ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

ดูหนัง The Legend of Bagger Vance ตำนานผู้ชายทะยานฝัน (2000) เต็มเรื่อง

ดูหนัง The Legend of Bagger Vance ตำนานผู้ชายทะยานฝัน (2000) เต็มเรื่อง
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังดราม่า

เรื่องย่อ : ดูหนัง The Legend of Bagger Vance ตำนานผู้ชายทะยานฝัน (2000) เต็มเรื่อง

ดูหนัง The Legend of Bagger Vance ตำนานผู้ชายทะยานฝัน (2000) เต็มเรื่อง

 

 

เรื่องย่อ : The Legend of Bagger Vance ตำนานผู้ชายทะยานฝัน (2000)
ในฐานะที่เป็นชายชราที่มีอาการหัวใจวายที่หกของเขาในขณะที่เล่นกอล์ฟฮาร์ดีสนับ ( แจ็คเลมมอน ) Contemplates ว่าภรรยาของเขาเคยถามเขา (ก่อนที่เธอจะผ่าน) ทำไมเขายืนยันในการเล่นเกม "ที่ดูเหมือนว่าชะตาจะฆ่า" [4]เขา . การอธิบายถึงความรักในเกมนี้เขาเริ่มเรื่องราวของไอดอลวัยเด็กของเขา: Rannulph Junuh ( Matt Damon )
Junuh เป็นลูกชายคนโปรดของSavannah, Georgia : นักกอล์ฟที่น่าจดจำจากตระกูลที่ร่ำรวย; เขาและแฟนสาวชื่อ Adele Invergordon ( Charlize Theron ) ดูเหมือนจะมีทุกอย่าง ในขณะที่ทำหน้าที่เป็นกัปตันในกองทัพสหรัฐฯในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจุนห์รู้สึกเจ็บปวดเมื่อ บริษัท ทั้งหมดของเขาถูกกำจัดออกจากการสู้รบ แม้ว่าเขาจะแสวงหาเหรียญเกียรติยศเขาหายไปหลังจากสงครามกลับไปยังจอร์เจียปีต่อมาเป็นลงเสียแอลกอฮอล์

IMDB : tt0146984

คะแนน : 6.7

รับชม : 532 ครั้ง

เล่น : 193 ครั้ง

ป้ายกำกับ : หนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ฟรี , ดูหนังออนไลน์ฟรีเต็มเรื่อง



ใครหนอเคยพูดไว้ว่า ความเชื่องช้านั้นคือ ความงดงามอย่างนึง

เพราะบางที.. อะไรที่เร็วไป เราจะไม่ทันพินิจพิจารณาถึงรายละเอียดที่งดงามของสิ่งนั้นๆได้..
ถ้าเป็นผู้หญิง.. มองเร็วๆแล้วเห็นว่า สวย เขาเรียกว่า
สวยผาด..
แต่หากต้องใช้เวลา ต้องมองช้าๆ นิ่งๆ.. นานๆ..    กว่าจะเห็นว่า
สวย ..
แบบนั้นเขาเรียกกันว่า
..สวยพิศ..
ซึ่ง..  ถ้ามอง นิ่งๆ นานๆ.. นานมากแล้ว  ยังไม่เห็นว่า สวย ล่ะก็..
คราวนี้ให้เรียกว่า สวยพิษ แทน! .. 
ความสวยเป็นพิษ 555
............................................................................

กีฬาอย่างนึงที่ฉันคิดว่ามันสวยด้วยความช้าก็คือ กอล์ฟ..
ตัวกีฬาจริงๆค่ะ.. ไม่ใช่ แคดดี้! 555..
และถึงจะเล่นไม่เป็น ดูไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยังอยากจะเขียนถึงอยู่ดี..
เพราะขนาดครั้งก่อนยังกล้าเขียนถึงหนังเกี่ยวกับเทสนิสเรื่อง วิมเบิลดัน..
เล่นก็ไม่เป็น ดูก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน รู้แค่ว่า มันเป็นกีฬาที่เร็วมาก..

ป็อก   แป๊ก..  เอช!..  จบแล้ว!
ถือว่า การไม่รู้เรื่องในกีฬาที่จะเขียนถึงนี่ ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับฉันเลย 555..
โยนให้เป็นอุปสรรคของคนอ่านกันไป..

