หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังวิทยาศาสตร์ Sci-fi , หนังระทึกขวัญ
เรื่องย่อ : ดูหนัง Push (2009) พุช โคตรคนเหนือมนุษย์ เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ : Push (2009) พุช โคตรคนเหนือมนุษย์
ในปี 1945 ที่สหรัฐอเมริกาชุดรัฐบาลขึ้นส่วนหน่วยงานที่แทร็คและการทดลองกับคนที่มีความสามารถของจิต พลังจิตแต่ละประเภทแบ่งออกเป็นกลุ่มตามอำนาจที่พวกเขามี สองผู้ย้ายหัวนิคแกนต์และโยนาห์พ่อของเขากำลังหลบซ่อนตัวจาก Agent Carver of Division โยนาห์บอกนิคเกี่ยวกับนิมิตที่เขาได้รับจากผู้สังเกตการณ์เกี่ยวกับนิคเด็กสาวที่ต้องช่วยในอนาคตเพื่อแยกกอง นิคเฝ้าดูคาร์เวอร์สังหารโจนาห์ก่อนที่เขาจะหนี
หลายปีต่อมาฝ่ายพัฒนายาซึ่งสามารถเพิ่มความสามารถทางจิต วิชาทดสอบทั้งหมดเสียชีวิตจนกว่า Pusher ชื่อ Kira จะปรับตัวเข้ากับมันได้สำเร็จ คิระหนีออกจากแผนกและขโมยเข็มฉีดยาของยาเสพติดก่อนที่จะหนีไปยังฮ่องกงซึ่งเป็นสถานที่หลบซ่อนตัวของจิต ตอนนี้นิคอาศัยอยู่ในฮ่องกงในฐานะชาวต่างชาติแต่มีปัญหาเนื่องจากหนี้การพนันที่เขาเกิดขึ้นในขณะที่พยายามใช้พลังของเขาในฐานะผู้เสนอญัตติเพื่อโกงเกม นิคเข้าเยี่ยมชมโดยแคสซี่โฮล์มส์ผู้เฝ้าดูวัยรุ่นขี้หงุดหงิด ซาร่าห์แม่ของเธอถือเป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยเกิดและช่วยเหลือโดยตรงในการหลบหนีของคิระ นิคตระหนักว่าแคสซี่เป็นผู้หญิงที่พ่อของเขาเห็นในวิสัยทัศน์ของเขาและตัดสินใจที่จะช่วยเธอค้นหาคิระและกระเป๋าเอกสารที่บรรจุยาที่ถูกขโมย พวกเขาถูกโจมตีโดยพวกจีนสามคนที่ตลาดและนิคได้รับบาดเจ็บจาก Bleeder ก่อนที่เขาและแคสซี่หนีไป นิคพบตะเข็บที่ชื่อเทเรซาสโตว์ซึ่งรักษาเขาจากบาดแผล
IMDB : tt0465580
คะแนน : 6.1
รับชม : 3328 ครั้ง
เล่น : 1442 ครั้ง
ป้ายกำกับ : หนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ฟรี , ดูหนังออนไลน์ฟรีเต็มเรื่อง
เป็นหนังที่ผมนับถือในความกล้าเหมือนกันนะครับ เพราะตั้งแต่เริ่มทำออกมาก็โดนมองว่าเดินตามรอย X-Men แบบโต้งๆ
