หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังผจญภัย , หนังโรแมนติก
เรื่องย่อ : The Legend of Zorro | ศึกตำนานหน้ากากโซโร
ชื่อภาพยนตร์ : The Legend of Zorro | ศึกตำนานหน้ากากโซโร
แนว/ประเภท : Action, Adventure, Romance
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Martin Campbell
บทภาพยนตร์ : Roberto Orci, Alex Kurtzman, Ted Elliott
นักแสดง : Antonio Banderas, Catherine Zeta-Jones, Rufus Sewell
วันที่ออกฉาย : 2005
หลังจากใช้เวลา 10 ปีที่ผ่านมาต่อสู้กับความอยุติธรรมและความโหดร้าย ตอนนี้ Alejandro de la Vega กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา: Elena ภรรยาที่รักของเขาได้โยนเขาออกจากบ้าน! Elena ฟ้องหย่าและพบการปลอบโยนในอ้อมแขนของ Count Armand ขุนนางฝรั่งเศสผู้สง่างาม แต่อเลฮานโดรรู้บางสิ่งที่เธอไม่รู้: อาร์มันด์เป็นผู้บงการที่ชั่วร้ายที่อยู่เบื้องหลังแผนการก่อการร้ายเพื่อทำลายสหรัฐอเมริกา ดังนั้น ด้วยการแต่งงานของเขาและอนาคตของเคาน์ตีที่เป็นเดิมพัน มันขึ้นอยู่กับซอร์โรที่จะช่วยสหภาพแรงงานสองแห่งก่อนที่จะสายเกินไป
IMDB : tt0386140
คะแนน : 7
รับชม : 118 ครั้ง
เล่น : 42 ครั้ง
ป้ายกำกับ : หนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ฟรี , ดูหนังออนไลน์ฟรีเต็มเรื่อง
Antonio Banderas นั้นยังถือว่าเหมาะกับบทโซโรครับ ดูเท่ห์และมีอารมณ์ขัน ทรงผมได้ใจสาวๆ แน่นอน แต่บทของ Catherine Zeta – Jones นี่สิที่ดูแปลกไปมาก เจ๊แกดันกลายเป็นโทนติงต๊องไปแล้วน่ะครับ ไม่เหมือนภาคแรกที่ดูนิ่งเป็นคุณหนูผู้ดี แต่ก็มีความแก่นเฟี้ยวซ่อนอยู่ภายใน อ้า อันนั้นน่ะยังบอกได้ว่าดูมีเสน่ห์และองค์ประกอบนางเอกหนังฟันดาบอยู่ค่อนข้างครบ แต่มาในภาคนี้ไม่รู้อะไรของเธอครับ ดูเหมือนจะไร้เหตุผลมากขึ้น แม้หนังจะมีปมเกี่ยวกับเธอซ่อนไว้ก็ตาม แต่บุคลิกตัวละครมันไม่ใช่เอเลน่าจากภาคแรกโดยสิ้นเชิงเลย หรือเจ๊แกจะเปลี่ยนไปเพราะมีลูกชายก็ไม่รู้ … เปลี่ยนไปเป็นติงต๊องขึ้นเนี่ยนะ มันไม่น่าอ้ะ มันน่าจะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นสิครับ แบบเดียวกับบทอีวี่ของ Racheal Weicz ใน The Mummy Returns น่ะครับ ขานั้นดูสวยขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้นหลังจากมีลูกแล้ว แล้วยังช่วยให้หนังสนุกขึ้นด้วยเพราะคุณเธอมีวิชาต่อสู้พอเป็นผู้ช่วยของสามีได้ แต่กับบทเอเลน่าในภาคนี้มันออกจะกลายเป็นตัวถ่วงไปซะมากกว่า เฮ่อ ก็ยอมรับเลยครับว่าผมเซ็งกับบทเอเลน่าภาคนี้มากเลยล่ะ
นอกจากนี้หนังยังทะลึ่งยาวตั้ง 2 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่เนื้อหามันเดิมๆ จริงๆ ควรยาวแค่ 90 นาทีพอ ดันไปยิดอยู่ได้ มัวแต่เน้นมุขฮาที่ไม่ฮาเท่าไหร่ หรือไม่ก็ฉากงี่เง่าแบบคาดเดาได้ ตัวอย่างเช่น ฉากคลาสสคิของหนังแนวนี้ครับ ต้องมีฉากที่พวกตัวร้ายมานั่งประชุมกันว่าเราจะดำเนินแผนอย่างไรต่อไป แล้วซักพักก็จะมีหนึ่งในวายร้ายที่ประชุมอยู่ลุกขึ้น ประกาศตัวว่า “ผมขอถอนตัว ไม่เอาด้วยแล้ว และผมจะออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้” แล้วก็ทำท่าจะเดินออกจากห้องไป … ป้าดโธ่ พี่ครับ พี่ไม่รู้ตัวหรือไงครับว่าเพิ่งทำการเซ็นต์ใบมรณบัตรให้ตัวเองอ้ะ คือถ้าพี่อยากถอนตัวจริงๆ ผมว่าพี่รอให้เขาประชุมเสร็จก่อนแล้วก็กลับบ้านไปเก็บข้าวของเตรียมหนีแบบไม่ต้องบอกใครเลย แบบนั้นพี่ยังมีโอกาสรอดมากกว่าตั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์นะครับ แต่ในเมื่อประกาศแบบนี้ มีแต่ตายอนาถสถานเดียว ผมดูฉากนี้ไปก็ขำล่ะครับ เพราะมันเห็นมาไม่รู้กี่เรื่องแล้ว หนังยังอุตส่าห์ใส่ลงมาอีก และไอ้อะไรเดิมๆ แบบเดาได้นี้ก็มีบรรจุอยู่ตลอดเรื่องครับ ไม่เบื่อก็ไม่ไหวล่ะ