กับเรื่องราวของนักกอล์ฟที่เคยเป็นหนึ่ง แต่ต้องสูญเสียวงสวิงของตัวเองไปจากการร่วมรบในสงคราม  การสูญเสียครั้งนั้น มันทำให้เขาเสียสูญ!.. ชีวิตที่เคยรุ่งโรจน์ก็กลับริบหรี่ ไม่เหลือรัศมีของคนที่เคยเป็นหนึ่งอยู่เลย..

แต่การปรากฏตัวของชายผิวดำลึกลับ กับเด็กน้อยคนนึงที่ศรัทธาในตัวเขาอย่างแรงกล้า  และการแข่งขันกับนักกอล์ฟ  คนสำคัญที่สุด 2 คนแห่งยุค ทำให้เขาค้นพบวงสวิงของตัวเองอีกครั้ง!

ถ้าใครที่ชอบหนังดุเดือดเลือดพล่าน หรือรักหวานโรแมนติกแล้วล่ะก็!..

ข้ามเรื่องนี้ไปก่อนได้เลยนะคะ

แต่ถ้าคุณชอบหนังที่..สวยงามในความรู้สึก ให้ความหวังและพลังกับชีวิต..
คุณมาถูกทางแล้วล่ะ..
เชื่อว่า คนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว คงคิดเหมือนฉันไม่ใช่น้อย!
THE LEGEND OF BAGGER VANCE

มีใครคิดเหมือนฉันบ้างว่า หนังของโรเบิร์ต เรดฟอร์ด กับคลิ้นท์ อีสต์วู๊ด มีความคล้ายคลึงกันเอามากๆ..
ทั้งในแง่ความสวยงามของภาพและมุมมองน่าสนใจในเนื้อหา ที่เมื่อดูจบแล้วเดินออกมา ก็มักจะมีอะไรติดสมอง  ให้กลับไปคิดกันต่ออีกได้มากหลาย

นอกจากนี้ตัวอย่างของความคล้ายก็เช่น เรื่องนี้ของเรดฟอร์ดกับ มิลเลี่ยน ดอลล่าร์ เบบี้ ของอีสต์วู๊ด
เกี่ยวกับกีฬาเหมือนกัน.. เดินเรื่องด้วยมุมมองและเสียงของตัวละครในเรื่องเหมือนกัน..
มิลเลี่ยน ดอลล่าร์ เบบี้  เดินเรื่องด้วยเสียงเล่าแหบเครือของ
มอร์แกน ฟรีแมน..
คนที่ว่ากันว่า  เป็นนักแสดงที่ดีที่สุดคนนึงที่อเมริกาเคยมีมา!

ส่วนเรื่องนี้.. BAGGER VANCE
เดินเรื่องด้วยเสียงที่อาจจะแหบไม่เท่า ของ
แจ็ค เลมม่อน..
แต่แจ็คก็ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพคนนึงไม่แพ้มอร์แกน ฟรีแมนเลย..

หรือต้องเป็นพระเอกระดับตำนานเท่านั้นถึงจะทำออกมาได้แบบนี้..
หรืออาจเป็นเพราะ.. พวกเขาต่างหาวงสวิงที่แท้จริงของตัวเองเจอ..

"วงสวิง"นั้นสำคัญขนาดไหน?
อันไหนเป็นวงที่แท้จริง.. อันไหนไม่ใช่.. และมันมีหลายอันเลยเหรอไอ้วงสวิงเนี่ย!

แล้วมันจะเป็นยังไง ถ้าเริ่มเรื่องมาพระเอกของเรา แรนนัลฟ์ จูนาห์ อดีตนักกอล์ฟระดับฮีโร่ของเมืองซาวาน่าแห่งรัฐจอร์เจีย  ก็บอกกับผู้คนที่พากันมาขอร้องให้เขาเป็นตัวแทนชาวเมือง เข้าแข่งขันกอล์ฟครั้งยิ่งใหญ่ที่จะจัดขึ้นที่เมืองนี้ว่า..

"ผมสูญเสียวงสวิงของตัวเองไปแล้ว.."

