Grass Is Greener | กัญชา เขียวแต่ไม่เท่าเทียม

Documentary ที่ว่าด้วยเรื่องประวัติศาสตร์ของ ‘กัญชา’ ตัวสารคดีเล่าเรื่องตั้งแต่สมัยพืชตัวนี้เข้ามามีบทบาทกับมนุษย์ตั้งแต่ปี 1930 โน้นเลย

ความดีงามคือสารคดีเล่าเรื่องผ่านแนวเพลงตั้งแต่ยุคแรกๆ เช่น Jazz ที่คนผิวสีใช้กัญชาในคลับไนท์สมัยก่อน จนคนผิวขาวเข้ามามีส่วนร่วมกับพืชตัวนี้ผ่านบทเพลง Jazz ของคนผิวสี ทำให้รัฐบาลของสหรัฐอเมริกาไม่พอใจ เพราะช่วงนั้นเรื่อง Racist กำลังเป็นประเด็น และด้วยเหตุนี้เองที่อเมริกาใช้กฏหมายยาเสพติดเป็นข้ออ้างในการกวาดล้างคนผิวสีเข้าคุกอย่างบ้าคลั่ง และรวมไปอิทธิพลของดนตรี Reggae (ที่พาไปสัมภาษณ์ Real Rastafarians จริงๆ ตอนนี้ชอบมาก) ต่อกัญชา, Hip-Hop และกัญชาก็เช่นเดียวกัน มี Snoop Dogg อธิบายถึงข้อดี-เสียของกัญชาด้วย

การสูบกัญชากลายเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างร้ายแรงนับตั้งแต่ตอนนั้น

แต่ก็ไม่ได้ทำให้ movement ของเหล่า stoner จางหายไป กลับเพิ่มแรงกระเพื่อมให้สังคมคนอเมริกันในสมัยนั้นมากขึ้นด้วยซํ้า อิทธิพลจากความคิดที่ว่า ‘กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด’ ถูกส่งต่อไปยังวัฒนธรรมคนผิวขาว ที่มองเรื่องคนเท่ากับคน ไม่ได้แบ่งแยกคนจากผิวสี ทำให้ในช่วงยุค 60 กำเนิดวัฒนธรรม Hippie หรือ Beat Generation ขึ้นมา

กลุ่มคนเหล่านี้นำแนวทาง ความคิดในการริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งที่เป็น freedom of expression ของคนผิวสีที่ชอบสูบกัญชา มาเป็นตัวนำชีวิตในช่วงวัยรุ่น ทำให้วัยรุ่นฮิปปี้ในอเมริกาในสมัยนั้น เป็นขบถ ที่ความต้องการคือ ‘ความเป็นอิสระทางความคิดและชีวิต’ กำเนิด activist หรือ นักดนตรีมากมาย

ประเด็นหลักๆ ของสารคดีเรื่องนี้คือการแสดงให้เห็นถึงความเลวร้ายของ DEA ที่ปฎิบัติต่อคนใช้กัญชาอย่างป่าเถื่อน อยุติธรรม และไม่เป็นกลาง