ตัวเอกคือเหล่ามนุษย์ผู้มีพลังพิเศษ (แต่ไม่พิสดารเท่ามิวแตนท์ใน X-Men) นำโดย นิค แกนท์ (Chris Evans) ที่ต้องเผชิญกับองค์กรลึกลับที่ชื่อดิวิชั่นที่ตั้งหน้าตั้งตาตามล่าเหล่ามนุษย์ผู้มีพลังพิเศษ หัวหน้าของพวกดิวิชั่นก็คือ เฮนรี่ คาร์เวอร์ (Djimon Hounsou) ซึ่งก็ตามสูตรครับว่าต้องมีความแค้นกับนิคตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อให้การปะทะกันมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ทีนี้พอพวกดิวิชั่นมาล่า เขาก็ต้องหาทางรับมือ (กึ่งๆ หลบหนีไปตั้งหลัก) ก็พอดีมีเด็กสาวที่มีพลังทำนายอนาคตเดินตรงรี่มาหาเขา เพื่อขอความช่วยเหลือและกะจะร่วมมือกันสู้กับพวกดิวิชั่น ประมาณว่าสองหัวดีกว่าหัวเดียว สาวน้อยคนนี้ก็มีชื่อว่า แคสซี่ โฮล์มส์ (Dakota Fanning) ที่จัดการทำนายอนาคตให้นิคเสร็จสรรพเลยว่า การปะทะกับพวกดิวิชั่นหนนี้ เป็นไปได้สูงมากว่า นิคกับเธอต้องตายแน่นอน (เป็นมงคลเหลือเกินนะครับเนี่ย )
นอกจากนี้นิคเองยังต้องหาทางช่วยเหลือ ไคร่า (Camilla Belle) หนึ่งในผู้มีพลังจิตที่อาจเป็นกุญแจพลิกชะตากรรมของพวกเขา อีกทั้งนิคเองก็ยังมีอดีตบางอย่างกับเธอด้วย… แล้วเรื่องจะพลิกไปทางไหนต่อไป ก็ต้องไปตามดูต่อนะครับ
ผมว่าหนังมันดูเป็นเกรดบีแบบเต็มๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่น่าสนใจนะครับ ผู้กำกับ Paul McGuigan แห่ง Lucky Number Slevin ก็คุมหนังได้ไม่เลว แต่น่าเสียดายที่บทมันไม่ค่อยมีอะไรดึงดูดนัก เราๆ ท่านๆ ก็พอจะเดาเรื่องได้น่ะครับ แม้ตอนท้ายจะมีปมปริศนาเกี่ยวกับตัวไคร่าเพิ่มลงมาอีกหน่อย แต่มันก็ไม่ได้เกินคาดเดา ดูไปดูมาเลยออกอารมณ์เฉยๆ เป็นส่วนใหญ่
จริงๆ หนังก็โอเคล่ะครับ ตามมาตรฐาน เพียงแต่มันไม่ค่อยจะมีอะไรใหม่หรือปมที่ชวนติดตามนัก จุดที่ผมเสียดายนิดๆ คือสารพัดพลังพิเศษของเหล่าคนพลังจิตที่ไม่ค่อยมีลูกเล่นให้ตื่นตาเท่าไหร่ นอกจากพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของแบบเดิมๆ หรือไม่ก็ทำนายอนาคต หยุดกระสุน หรือการใช้พลังคลื่นเสียงเป็นพลังทำลายล้าง ซึ่งเราก็เคยเห็นกันมานักต่อนักจากหนังหลายเรื่อง ยิ่งใครดูการ์ตูนญี่ปุ่นมากๆ นี่คงคุ้นมาแต่ไหนแต่ไร ส่วนใครที่ดู X-Men ก็ไม่ต้องพูดถึงล่ะครับ พลังมันคนละเรื่องกันอยู่แล้ว
