หมวดหมู่ : หนังสยองขวัญ , หนังผจญภัย , หนังระทึกขวัญ
เรื่องย่อ : Wrong Turn 5: Bloodlines | ปาร์ตี้สยอง
ชื่อภาพยนตร์ : Wrong Turn 5: Bloodlines | ปาร์ตี้สยอง
แนว/ประเภท : Horror, Adventure
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Declan O'Brien
บทภาพยนตร์ : Declan O'Brien, Alan B. McElroy
นักแสดง : Doug Bradley, Camilla Arfwedson, Simon Ginty
วันที่ออกฉาย : 2012
เมืองชนบทที่ห่างไกลในเวสท์เวอร์จิเนียจะพาคุณสัมผัส ความสยอง อันตราย และความตาย หนักกว่าทุกภาคของ หวีดเขมือบคน ความสยดสยองนองเลือดดำเนินต่อมา เมื่อเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งได้จัดงานประจำปี เมาเท่นแมน เฟสติวัล ในวันฮัลโลวีน ที่ๆขาปาร์ตี้ทั้งหลายมารวมตัวกันในค่ำคืนแห่งเสียงดนตรีและความสนุกสุดเหวี่ยง ขณะเดียวกันครอบครัวมนุษย์กินคนสุดวิปริตก็แอบเข้ามา ปะปนอยู่ในปาร์ตี้นี้ ที่เต็มไปด้วยหนุ่มสาวนักศึกษาอันเป็นอาหารอันโอชะของพวกมัน...
IMDB : tt2375779
คะแนน : 3
รับชม : 209 ครั้ง
เล่น : 72 ครั้ง
ป้ายกำกับ : หนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ฟรี , ดูหนังออนไลน์ฟรีเต็มเรื่อง
Wrong Turn 5: Bloodlines ภาคนี้ก็ต่อจากภาคบีกินนิ่งครับ เหตุการณ์เกิดในช่วงฮาโลวีนปี 2003 (ซึ่งก็คือเกิดก่อนภาคแรกเล็กน้อยนั่นเอง)
ภาคนี้หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งมาเที่ยวงานเทศกาลมนุษย์ภูเขาในเวสต์ เวอร์จิเนีย แล้วก็เจอกับเมย์นาร์ด (Doug Bradley) ฆาตกรต่อเนื่องที่หลบหนีการจับกุมมากว่า 30 ปี ซึ่งการที่เมย์นาร์ดมาเจอกับหนุ่มสาวกลุ่มนี้ก็ส่งผลให้เขาโดนจับเขาคุกครับ
แต่ปัญหาคือ เมย์นาร์ดน่ะเป็นผู้ปกครองของพวกมนุษย์กินคนเจ้าเก่า ดังนั้นพวกมันเลยเดินทางเข้าเมืองมาสร้างความสยอง เพื่อช่วยเมย์นาร์ดกลับไป
ภาคนี้ยังคงกำกับโดย Declan O’Brien ซึ่งทำหน้าที่กำกับด้วย ผลที่ได้ก็คือหนังออกมาเรื่อยๆ ครับ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นน่าจดจำนัก (ยกเว้นฉากโซเดมาคอมที่ชักจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ) ตัวละครก็ลดปริมาณความฉลาดลง ฉากแหวะแม้จะมี แต่ด้านความตื่นเต้นกลับไม่มากเท่าภาคก่อนๆ
แต่ถ้าถามว่าผมสนใจตรงไหนของหนังก็คงยกให้การที่ Bradley มารับบทเมย์นาร์ด ซึ่งคอหนังสยองรุ่นเก่าน่าจะจำดาราคนนี้ได้ครับ เพราะเขาคือคนสวมบท “พินเฮด” ไอ้หัวตะปูแห่งหนังสยองแหวะระดับตำนานเรื่อง Hellraiser นั่นเอง การแสดงของพี่แกก็ยังใช้ได้ครับ ดูน่ากลัวไม่เลว
และบทเมย์นาร์ดนี้ก็คือตัวละครเดียวกับชายชราที่ปั้มที่ปรากฏตัวในภาค 1 และ 2 น่ะครับ แม้ถ้าพิจารณาตามไทม์ไลน์หรือรายละเอียดบางอย่างแล้วมันอาจมีขัดๆ กันบ้างก็เถอะ แต่เขาว่าอย่างนั้นกันก็ว่าไปตามนั้นน่ะนะครับ ก็คือ O’Brien พยายามผูกเรื่องให้เข้ากับหนังต้นฉบับให้มากที่สุดนั่นแหละครับ
เหมาะสำหรับคนที่ตะบันติดตามมาตั้ง 4 ภาคน่ะนะครับ ดูภาค 5 ต่อก็คงไม่เสียหาย แต่ถ้าใครไม่โอเคกับภาค 3 – 4 ก็ควรทำใจให้ดี (หรือคิดให้ดี) ก่อนรับชม