เมื่อใครซักคนที่เคยถูกยกให้เป็นฮีโร่ แล้วต้องพูดยอมรับออกมาว่า เขาสูญเสียทุกอย่างที่เคยทำให้อยู่ในตำแหน่งนั้นไปฉันว่า หัวใจเขาคงสลาย!..

จำไม่ได้ (อีกแล้ว) ว่าคนสำคัญคนไหนเคยพูดไว้ว่า "เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่สูงสุดแล้ว สิ่งที่เขาจะภาวนาต่อจากนั้นก็คือ ตอนที่ลงจากที่สูงนั้น ขอให้มีที่ลงมาดีๆ แบบสวยงาม และไม่ใช่กลิ้งคว่ำคะมำหงายลงมา!"..

แรนนัลฟ์ จูนาห์ อาจไม่ได้ภาวนาแบบนั้นเมื่อตอนที่เขาอยู่ในตำแหน่งฮีโร่ก็จริง แต่ทว่าตอนลงของเขา  กลับเหมือนกับที่มีคนภาวนาว่าไม่อยากให้เกิดขึ้นเป๊ะ!
คือ.. ล้มคว่ำแบบไม่เป็นท่านั่นเอง..

แถมมันยังดูย่ำแย่มากขึ้นไปอีก  เมื่อล้มลงแล้ว ก็ยังไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืนได้ใหม่ด้วยซ้ำ!

การสูญเสียอะไรก็ตามที่ทำให้ชีวิตเราพังได้ขนาดนี้..

สิ่งนั้นคง"สำคัญ"มากเลยใช่มั้ยคะ?

เมื่อเห็นชีวิตของจูนาห์ในสภาพนี้  ก็เหมือนกับหนังได้เฉลยคำตอบของความสำคัญของ"วงสวิง"นั่นเอง..

...................................................................

ช่วงเวลาแห่งการสูญเสียในสงครามมันกัดกร่อนวิญญานของเขา.. แต่ละวันได้แต่จมอยู่กับขวดเหล้า แอบอยู่หลังวงไพ่

จนเมื่ออเดล  อินเวอร์กอร์ดอน ภรรยาของเขาที่สู้วิกฤติชีวิตและไม่ยอมให้ใครมาดูหมิ่นความฝันของพ่อ ที่เขาต้องการจะทำสนามกอล์ฟ ครูวไอร์แลนด์ของเขา ให้เป็นสนามกอล์ฟที่หรูที่สุดแห่งยุคได้.. แต่เมื่อเจอกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแบบไม่ทันตั้งตัว..

ในขณะที่พ่อของเธอยอมแพ้   และ..  ฆ่าตัวตาย!

และถูกกดดันให้ขายสนามกอล์ฟทิ้งในราคาถูก.. แต่.. อเดลกลับเลือกทำในสิ่งที่ต่าง..

มองไปที่ผนังห้อง.. คิดเล็กน้อยเมื่อสายตาหยุดอยู่ที่รูปของนักกอล์ฟชื่อดังแห่งยุค.. แล้วก็บอกกับคนที่เข้ามากดดันให้ขายเหล่านั้นว่า..

"จะมีการแข่งขันสาธิตของนักกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค 2 คนที่สนามกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างครูวไอร์แลนด์นี่  โดยจะมีเงินรางวัลหนึ่งหมื่นดอลล่าร์สำหรับผู้ชนะการแข่งขันนี้"

พวกที่ได้ยินต่างพากันตกใจ ตาลุก พร้อมกับบอกว่า "หมื่นดอลล่าร์เลยเชียวนะ!"

"ที่จริงฉันก็อยากให้มันมากกว่านี้ แต่นั่นก็เป็นจำนวนที่ฉันขายทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองแล้ว"  อเดลบอก..
..ยกเว้นสนามกอล์ฟครูวไอร์แลนด์!"...

ถ้าดูในโรง ..ถึงตอนนี้ฉันอาจเผลอลุกขึ้นยืนตบมือให้อเดลสุดแรงเกิดนะคะ
อาจมีเป่าปากแถมให้ด้วย..555..

..................................................................

