หมวดหมู่ : หนังอาชญากรรม , หนังดราม่า , หนังระทึกขวัญ
เรื่องย่อ : A Time to Kill | ยุติธรรมอํามหิต
ชื่อภาพยนตร์ : A Time to Kill | ยุติธรรมอํามหิต
แนว/ประเภท : Crime, Drama, Thriller
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Joel Schumacher
บทภาพยนตร์ : John Grisham, Akiva Goldsman
นักแสดง : Matthew McConaughey, Sandra Bullock, Samuel L. Jackson
วันที่ออกฉาย : 1996
เมื่อ ทอนย่า (เรเวน เคลลี่) เด็กน้อยผู้บริสุทธิ์ชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ถูกข่มขืนและทำร้ายร่างกายโดยเด็กหนุ่มที่ดื่มเบียร์จนเมามาย 2 คน ที่เมืองแคลตัน รัฐมิสซิสซิปปี้ พ่อของเธอ คาร์ล ลี เฮลีย์ (ซามูเอล แอล. แจ็คสัน) โกรธแค้นเป็นอย่างมากและไม่คิดที่จะปล่อยคนเลวเช่นนั้นให้เป็นอิสระ เขาตัดสินใจที่จะลงโทษเหล่าเด็กหนุ่มพวกนั้นด้วยมือของตัวเอง ซึ่งในที่สุด คาร์ล ก็ฆ่าคนที่ทำร้ายลูกสาวของเขาภายในบ้านของตัวเอง โดยมีพยานรู้เห็นมากมาย
IMDB : tt0117913
คะแนน : 10
รับชม : 203 ครั้ง
เล่น : 65 ครั้ง
ป้ายกำกับ : หนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ฟรี , ดูหนังออนไลน์ฟรีเต็มเรื่อง
เมื่อเด็กผู้หญิงผิวสีคนหนึ่งถูกชายผิวขาวสองคน ข่มขืนแล้วฆ่า แต่โชคยังดีที่เธอไม่ตาย (แต่ก็ปางตาย) มีคนไปพบเข้า จึงสาวไปถึงตัวของคนข่มขืนสองคนนั่นได้ คำถามคือถ้าคุณเป็นพ่อของเด็กสาวผิวสีคนนั้น ที่ไม่รู้สึกว่า ลูกสาวของคุณจะได้รับความยุติธรรมในชั้นศาล และโทษของการข่มขืนลูกของคุณนั้นเบาเกินไป คุณจะนำความยุติธรรมมาลั่นไกด้วยตัวคุณเองมั้ย ?
นั่นคือจุดเริ่มต้นของหนังเรื่อง A Time To Kill ที่ทำได้ดีมาก ทำให้ผมอินไปกับหัวจิตหัวใจของคนเป็นพ่อ คิดเลยว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูกสาวเรา เราก็คงไม่ต่างกัน หนังดึงความสนใจผมไว้ได้อยู่หมัด และ ค่อยๆ ออกนอกลู่นอกทางไปเรื่อยๆ จนในที่สุดผมสามารถลุกไปเข้าห้องน้ำโดยไม่ใยดีกับมันได้ ... น่าเสียใจ
คำถามที่หนังตั้งคำถามไว้ในตอนแรกน่าสนใจมาก และสร้างความหวังให้กับผมมากว่าผมน่าจะได้คำตอบเชิงลึกเชิงปรัชญา เรื่องการขัดกันระหว่างสามัญสำนึกกับกฏหมาย หรือเอาในระดับง่ายๆ พ่อผิดมั้ยที่ไปยิงคนที่ข่มขืนลูกสาวตัวเอง ถ้าผิด ทำไมผิด ถ้าไม่ผิด ทำไมไม่ผิด หรือความผิดบาปในใจของผู้เป็นพ่อที่เมื่อยิงไปแล้วจะรู้สึกยังไง จะเกิดอะไรขึ้น มีแง่มุมมากมาย ที่หนังพาเราไปได้จาก บทประมาณนี้ซึ่งน่าสนใจ แต่หนังกลับไม่ลงทางลึกแต่ออกทางกว้าง ทำให้กลายเป็นเรื่องประเด็นการเมืองระหว่างสีผิว ซึ่งก็ไม่ได้พาเราไปสู่ความเข้าใจอันใดนอกจากดราม่าราคาถูก อีกทั้งยังมีซับพล็อตอย่างความสัมพันธ์เชิงชูสาวของตัวเอก และอื่นๆ อีกมากมายที่ดูไปเบื่อไป
ทั้งๆ ที่ผมคิดว่า Theme ของบทประมาณนี้มันน่าจะได้ดราม่าแบบเข้มๆ จมดิ่งเข้าไปสำรวจในระดับบุคคล ระดับสังคม ระดับการปกครอง ค่อยๆ คลี่มันออกมาได้อย่างเมามันส์ (ลองคิดว่าเรื่องนี้มาทำเป็น ซีรีส์สิบตอนกำกับโดย David Fincher หรือสายพวก True Detective มันจะมันส์แค่ไหน)
การที่พ่อและทนายตัดสินใจสู้คดีด้วยข้ออ้างที่ว่าตนเองนั้นวิกลจริตชั่วคราว แต่กลับบอกลูกขุนว่า ลูกตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกฏหมาย และนี่เป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องไม่ถูกตัดสินว่าผิด ก็ทำให้เห็นได้ถึงความบิดเบี้ยวของหนังที่ไม่ได้ต้องการจะพาเราไปที่ไหน นอกจากการเป็น Courtroom (Melo) Drama
ดูจนจบผมก็ยังไม่ได้คำตอบหรือยังไม่เห็นเครื่องมืออะไรที่จะช่วยให้ผมคิดได้เลยว่า ตกลงข่มขืนเท่ากับประหารนั้นมันชอบธรรมหรือเปล่า
ปล่อยผ่านอย่างยิ่ง ท่าดี ทีเหลว