Sense and Sensibility | เหตุผลที่คนเรารักกัน

เนื้อหาของ Sense and Sensibility (1995) เล่าถึงสองพี่น้องที่มีความแตกต่างกันในด้านอารมณ์อย่างชัดเจน พี่สาวเป็นคนเก็บงำความรู้สึกไม่แสดงออกในเรื่องใดมาตรง ๆ จนบางครั้งดูน่าอึดอัด ส่วนน้องสาวกลับเป็นไปในแบบตรงกันข้ามเธอกล้าพูดในสิ่งที่คิด แสดงออกตรง ๆ แบบไม่เกรงสายตาใครจนดูแปลกประหลาดสำหรับคนในยุคนั้นอยู่บ้าง สิ่งที่มาแสดงถึงความแตกต่างในการแสดงออกของสองพี่น้องอย่างชัดเจนคือยามเมื่อผิดหวังในความรักที่พวกเธอมีการรับมือกับความเศร้าที่กัดกินใจนั้นต่างกัน สองนักแสดงที่มาแสดงในบทสองพี่น้องต่างก็เป็นนักแสดงฝีมือเยี่ยมทั้งคู่ คนพี่เอลินอร์แสดงโดย เอ็มม่า ธอมป์สัน ที่ตอนนั้นมีรางวัลออสการ์นักแสดงนำหญิงมาประดับเกียรติเอาไว้แล้วทำให้เธอเป็นนักแสดงอังกฤษเกรดเอคนหนึ่ง แต่คนน้องแมรี่แอนน์กลับแสดงโดยนักแสดงดาวรุ่ง เคท วินสเล็ต ที่มี Sense and Sensibility (1995) เป็นหนังที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งสองคนประกบคู่กันได้ดีเป็นอย่างยิ่ง เอ็มม่า ธอมป์สัน ดูเศร้าลึกเก็บกด ส่วนเคท วินสเล็ต ก็พลุ่งพล่านแสดงออกด้านอารมณ์อย่างชัดเจน แต่ด้วยการเล่าเรื่องที่ดีและการแสดงที่ยอดเยี่ยมหนังได้แสดงถึงการพัฒนาของตัวละครอย่างชัดเจน เมื่อคนที่เงียบขรึมได้แสดงถึงความรู้สึกออกมาตรง ๆ บ้างและคนที่เคยเปิดเผยกลับเรียนรู้ที่จะเก็บงำเอาไว้เช่นกัน ทั้งหมดจึงทำให้หนังเต็มไปด้วยสีสันท่ามกลางบรรยากาศแบบหนังพีเรียดของอังกฤษและแน่นอนว่าย่อมทำให้ Sense and Sensibility (1995) ดูทันสมัยขึ้นมาทันที อีกประการที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้นั่นคือผู้กำกับที่ไม่ได้เป็นชาวอังกฤษเหมือนกับที่หนังพีเรียดเช่นนี้นิยม ไม่แม้แต่จะเป็นชาวตะวันตกด้วยซ้ำหากแต่คือ อั้งลี่ หรือหลี่อัน ผู้กำกับชาวไต้หวันนั่นเอง การทำหนังพีเรียดแบบอังกฤษออกมาได้เช่นนี้ย่อมแสดงถึงการเป็นผู้กำกับในแบบ “สากล” ของเขาที่สามารถกำกับหนังได้ในทุกแนวและทำออกมาได้ดีด้วย Sense and Sensibility (1995) ได้เข้าชิงออสการ์ถึง 7 สาขารวมทั้งหนังยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงของ เอ็มม่า ธอมป์สัน และนักแสดงสมทบหญิงของ เคท วินสเล็ต และหนังได้มาหนึ่งรางวัลคือบทภาพยนตร์ดัดแปลงที่เขียนโดย เอ็มม่า ธอมป์สัน และนั่นทำให้เธอเป็นนักแสดงคนแรกและคนเดียวที่ได้รางวัลออสการ์ทั้งสาขาการแสดงและเขียนบทจากหนังคนละเรื่องซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของเธอ