หมวดหมู่ : หนังอาชญากรรม , หนังดราม่า , หนังระทึกขวัญ
เรื่องย่อ : House of Gucci เฮาส์ ออฟ กุชชี่ (2021) [บรรยายไทยมาสเตอร์]
ชื่อภาพยนตร์ : House of Gucci ฆาตกรรมตระกูลกุชชี่
แนว/ประเภท : Drama, Crime
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Ridley Scott
บทภาพยนตร์ : Becky Johnston, Roberto Bentivegna, Sara Gay Forden
นักแสดง : Lady Gaga, Adam Driver, Al Pacino
วันที่ออกฉาย : 9 November 2021
ภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงสุดช็อคของครอบครัวผู้อยู่เบื้องหลังอาณาจักรแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง “กุชชี่” นำเสนอเรื่องราวในช่วง 3 ทศวรรษที่มีทั้งเรื่องความรัก, การทรยศ, ความเสื่อมโทรม, การแก้แค้น และฆาตกรรม มาดูกันว่าชื่อนี้มีความหมายอย่างไร ทรงคุณค่าแค่ไหน และครอบครัวจะดูแลจัดการอย่างไร
IMDB : tt11214590
คะแนน : 6.8
รับชม : 665 ครั้ง
เล่น : 266 ครั้ง
คงไม่ถือว่าเป็นการสปอยล์หนัง เพราะ ‘House of Gucci’ สร้างจากคดีฆาตกรรมเมื่อปี 1995 ที่ช็อกวงการแฟชั่นและคนทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นสายแฟหรือไม่ก็ตาม ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott) กำกับหนังเรื่องนี้จากบทที่อิงจากหนังสือชื่อ ‘The House of Gucci: A Sensational Story of Murder, Madness, Glamour and Greed’ ที่เขียนโดย ซารา เกย์ ฟอร์เดน (Sara Gay Forden) ซึ่งแน่นอนว่าทายาทในตระกูลกุชชีย่อมรู้สึกไม่พอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ชมหนังเรื่องนี้แล้ว ส่วนแบรนด์ Gucci ไม่ว่าอะไร เปิดไฟเขียวเต็มที่ เพราะตอนนี้อยู่ในบริษัท Kering และบริหารงานโดย มาร์โก บิซซาร์รี ซีอีโอคนปัจจุบันที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลกุชชี แถมยังอนุญาตให้ยืมเครื่องแต่งกายแบบไม่อั้น เพราะถือเป็นการโปรโมตแบรนด์ไปในตัว
แม้หน้าหนังและชื่อหนังจะเกี่ยวกับแฟชั่น แต่ ‘House of Gucci’ ไม่ใช่หนังแฟชั่นจ๋าเหมือน ‘Coco Before Chanel’ หรือซีรีส์ ‘Halston’ แต่นี่คือหนังดราม่าที่ดัดแปลงจากชีวิตจริงของคนทำแฟชั่นเท่านั้น ดังนั้นใครที่ไม่ใช่สายแฟก็ดูรู้เรื่อง จะมีแค่รายละเอียดบางอย่างเช่นการพูดถึง ทอม ฟอร์ด ที่ก้าวมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ให้กุชชี หรือการมีบทเล็ก ๆ ของแอนนา วินทัวร์ และคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ก็เป็นตัวชูรสชั้นดีหากคุณรู้เรื่องแฟชั่น
จุดแข็งและความน่าดึงดูดใจของหนังนับตั้งแต่ประกาศสร้างคือทีมนักแสดงฝีมือระดับออสการ์ แต่พอมารวมตัวกันแล้ว กลับกลายเป็นทั้งส่วนที่ยอดเยี่ยมและส่วนที่แปลกแยกในเวลาเดียวกัน ถ้าพูดแบบติดตลกก็คือนักแสดงแต่ละคน “เล่นเหมือนไม่ได้อ่านไลน์กลุ่ม” แน่นอนว่าคนที่โดดเด่นที่สุดหนีไม่พ้น เลดี้ กาก้า ที่เฉิดฉายทุกครั้งที่ปรากฏตัวด้วยการเล่นใหญ่ประหนึ่งละครช่องเจ็ด (ถ้าใครได้ชมแล้วจะรู้ว่าผมพูดไม่เกินจริง ถลึงตา เดินชนไหล่ มาหมด) เช่นเดียวกับปาชิโนและจาเรด เลโท (Jared Leto) ที่เล่นใหญ่ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเลโทที่นอกจากจะแปลงโฉมเป็นเปาโล กุชชี จนจำไม่ได้แล้ว ยังเป็นตัวละครที่ทำให้คนดูรู้สึกเย้ยหยันและเห็นใจได้ในเวลาเดียวกัน ขณะที่ไดรเวอร์, ไอเอินส์ และแจ็ก ฮัสตัน เล่นน้อย ๆ แบบหนังดราม่าหวังกล่อง อีกคนที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ ซัลมา ฮาเย็ก ที่ช่วยสร้างสีสันได้ดีในบทพีนาหมอดูจอมปลอมที่มีส่วนร่วมในคดีฆาตกรรม
ด้วยความที่ ‘House of Gucci’ เป็นหนังฮอลลีวูดและแสดงโดยดาราอเมริกัน แต่เล่าเรื่องราวของตัวละครชาวอิตาเลียนทั้งเรื่อง เลยใช้วิธีพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอิตาเลียน ซึ่งบางคนก็เป๋ไปจนแทบจะเป็นสำเนียงรัสเซีย ส่วนนี้อาจสร้างความรำคาญหูให้กับคุณได้ตลอดทั้งเรื่อง อีกจุดหนึ่งที่หนังยังทำได้ไม่ดีนักคือทิศทางกำกับของริดลีย์ สก็อตต์ ที่ดูเหมือนไปไม่สุดสักทาง ทั้งดราม่า อาชญากรรม แฟชั่น แถมยังแทรกตลกร้ายอยู่กลาย ๆ (ปัญหาเดียวกับการแสดง) เมื่อถึงจุดไคลแม็กซ์ในช่วงท้ายเลยขึ้นไปไม่สุด เพราะมีแรงส่งไม่มากพอ
โชคดีที่หนังถูกพยุงไว้ด้วยพลังของนักแสดงที่ถึงแม้จะดูคนละทิศคนละทางอย่างที่กล่าวไป แต่ก็ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญและสร้างความบันเทิงได้ตลอดเวลาสองชั่วโมงครึ่ง (หากตัดทอนรายละเอียดที่ไม่สำคัญออกไปให้หนังสั้นกว่านี้ก็จะดีมาก) บวกกับการออกแบบเครื่องแต่งกายที่สร้างความเพลิดเพลินตา และเพลงประกอบที่ขุดเพลงฮิตในยุค 80s มาให้ได้ยินกันเป็นระยะตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเฉพาะการเลือกเพลง “Baby Can I Hold You” มาสเตอร์พีซของเทรซี แชปแมน (Tracy Chapman) มาเป็นเพลงปิดท้าย โดยเลือกเวอร์ชันที่แชปแมนร้องสดร่วมกับลูชาโน ปาวารอตติ (Luciano Pavarotti) ศิลปินโอเปราเสียงเทเนอร์ชาวอิตาเลียน ซึ่งทุกถ้อยคำในเนื้อเพลงถ่ายทอดถึงความรู้สึกกับความรักที่หวานขมในตอนจบได้เป็นอย่างดี