Saviour of the Soul | ตายกี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้ ภาค 1

หนังได้ คอรี่ หยวน หรือ หยวนขุย เข้ามารับหน้าที่กำกับร่วมกับ หลี่ต้าเหว่ย ที่เป็นอีก 1 หุ้นส่วนใน ทีมเวิร์ค ทั้งคู่ควบคุมโทนหนังให้อยู่ในจังหวะที่พอดี ไม่เยอะหรือล้นในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งอย่างชัดเจน หนังสามารถเดินเรื่องได้อย่างที่คนดูในยุคนั้นต้องการ คือมีครบทั้ง แอ๊คชั่น คอมเมดี้ หรือ โรแมนติคดรามา โดยเฉพาะการโปรโมทว่าเป็นหนังเรื่องแรกจากการสร้างของ หลิวเต๋อหัว ดารายอดนิยมในสมัยนั้น ย่อมส่งผลให้หนัง มีผู้คนเฝ้ารอชมผลงานของดาราที่เขาชื่นชอบเป็นอย่างมาก

หลิวเต๋อหัว โด่งดังสุดๆในไทยจาก ผู้หญิงข้า ใครอย่าแตะ ( A Moment Of Romance) หลิวจึงกลายเป็นไอดอลของผู้ชายโรแมนติค ที่แม้จะเปลี่ยนบุคลิกในหนังไปแค่ไหน แต่ถ้าความโรแมนติคแล้ว เขายังคงทำได้ดีเสมอ โดยเฉพาะการได้ประกบคู่แสดงกับ ดาราสาวที่เป็นเพื่อนรักในวงการ อย่าง เหมยเยี่ยนฟาง เคมีของทั้ง 2 ช่วยให้ตัวละครในหนังทำให้คนดูอินตามได้ไม่ยากเย็นนัก ในเรื่องนี้เหมยเยี่ยนฟาง ต้องแสดงเป็นฝาแฝด ต่างบุคลิกกันด้วย นั่นทำให้เห็นถึงความสามารถของเธอในด้านการแสดงที่มากขึ้น เคนนี่ บี แม้จะมีบทน้อย แต่ไม่ทำให้คนดูลืมเขาได้เลยตลอดเรื่อง กลอเรีย ยิป ในบท น้องสาวของ จ้าวกุ้ย ที่เสี่ยวชิง ต้องดูแลเธอเมื่อพี่ชายของเธอจากไป ทำให้เห็นมุมมองของความรักที่เป็นธีมของเรื่อง และเป็นตัวละครที่ถ่ายทอดความเหงาออกมาอย่างชัดเจน หนังยังมีตัวละครที่เป็นกุญแจอีก 1 ตัวละครคือ เลดี้ตำหนักเพชร (หลิวเจียหลิง) นี่คือตัวละครที่ควรอยู่ในโลกของหนังกำลังภายใน บทของเธอเสมือนเป็นความรักที่ถูกปฏิเสธ และเมื่อ เสี่ยวชิง ได้รับการปฏิเสธจากเธอบ้าง หนังก็เปิดมุมมองของความแค้นที่สามารถให้อภัยได้ เฉกเช่น สร้างกรรมย่อมได้รับผลของกรรม