หลังจากเคยเลื่อนฉายมาทีนึงตั้งแต่เดือนตุลาคม ตอนนี้หนังที่น่าสนใจเรื่องนี้อย่าง Before I Go to Sleep ก็ได้เข้าฉายให้ชมกันแล้ว โดยในบ้านเราใช้ชื่อว่า หลับ ลืม ตื่น ตาย ซึ่งมีเจ๊ นิโคล คิดแมน มารับบทนำนั่นเอง
เรื่องราวของ คริสทีน (นิโคล คิดแมน) ผู้หญิงที่หลังจากประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ทำให้เธอต้องสูญเสียความจำทั้งหมด โดยสมองของเธอจะมีความจุเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น และทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาก็เหมือนกดปุ่มรีเซ็ทตัวเองทุกวัน คริสทีน พยายามประติดประต่อเรื่องราวว่าตัวเองเป็นใคร เกิดอะไรขึ้นกับเธอ และที่สำคัญก็คือการหาคำตอบว่าใครที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่า คริสทีน จะมีทั้งสามี (รับบทโดย โคลิน เฟิร์ธ) และหมอ (รับบทโดย มาร์ค สตรอง) ที่คอยดูแลช่วยเหลือเธอ แต่แท้จริงแล้วเธอจะสามารถเชื่อใจพวกเขาได้หรือไม่
หนังกำกับโดย ผกก.หน้าใหม่อย่าง โรแวน จ็อฟฟ์ ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายในชื่อเดียวกัน (ซึ่งฉบับนิยายบ้านเราแปลไทยใช้ชื่อว่า ก่อนนอนคืนนั้น) ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบมากกับหนังแนวที่ตื่นมาแล้วไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร อยู่ที่ไหน หรือต้องทำอะไรในโลกใบนี้ อารมณ์ประมาณแบบ Cube, Wrecked หรือแม้แต่ The Maze Runner และ Open Grave ที่เพิ่งผ่านตาไป ซึ่งไม่ว่าตอนจบเฉลยนั่นจะตกม้าตายเพียงใด แต่ถ้าหากหนังเรื่องนั้นสามารถควบคุมความน่าสนใจระหว่างทาง ทำให้คนดูสงสัยไปกับมัน และอยากร่วมหาความจริงกับตัวเอกไปได้ หนังแนวนั้นก็จะถือว่าเป็นหนังลึกลับที่สอบผ่าน ซึ่งในขณะเดียวกันหนังเหล่านี้มักจะพูดถึงเรื่องของ อัตลักษณ์ และ ความทรงจำ ในรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน และการให้ความที่ว่านั่นของ Before I Go to Sleep นั่นก็โอเคทีเดียว
Before I Go to Sleep
กับการที่ตัวหนังพูดถึง อัตลักษณ์ และ ความทรงจำ ที่ดูเหมือนตัวละครเอกของเราอย่าง นิโคล คิดแมน จะให้ความสำคัญกับสิ่งหลังมากกว่า และตัวหนังก็สามารถต่อยอดไปถึงเรื่องราวที่ว่ามนุษย์เราสามารถถูกเชื่อมต่อกันด้วยความทรงจำ และ ประสบการณ์ ออกมาได้อย่างน่าสนใจ และในขณะเดียวกันก็ยังพูดเหน็บแหนมถึงเรื่องของ อัตลักษณ์ และ ตัวตน ไปด้วย
แต่ในขณะเดียวกันเมื่อตัวประเด็นเรื่องของหนังยังขับเคลื่อนไม่หยุด ตัวหนัง Before กลับสอบตกในการพยายามทำให้ผู้ชมมีส่วนร่วม และ น่าสนใจ เพราะเอาเข้าจริงๆบทหนังถือว่าออกมาเข้าขั้นโอเค และมีลูกเล่นให้ได้ลุยกันอีกเยอะ แต่คงด้วยความมือใหม่ของ ผู้กำกับ เลยไม่รู้จะจัดการกับวัตถุดิบของตนเองอย่างไร ผลงานที่ได้ออกมาจึงค่อนข้างจืด และ ไร้รสชาติ โดยเฉพาะการพยายามหาความจริง และการได้รับข้อมูลใหม่ในทุกๆวันของนางเอก ที่หลังๆผู้กำกับชักดูเหมือนขี้เกียจ จึงรีบกดเร่ง Fast Forward เพื่อไปถึงตอนจบแบบที่ทิ้งปมทุกอย่างที่ปูมาไว้อย่างน่าเสียดาย
ทางด้านนักแสดงสาวอย่าง นิโคล คิดแมน เธอก็ดูเหมือนจะพยายามสุดตัวกับการแสดงในยุคหลังๆของเธอแล้วจริงๆ ในขณะเดียวกันหนุ่ม โคลิน เฟิร์ธ ที่กลับมาพบเจอกันอีกครั้งหลัง The Railway Man ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้โชว์ฝีมือทางการแสดงมากสักเท่าไหร่นัก มีแต่ฉากที่คล้ายละครหลังข่าวมากกว่าที่อาจจะตรึงคนดูอยู่กับเก้าอี้ได้