และเพราะสิ่งที่อเดลทำนี่เอง ทำให้ผู้คนในเมืองพากันมองหาคนที่จะมาเป็นตัวแทนแห่งความภูมิใจของคนทั้งเมือง ได้เข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ด้วย!
มองไปมองมาไม่เห็นใคร.. หวยดันไปออกที่ แรนนัลฟ์ จูนาห์ เพียงเพราะเด็กชายคนนึงพูดโพล่งขึ้นมาในที่ประชุมของชาวเมืองว่า..

"แรนนัลฟ์ จูนาห์ คือคนที่จะไปสู้กับ 2 คนนั่นได้!"

เด็กชายคนนี้คือ ฮาร์ดี้ กริฟส์ (โตขึ้นมาเป็น แจ็ค เลมม่อนนั่นเอง).. ผู้ชื่นชอบกอล์ฟเป็นชีวิตจิตใจ..
เขาเติบโตมาพร้อมกับสถิติต่างๆในการแข่งขันของจูนาห์เลยทีเดียว..

..........................................................................

เมื่อชาวเมืองพากันไปหาจูนาห์.. กับคำตอบที่เขามีให้กับผู้คนเหล่านั้น
"ผมสูญเสียวงสวิงของตัวเองไปแล้ว.."

ประโยคไม่ยาว ที่มีความหมายมากกว่าความยาวของประโยค!
การสูญเสียวงสวิง ก็เหมือนกับเขาสูญเสียวิญญานส่วนหนึ่งของชีวิตไปด้วยแล้ว!..
"คุณจะให้คนที่มีเหลือแต่ชีวิต ทว่าไร้วิญญานไปแข่งขันอะไรกับใครได้?"

แม็ท เดมอนในบทของ แรนนัลฟ์ จูนาห์ ทำสิ่งสำคัญในชีวิตขนาดนี้หายไป..
หนังจงใจทำให้มัน "หาย" เพื่อที่จะได้
"ค้นหา"
แล้ว..มีใครช่วยเขาหาบ้างมั้ยนะ?

ท่ามกลางความมืดในคืนหนึ่ง ขณะที่จูนาห์พยายามตีกอล์ฟอีกครั้ง..

ชายผิวดำ ช่างพูด อารมณ์ดีเดินฝ่าความมืดมาจากทางไหนไม่รู้ บอกว่า ตัวเองเป็นนักเดินทางผ่านมา แนะนำตัวว่า เขาชื่อ แบกเกอร์ แวนซ์.. เขาเอ่ยปากขออาหาร  ซึ่งจูนาห์ก็บอกให้ไปหาเอาจากในบ้านได้เลย..
แต่.. แทนที่จะไปกินอาหาร.. เขากลับยืนดูว่าจูนาห์ทำอะไร..แล้วพูด...พูด..พูด..

"การจับไม้ตีของใคร ก็เหมือนการมองโลกของคนนั้น..จังหวะของเกมก็เหมือนกับจังหวะของชีวิต"
และอีกมาก จนจูนาห์รำคาญก็เลยให้แบกเกอร์ลองตีดู กลับเป็นว่า แบกเกอร์ตีได้สวย..สวยจนจูนาห์คิดว่าเขาเป็นนักกอล์ฟ
แต่..แบกเกอร์ ปฏิเสธ!..  พร้อมกับบอกจูนาห์ว่า

"เคล็ดลับมันอยู่ที่.. คุณต้องหาวงสวิงของตัวเองให้เจอ.. คุณเสียวงสวิงของตัวเองไปแล้ว  เราต้องหามันให้เจอ มันอยู่ในองค์ประกอบของทั้งหมด"

และนี่ก็คือ หนึ่งคนที่มาช่วยจูนาห์ค้นหาวงสวิงของตัวเอง ..กับตำแหน่ง แคดดี้.. ในบทแบกเกอร์ แวนซ์..  ของวิล สมิธ!
.......................................................................

