![ultraviolet.32327](https://10000tip.files.wordpress.com/2018/01/ultraviolet-32327.jpg?w=639)
ลองว่าคนทำหนังแอ็กชันมันส์ๆ ลีลาเด็ดๆ อย่าง Kurt Wimmer (จาก Equilibrium) ประกาศว่าจะเอากระบวนท่าบู๊สไตล์ Gun kata ที่เขาคิดขึ้นมาสานต่อในหนังเรื่องนี้ ความอยากดูของผมก็เพิ่มขึ้นหลายจุด
กระบวนท่า Gun kata ที่ว่าคือ การบู๊แบบยิงปืนแต่มีลีลาเหมือนออกหมัด ดังนั้นดีกรีความเท่ห์และพุ่งเพิ่มทวีคูณ จากการยิงกันธรรมดาก็เลยมีความพริ้วลงไปด้วย
พอได้ดูก็โอเคกับลีลาบู๊ที่ตื่นตา มีการเล่นมุมกล้องเสริมอะไรใหม่ๆ ลงไปพอสมควรครับ แต่พอดูจบกลับรู้สึกไม่ประทับใจ ไม่ติดตาดังคาดหมาย ใจลึกๆ ก็บอกอยู่จี๊ดๆ ว่า Equilibrium น่าจดจำกว่ากันเยอะ
![](https://m.media-amazon.com/images/M/MV5BMTg2NDM5MDg0Nl5BMl5BanBnXkFtZTYwOTU2ODY3._V1_.jpg)
และที่ชวนฉงนยิ่งกว่านั้นคือ ตอนแรกเท่าที่ติดตามข่าวมา Wimmer ให้สัมภาษณ์ว่าทำหนังเรื่องนี้ออกมาโดยเอาเรื่องราว Gloria งานดราม่าเก่าของผู้กำกับ John Cassavetes มาบอกเล่าในแนวแอ็กชัน ซึ่งเรื่อง Gloria ก็เกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่อาจหาญกล้ายืนหยัดท้าอำนาจเหล่ามาเฟีย เพื่อปกป้องเด็กคนหนึ่ง ดังนั้นโดยโครงหลักๆ Ultraviolet ก็จะเดินตามรอยนั้น นั่นคือการมีผู้หญิงเก่งๆ สักคนมาต่อต้านทรชนคนชั่วโดยใช้ปืนเป็นเครื่องเจรจา
ทว่าในหนังเหมือนจะเหลือแต่แอ็กชัน ส่วนของดราม่าดันไม่เจอปรากฏในหนังแม้แต่น้อย
ผมก็คิดในใจว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นหลังถ่ายทำเสร็จแน่นอน เพราะเชื่อว่า Wimmer ที่ลงมือเขียนบทเองก็น่าจะใส่รายละเอียดเชิงดราม่าลงไปไม่น้อย เหมือนสมัยทำ Equilibrium ที่เขาก็เขียนเองกำกับเองเช่นกัน และหนังก็กลมกล่อมพอประมาณมีแอ็กชันผสมกับเรื่องแนวคิดความเป็น “ปัจเจกบุคคล” ในอัตราส่วนที่สมดุลย์ใช้ได้
แล้ว Ultraviolet ไหงมีแต่แอ็กชัน หรือจะโดนนายทุนตัดฉากดราม่าออกไปกันหนอ…
![](https://images.justwatch.com/backdrop/8800199/s1440/ultraviolet)
งานนี้ผมดันเดาถูกซะอีก เพราะ Wimmer ก็ออกมาบ่นว่าหนังยาว 120 นาทีของเขาโดนนายทุนสั่งตัดเหลือแค่ 88 นาที เอาส่วนที่เป็นดราม่าแฝงปรัชญาแง่คิดออกไปเรียบวุธ ได้ข่าวว่า Wimmer โกรธจัดถึงขั้นเข็ดการทำงานกับสตูดิโอใหญ่ๆ ไปเลย
โดยโครงหลักๆ มันก็คล้าย Gloria อย่างเขาว่า Milla Jovovich นางเอกสาวสวยแบบหน้าตาเป็นเอกลักษณ์มารับบท ไวโอเล็ต (ซึ่ง Wimmer บอกไว้ว่าเขาเขียนบทนี้มาเพื่อเธอโดยเฉพาะ) สาวสวยที่ติดเชื้อไวรัสทำให้มีพลังความสามารถพิเศษและมีทักษะการต่อสู้ขั้นเทพ เธอก็เลยใช้พลังนั่นในการต่อต้านพวกองค์กระหรือบริษัทตัวร้ายที่ขยันผลิตไวรัสออกมาทำลายความสงบสุข และพอดีที่เธอได้เจอกับเด็กชายคนหนึ่งที่ในตัวมีแอนติเจนหรือสารต่อต้านที่สามารถคร่าเจ้าไวรัสนี้ได้ เธอเลยทำหน้าที่ปกป้องเขาให้พ้นจากเงื้อมมือผู้ร้าย และหาทางผลิตยาต้านไวรัสออกมาเพื่อช่วยคนอื่นๆ
![](https://maelstromcore.com/sandbox/wp-content/uploads/2013/08/ultraviolet-2006-01-g.jpg)
ก็อย่างว่าล่ะครับ โครงหลักน่ะใช่ แต่เนื้อในเน้นแต่บู๊ล้วนๆ จนหนังเหมือนจะห้วนไปหน่อย
จริงๆ ถ้าจะดูเอามันส์แบบไม่คิดอะไรมากล่ะก็ไม่มีปัญหาครับ ถ้าคุณเป็นคอหนังบู๊ล้วนๆ หนังเรื่องนี้น่าจะตอบสนองความต้องการด้านความมันส์ได้บ้าง แต่หากคุณชอบหนังที่มีส่วนผสมลงตัวหน่อย เช่น มีดราม่าผสมนิดๆ เพื่อให้เรารู้สึกผูกพันกับเรื่องราวและตัวละคร เรื่องนี้ก็อาจสร้างความผิดหวังไม่ใช่น้อย
ดังนั้นถ้าทำใจซะว่าดูหนังโชว์ฉากบู๊ เหมือนดูการแสดงสตั้นท์โชว์ก็พอกล้อมแกล้ม แต่ถ้าอยากได้อะไรเป็นเนื้อเป็นหนังมากกว่านี้ก็ขอหบอกว่าอย่าดีกว่าครับ อย่าคาดหวังแล้วคุณอาจจะสนุกกับหนังก็ได้
น่าเสียดายเหมือนกันเพราะลีลาบู๊ในเรื่องก็ไม่เลว ยิ่งการแสดงบทนี้ของ Jovovich ก็ถือว่าเหมาะอย่างยิ่ง เพราะหน่วยการท่าทางองอาจทะมัดทะแมงอย่างแรง
แต่ทำไงได้ล่ะครับ สตูดิโอเขามีอำนาจสั่งการ หนังเลยออกมาห้วนๆ แบบนี้น่ะแหละ