ผมอดคิดไม่ได้นะ ว่าถ้าคนทำเขาเสริมลูกเล่นแบบเต็มพิกัด ประมาณว่าดัดแปลงพลังให้มันมีความพิเศษไม่เหมือนที่คนดูเคยเห็นลงไปสักหน่อย หนังอาจจะอุดมความมันส์ขึ้นกว่าเดิมก็ได้ อย่างพลังเคลื่อนย้ายสิ่งของเงี้ยครับ เติมความสามารถลงไปเยอะๆ เลย เช่น เคลื่อนย้ายน้ำ เคลื่อนย้ายไฟหรือสายฟ้าได้ เอามาอัดพลังกันแบบเต็มที่ หรือไม่ก็เคลื่อนกระสุนได้ก็ยังดี ประมาณว่า ยิงมาก็คุมกระสุนสะท้อนหรือไม่ก็ควงสว่านทำเป็นพลังดัชนีไปเลยก็ได้ ผมว่าบรรยากาศให้ซะด้วยนะครับ เพราะเหตุการณ์มันไปเกิดที่ฮ่องกงอ้ะ น่าจะคิดมนุษย์พลังจิตประเภทใช้สิ่งของทุกชนิดเป็นพลังดัชนีก็น่าจะมันส์นะ (ออกแนวแกมบิทหน่อยๆ แฮะ)
หรืออย่างพลังคลื่นเสียงก็เพิ่มลูกเล่นได้ แทนที่จะกรี๊ดแล้วมีพลังระเบิดอย่างเดียว ก็เป็นกรี๊ดแล้วพลังเสียงแยกเป็นริ้วๆ แยกกันโจมตีใส่เป้าหมายได้ อะไรเงี้ยเป็นต้น เนี่ยครับ ถ้ามีลูกเล่นแพรวพราวอย่างนั้นหนังคงเจ๋งขึ้นอีกเยอะทีเดียว
แต่ก็นะ… หนังมันก็มีเท่านี้ล่ะครับ อาจเป็นเพราะทุนที่จำกัดด้วย (ประมาณ $38 ล้าน) ดังนั้นก็ทำใจปรับระดับ ได้เท่านี้ก็โอแล้วล่ะครับ ขนาดผู้กำกับเองก็ยังบอกว่าเขาอยากทำเทคนิคมากกว่านี้ แต่ทุนจำกัดเลยทำอะไรมากไม่ได้ ก็เห็นใจอยู่เหมือนกันครับ
ดาราแต่ละเจ้าจริงๆ ผมว่าก็เล่นดีนะ เพียงแต่ยังไมถึงกับเด่น ไม่ถึงกับเสริมเอกลักษณ์ให้ตัวละคร อย่าง Evans ที่ดูเท่ห์นิดๆ แบบพระเอก แต่ก็ไม่ได้มีแรงดึงดูดในคาแรคเตอร์ให้คนดูเอาใจช่วยสักเท่าไร ส่วน Hounsou ก็มาแนวร้ายแบบพิมพ์นิยมครับ แต่ก็ไม่ได้เด่นเป็นชิ้นเป็นอัน และที่จัดว่านิ่งเกินคาดคือเหล่าสาวๆ ในเรื่อง ได้แก่ Belle กับ Fanning ซึ่งเรื่องสวยนั้นไม่เถียงครับ แต่ก็ไม่ค่อยเด่นเท่าไรอีกนั่นแหละ
ดูหนังเรื่องนี้ก็รู้สึกแปลกทางอารมณ์เหมือนกันนะครับ เพราะตัวละครทั้งหลายดูจะแบนๆ กลืนๆ กันไปหมด ไม่เหมือนพวก X-Men ที่ถ้าตัวไหนเด่นก็จะเด่นขึ้นมาเป็นจุดหลักของหนังได้เลย (แบบที่พี่วูล์ฟเวอรีนเป็นไงครับ)
สรุปนะครับ หนังก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไรถึงขนาดว่าต้องดู แต่ก็พอดูได้น่ะครับ ขอเพียงอย่าเอาพวกหนังซูเปอร์ฮีโร่ทุนสูงๆ มาเป็นมาตรวัดก็อาจทำให้คุณสนุกไปกับหนังได้พอสมควรครับ
และสาระเล็กๆ น้อยๆ จากหนังก็ให้กำลังใจได้ดีเหมือนกัน นั่นคือ อนาคตนั้นเราต้องกำหนดเอง สู้เพื่ออนาคต อย่ายอมแพ้ อย่าให้ใครมากำหนดโชคชะตา แล้วเราจะไปถึงเป้าหมายได้สักวัน… ฟันธงชีวิตตัวเองไปเลยครับ
ปล. อันนี้ส่วนตัวนิดหนึ่งนะครับ ผมล่ะออกแนวตลกกับคุณพี่พลังกรี๊ดจริงๆ กรี๊ดทีเส้นเลือดปูดโปน มองไปมองมาเหมือนพี่ปอยฝ้าย มาลัยพรแฮะ (ฮ่าๆๆๆ)