ได้ดูวิล สมิธ มาตั้งแต่ซีรี่ส์เรื่องThe Fresh Prince of Bel -Air ก็ชอบเขามาตั้งแต่ตอนนั้น..
นานๆจะเห็นคนผิวสีหน้าตาดีๆแบบนี้ซักคนนะคะ 555..
แถมเป็นนักร้องที่เก่งเอามากๆ.. หน้าตาก็ดี ตลกก็ตลก..  มันทำให้จดจำเขาได้ในลักษณะหลักๆที่ว่ามา..
บวกกับหนังที่เขารับก็มักจะเป็นบทสนุกสนาน ในหนังอารมณ์ดี.. ไม่ก็บทบู๊อะไรไปเลย!
แต่ก็ไม่ทิ้งลายของตัวเองคือ ตลก..  อย่างใน Bad Boy ก็ใช่.. จนมาในปี
2000
เมื่อได้ดูวิลในเรื่องนี้.. ไม่แปลกใจเลยว่า กว่าที่เขาจะเล่นบทดราม่าหนักๆได้ดีเหมือนที่หลายคนคิดอย่างในThe Persuit of Happyness นั้น.. เขาเล่นบทดราม่าได้ดีมาตั้งแต่เรื่อง BAGGER VANCE นี่แล้ว..

ที่ว่าเขาเล่นได้ดีก็เพราะ.. ในสไตล์หนังของเรดฟอร์ด นั้น เนื้อเรื่องมักจะไม่หวือหวา แต่ว่าบทจะลึกซึ้ง..
ลักษณะบทแบบนี้ แสดงออกมาเป็นท่าทางได้ยาก ..ส่วนใหญ่จะแสดงออกมาทางสีหน้า แววตา และรายละเอียดอากัปกิริยาเล็กๆน้อยๆ

..ซึ่งไอ้ส่วนใหญ่นี่แหละที่.. โครตยากเลยนะคะ  555..


ที่ผ่านมาในวงการนักแสดงเขาว่ากันว่า คนที่เล่นแนวนี้ได้ดีก็อย่าง เมอรีล สตรีพ.. ทอม ครู๊ซ.. นิโคล.. แดเนียล เดย์ ลิวอิสฯลฯ
แต่จะมีซักกี่คนที่เล่นดราม่าได้ดี แล้วเล่นตลกได้ด้วย?.. รายชื่อที่ว่ามานี่  ถ้าเล่นแล้วจะตลกมั้ย?..

เพราะฉะนั้น ส่วนตัวแล้วใครที่ทำได้ทั้ง 2 อย่างแล้วดี ควรชื่นชมให้มากๆ.. อย่าง?

ทอม แฮงค์.. ใช่เลย!..    หนังอย่าง Cast away และ Big ต่างกันลิบ..
แจ็ค นิโคลสัน.. สุดยอด!..  The Shinning เขาแสดงได้น่ากลัวมาก แต่ใน as good as it gets ทำให้หัวเราะทั้งน้ำตาจริงๆนะ..
ฮิวจ์ แกรนท์.. 

????????????????

บ้าจริง!.. ถ้าไม่เขียนถึง 2 คนข้างบนนั่นซะก่อนก็ใส่ชื่อนี้ได้หรอกนะคะ..555..
แต่ไม่เป็นไร..  ใส่ไว้ในใจก็ได้ 555..

ซึ่งสำหรับ วิล สมิธ แล้ว..  ใส่ต่อชื่อ 2 คนข้างบนได้เลยอย่างสง่างาม.. เพราะหนังทำเงินถล่มบ็อกซ์ออฟฟิศอย่าง MIB ที่ตลกขำฮากับบทดราม่าแสนประทับใจใน The Persuit of Happyness นั้น ถือว่า สมศักดิ์ศรีจริงๆ!

...................................................................................

ตายล่ะ!  เดี๋ยวจะหาว่าลำเอียง..  เพราะเรื่องนี้อีกคนรัศมีออสการ์รำไรออกมาตั้งแต่ตอนนั้นยังมีอีกคนนะคะก็คือ ชาลีซ เธอรอน  ในบทอเดล อินเวอร์กอร์ดอน ภรรยาผู้เพียบพร้อมของจูนาห์นั่นเอง..

อเดลเป็นผู้หญิงที่ครบเครื่องคือ สวย รวย เก่ง.. ก่อนจูนาห์ไปรบ..เธอรักกับเขา และได้แต่งงานกัน
แต่เมื่อเขาไปรบกลับมา.. เขาไม่กลับมาหาเธออีกเลย..!!

