หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังวิทยาศาสตร์ Sci-fi
เรื่องย่อ : Swan Song (2021) [บรรยายไทย]
ชื่อภาพยนตร์ : Swan Song
แนว/ประเภท : Drama, Sci-Fi
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Benjamin Cleary
บทภาพยนตร์ : Benjamin Cleary
นักแสดง : Mahershala Ali , Naomie Harris , Awkwafina
วันที่ออกฉาย : 12 November 2021
เรื่องราวในอนาคตอันใกล้ “Swan Song” เป็นการเดินทางที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และทรงพลังผ่านสายตาของคาเมรอน (มาเฮอร์ชาลา อาลี) สามีและพ่อผู้เป็นที่รักซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยระยะสุดท้าย และนำเสนอทางเลือกทางแก้ไขโดยแพทย์ของเขา (เกล็น โคลส) เพื่อปกป้องครอบครัวของเขาจากความเศร้าโศก ขณะที่แคมต้องดิ้นรนว่าจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของครอบครัวหรือไม่ เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตและความรักมากกว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้ Swan song สำรวจว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน และเราเต็มใจเสียสละมากแค่ไหน เพื่อสร้างชีวิตที่มีความสุขขึ้นเพื่อคนที่เรารัก
IMDB : tt13207508
คะแนน : 6.3
รับชม : 495 ครั้ง
เล่น : 20 ครั้ง
หนังเริ่มจาก คาเมรอน ที่แสดงโดย Ali รู้ว่าตัวเองกำลังจะตายจากมะเร็งในสมองที่เขาไม่รู้ตัวมาก่อน โดยที่ยังไม่ได้แจ้งให้ครอบครัวรู้ หมอที่รักษาเขาก็ยื่นข้อเสนอพิเศษสุดให้เขาเข้ามาในโปรเจ็กต์ทดสอบบริการทำ “สำเนามนุษย์” เป็นการสร้างร่างกายเขาขึ้นมาใหม่ แต่ตัดยีนส์มะเร็งร้ายออกไป แต่ยังไม่มีความคิดความทรงจำ แล้วให้เขาตัดสินใจว่าจะถ่ายทอดความทรงจำให้ร่างนี้หรือไม่ โดยเป็นการยินยอมให้ร่างนี้มาทดแทนตัวเองโดยไม่บอกครอบครัว ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้คือความลำบากที่สุดในชีวิตของเขาว่าจะต้องเลือกบอกความจริงกับครอบครัว หรือว่ายอมโกหกเพื่อให้ชีวิตครอบครัวที่เขารักยังมีความสุขต่อไป แม้เขาเองจะตายจากไปแล้ว
สิ่งที่หนังเรื่องนี้ใส่ใจมากเป็นพิเศษคือการลงลึกถึงรายละเอียดในทุกแง่มุมของการทำสำเนามนุษย์ มันไม่ใช่การโคลนนิ่ง เพราะความแตกต่างคือการสร้างร่างขึ้นมาใหม่แล้วให้ตัวเลือกกับเจ้าของร่างว่าจะตัดสินใจทำอย่างไรกับสำเนาของตัวเอง ซึ่งตัวเรื่องนำเสนอจุดนี้ละเอียดยิบๆ ตั้งแต่เงื่อนไขต่างๆ ที่เป็นคำถามกังขาตอบตัวละครในเรื่องได้ทั้งหมด ในขณะที่ร่างยังว่างเปล่ารอให้ตัวเอกตัดสินใจ และถ้าตัดสินใจแล้วเปลี่ยนใจภายหลังก็สามารถยุติชีวิตร่างนี้ได้อีกด้วย ซึ่งทำให้เนื้อเรื่องมีความลึกมากถึงแง่จริยธรรมของบริการแบบนี้ ที่เชื่อว่าในโลกอนาคตต่อๆ ไปต้องมีอะไรที่ใกล้เคียงแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งเรื่องราวจะดำเนินไปโดยมีชั้นตอนการทดสอบ ตรวจสอบ ทดลอง ทั้งทางด้านจิตใจ ร่างกาย โดยให้ตัวเอกของเรื่องคาเมรอนเป็นคนพิสูจน์เองทั้งหมดว่าร่างนี้สามารถแทนที่ตัวเขาจริงๆ ในชีวิตครอบครัวได้หรือไม่ ซึ่ง “แจ็ค” (ชื่อชั่วคราวของร่างสำเนา) ก็จะมีหน้าที่บทบาทอีกแบบเพื่อยืนยันว่าเขาสามารถแทนที่คาเมรอนได้จริงๆ เช่นกัน (อย่างการใส่คอนแทคถ่ายทอดวิดีโอกลับมาให้คาเมรอนดูตลอดเวลา) ซึ่งรายละเอียดที่ลงลึกนี้ทำให้เรื่องดูน่าเชื่อถือมากว่าคิดมาดี ไม่ใช่แบบแบล็คมิเรอร์ที่มักเป็นแค่ไอเดียล้ำๆ นำเสนอในมุมเดียวด้านดาร์คเพื่อเป้าหมายบางอย่างของเรื่องเท่านั้น แต่ Swan Song ลงลึกละเอียดครอบคลุมทุกด้านกว่ามาก
