว่าเป็นตอนต่อที่สนุกครับ สำหรับหนังที่สร้างจากเกมและหนังสไตล์สู้รบปรบมือกับซอมบี้ที่สนุกตามมาตรฐาน อาจจะไม่ได้มีสาระใดๆ มากมาย แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นนอกจากสาระล่ะก็ อยากได้อะไรก็มีครบล่ะครับ ซอมบี้กัดดุ ฉากโหด คนตายก็ตายสยองกันไป คนรอดก็ต้องลุ้นอีกว่าต่อไปจะเจอพวกนี้ตอนไหน เฮ่อ อยู่ในโลกที่อุดมซอมบี้นี่เครียดแย่เลยนะเนี่ย
คิดๆ อยู่ อยากเอาสามภาคมานั่งดูต่อกันอีกสักรอบ… สงสัยตอนออกนอกบ้านนี่คงผวาซอมบี้น่าดู ใครวิ่งมานี่หลอนล่ะครับ นึกว่าซอมบี้จะพุ่งมากัด