เป็นผู้หญิงคนอื่นคงฟูมฟาย สติแตก.. แต่.. ไม่ใช่ อเดลค่ะ..
เธอไม่ร้องไห้.. ใช้ชีวิตของเธอต่อไป..
แถมจัดการเรื่องใหญ่ๆอย่างการจัดการแข่งขันกอล์ฟของ 2 นักกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ที่ว่า เพื่อหวังพลิกชะตาให้กับสนามกอล์ฟของเธออีกด้วย..
และเธอก็ทำได้อย่างสวยงามซะด้วยสิ!
ทว่า..มีคำถามนึงติดอยู่ในใจ.. มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคู่ของเธอนะ?..

ชาลีซเล่นบทอเดลนี้ได้ดีเหลือเกิน.. เธอแสดงออกมาถึงความเป็นผู้หญิงเก่ง ที่บางครั้ง..เก่งแสนเก่งแต่ก็ไม่วาย   มีนิสัยผู้หญิงๆออกมาอยู่ดี 555.. 

ดูแล้วฉันขำเอามากๆ.. ไม่ว่าจะเป็นในฉากสำคัญที่ไม่รู้ว่า จูนาห์ของเราจะชนะหรือแพ้กันแน่ในหลุมนี้  เธอก็ยังดึงเขาออกมาเพื่อจะพูดเรื่องความสัมพันธ์ที่เธอรู้สึกสับสน และงงๆอยู่..  พูดไปร้องไห้ไป แล้วเธอก็บอกให้จูนาห์กลับไปแข่งต่อซะ!.. 

(จูนาห์อาจอยากส่งเธอลงหลุมก็ได้นะคะฉันว่า 555)

หรือแม้แต่.. ช่วงที่เธอรู้สึกผิด กับการที่ดึงจูนาห์มาแข่งครั้งนี้ แล้วเขาอาจจะแพ้..
เธอบอกว่า ไม่ใช่คนพูดว่าขอโทษง่ายๆ ต้องรวบรวมพลังอย่างมากเพื่อจะมาบอก.. แล้วที่จริงเธอคิดว่าสิ่งที่เธออยากบอกจริงๆคือ.. เธอเสียใจ..และมันไม่ได้เป็นความผิดของเธอ.. แต่ว่าเป็นความผิดของเขา.. ???

เพราะเขาทำไม่ได้และไม่ควรทำให้ชาวเมืองเสียใจ..
สุดท้าย..เธอถามจูนาห์ว่า ยังอยากจะให้เธอ"ขอโทษ"อีกมั้ย?

แม็ท เดมอนมีสีหน้าที่ฉันประทับใจจริงๆค่ะ เมื่อชาลีซถามประโยคนี้ 555..
ดูงงๆ ออกแนว.. ไรวะ? 555..  ไม่รู้ว่าต้องแสดงหรือว่ารู้สึกงงจริงๆ..
ยกประโยชน์ให้ชาลีซไปที่เล่นได้ดี จนเราดูแม็ทไม่ออกนะคะว่าเล่นดีหรือรู้สึกจริง..!
..งงมั้ยคะ 555..

.............................................................................

การตามหาวงสวิงของจูนาห์ครั้งนี้ มีแบกเกอร์เป็นคนช่วย..
ก็เหมือนกับที่เขาเป็นนักกอล์ฟ แล้วมีแบกเกอร์เป็นแคดดี้..
แล้วมีแถมเจ้าหนูฮาร์ดี้เป็นผู้ช่วยของแคดดี้เข้าไปอีกคน!

ตลอดการแข่งขันมีอุปสรรคมากมายทั้งจากภายนอกและภายใน

ภายนอก.. คือ บรรดาคู่แข่งที่เก่งเอามากๆ และสภาพสนามในรูปแบบต่างๆ
ภายใน..  คือ อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด!

เราจะชนะได้อย่างไร ถ้าในใจเรามีแต่ความสับสน ไม่มั่นใจ รู้สึกผิด หวาดกลัว ..

เมื่อเต็มไปด้วยอุปสรรคภายในใจแบบนี้ จูนาห์ก็..ถอดใจ!
เพราะตียังไงก็ไม่ดีขึ้น มีแต่ทิ้งห่างคู่แข่ง  จนคิดจะถอนตัวจากการแข่งขัน..
เขาไม่อยากจะอับอายหรือสร้างความผิดหวังให้คนอื่นมากไปกว่านี้..

กำลังจะไปอยู่แล้วแท้ๆ..  แต่ก็มีโอกาสได้นั่งคุยกับเจ้าหนูฮาร์ดี้ ที่ทะเลาะกับพ่อแล้วออกจากบ้านมา  เพราะพ่อบอกว่า จูนาห์จะแพ้!..  เจ้าหนูโกรธพ่อมาก..

จูนาห์ถามเขาว่า "นายชอบกอล์ฟมากเลยใช่มั้ย?"

"มันเป็นเกมที่สนุกที่สุดครับ ทั้งสนุกทั้งยาก เมื่อคุณยืนอยู่บนผืนหญ้าเขียวขจี ไม่มีใครเลยนอกจากคุณกับลูกกอล์ฟ.. ไม่มีใครที่คุณจะต้องเอาชนะนอกจากตัวของคุณเอง เหมือนกับที่นักกอล์ฟคนนึงโมโหตัวเอง เอาไม้กอล์ฟตีเท้าตัวเองจนนิ้วเท้าหักไป 3 นิ้ว!..
กอล์ฟเป็นเกมเดียวที่คุณสามารถลงโทษตัวเองได้.. ถ้าคุณซื่อสัตย์ต่อตัวเองนะ.. แล้วคนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น"
   เจ้าหนูตอบ..

เพราะ..บางครั้งในชีวิต..

เราอาจจะจริงจังกับมันมากไป.. อาจจะเจ็บปวด พ่ายแพ้..

แต่.. ถ้าเราคิดว่า มันก็เป็นแค่"เกม.."

มันอาจจะทำให้ชีวิต"สนุก"ขึ้น.. 

แน่ล่ะ!..ที่มันจะยังคงยากอยู่  ยังเจ็บปวดอยู่.. แต่มันจะสนุกขึ้น!

คำพูดเหล่านี้ของเจ้าหนูฮาร์ดี้  คือ "จุดเริ่มต้นในการค้นหาวงสวิงที่แท้จริงของจูนาห์นั่นเอง!"

และใครๆก็รู้ว่า จุดที่ยากที่สุดของทุกเรื่องก็คือ.. จุดเริ่มต้น..

ผ่านจุดนี้ไปได้ และถ้าไม่ท้อซะก่อน ก็จะไปถึงจุดต่อไป..และต่อไป.. จนถึงจุดหมายในที่สุด!

...............................................................

THE LEGEND OF BAGGER VANCE เปิดโอกาสให้เราได้หาวงสวิงของจูนาห์ไปพร้อมๆกันกับเขา
ผ่านคำพูดที่น่าขบคิดของแบกเกอร์ แวนซ์..
ผ่านท่าทางการตีของนักกอล์ฟชั้นยอดอีก 2 คนในเรื่อง..

ถ้าหาวงสวิงเจอ.. เราก็ชนะ.. ซึ่ง.. กอล์ฟเป็นกีฬาที่สอนให้เราชนะตัวเอง.. 
หรือเราต้องชนะตัวเองก่อน จึงจะเป็นผู้ชนะ..?
หรือนี่เป็นหัวใจของหนัง.. เป็นวงสวิงที่แท้จริงของหนังเรื่องนี้..?

เป็นวงสวิงที่.. ผู้กำกับอย่างโรเบิร์ต เรดฟอร์ดหาเจอ.. คลิ้นท์ อีสต์วู๊ดหาเจอ..
วิล สมิธ.. ทอม แฮงค์.. แจ็ค นิโคลสัน.. ฯลฯ
และคนอื่นๆอีกมากที่..
หาเจอ..

คุณล่ะ.. เจอแล้วหรือยัง?..

และ..ถ้าเจอแล้วล่ะก็..

อย่าลืมหาเผื่อฉันด้วยนะคะ 555

ป.ล.เป็นเพราะกอล์ฟเป็นกีฬาที่สวยด้วยความช้า.. จึงต้องใช้ความช้าให้สอดคล้องกับระยะเวลาในการเขียนให้มากที่สุดนั่นเอง..