แต่แค่รายละเอียดที่ว่าก็ยังไม่พอ เพราะบทหนักคือการที่ Ali ต้องเล่นเป็นสองคน โอเคบทแนวฝาแฝดนี้มีมาบ่อยๆ แต่กับเรื่องนี้อาจจะพิเศษกว่าตรงที่ทั้งสองคนนี้ไม่ใช่ฝาแฝด แต่เป็นร่างที่เหมือนกันทุกอย่างทั้งความทรงจำและลักษณะนิสัยในชีวิต ซึ่งการที่จะเล่นเป็นตัวเองในแบบ 2 ร่างให้คนดูแยกออกไม่น่าจะง่ายแบบฝาแฝดต่างนิสัยที่แยกกันได้ชัดเจน แต่เขาก็แสดงในจุดนี้ออกมาได้จากสายตาที่คนดูมองแล้วรู้เลยว่าคนนี้ใคร ซึ่งคาเมรอนเองจะมีดวงตาที่เหงาเศร้ากับชีวิตอยู่ตลอดเวลา แต่แจ็คจะเป็นดวงตาที่เปล่งประกายของการอยากมีชีวิต แต่ก็รู้สึกว่านี่คือความผิดเมื่ออยู่ต่อหน้าคาเมรอนเสมอ ซึ่งอาจจะดูไม่พิเศษมาก แต่ถ้าได้ชมเองจะยอมรับจริงๆ ว่าบทนี้ Ali เล่นได้ดีมากแบบที่เขาเป็นตัวนำออกทุกฉาก แบกทั้งเรื่องไว้ที่เขาเพียงคนเดียวเลย เพราะตัวเรื่องแทบไม่ใช้การเล่าเรื่องจากตัวละครอื่นใดเลย ทุกฉากคือ Ali เป็นคนเดินเรื่องเองทั้งหมด คนอื่นคือบทสมทบแทรกมานิดหน่อยเท่านั้น
แต่ถึง Ali จะแสดงทั้งหมดแบบนั้น แต่บทสมทบที่มีในเรื่องทุกตัวละครก็ช่วยส่งเสริมให้เรื่องนี้มีแง่มุมเพิ่มขึ้นด้วย อย่างหมอเจ้าของโปรเจ็กต์ที่เล่นโดยนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง Glenn Close ก็ทำให้บทหมอในเรื่องนี้ดูอบอุ่นจากการให้คำแนะนำคาเมรอนอย่างจริงใจ แต่ก็แอบมีความแคลงใจจากมุมมองของคาเมรอนที่มองเห็นบางอย่างซ่อนอยู่ในโครงการนี้ด้วย หรือตัวละครที่ไม่คิดว่าจะมีบทมากอย่างผู้เข้าร่วมโครงการคนที่ 2 ก่อนคาเมรอน เป็นหญิงสาวเชื้อสายจีน (เล่นโดย Awkwafina) ที่ให้สำเนาตัวเองไปแทนที่แล้วรอวันตายบนเกาะแห่งนี้เท่านั้น เธอกลายมาเป็นตัวละครยิงมุกตลกคู่กับคาเมรอนได้อย่างไม่คาดคิดว่าเรื่องราวที่กำลังดำเนินไปแบบดราม่าเศร้าๆ จะทำให้ผู้ชมหลุดขำออกมาได้ แม้บทไม่เยอะแต่ทุกฉากที่สองคนนี้ออกมาคู่กันยิงมุกตลกแกล้งกัน เป็นช่วงเวลาที่เรื่องผ่อนคลายลงทันที แม้จะมีความเศร้าเป็นแบ็คกราวด์หลังมุกตลกเรื่องความตายอันใกล้ที่ทั้งคู่เล่นก็ตาม นอกจากนี้ก็มี ป็อบปี้ เล่นโดย Naomie Harris ภรรยาของคาเมรอนที่เรื่องมักแฟลชแบ็คย้อนให้เราได้รับชมความทรงจำในอดีตของทั้งคู่ ตั้งแต่เริ่มพบกัน จีบกัน ช่วงเวลาที่มีลูกคนแรกกับคนที่สองในปัจจุบัน ซึ่งบทของเธอคือคนที่ไม่รู้เรื่องที่สามีเป็นมะเร็ง และรู้ว่าเขาปกปิดอะไรบางอย่างจนทำให้ความสัมพันธ์มีปัญหา ซึ่งเธอก็เล่นเข้าคู่กับ Ali ได้เป็นอย่างดี ทำให้เราเชื่อได้ว่าทั้งคู่คือโซลเมตคู่แท้ที่เป็นตัวแปรสำคัญให้คาเมรอนลังเลในการตัดสินใจโกหกครั้งใหญ่กับเรื่องนี้
นอกจากนี้องค์ประกอบต่างๆ ในเรื่องอย่างเทคโนโลยีติดต่อสื่อสาร รถยนต์อัตโนมัติ ห้องปฏิบัติการโครงการบนเกาะ แสง ดนตรีประกอบ ทุกอย่างถูกทำให้ดูเรียบง่ายมินิมอลแบบกลมกลืนไปกับอารมณ์เหงาเศร้าในเรื่องได้เป็นอย่างดี มองดูเผืนๆ อาจจะคิดว่าหนังทุนต่ำ แต่ที่จริงไม่น่าต่ำเพราะตัวเรื่องถูกคิดมาเป็นอย่างดีให้ทุกอย่างกลมกลืนกันไปหมด เป็นความใส่ใจละเมียดในงานสร้าง สมกับเป็นหนังจากทุนแอปเปิลจริงๆ และก็เป็นเรื่องที่ไม่มีอุปกรณ์แอปเปิลแฝงไทอินอยู่ในเรื่องอีกด้วย
หนังอาจจะมีจุดด้อยอยู่แค่ความเรียบง่ายของเรื่องราวแบบที่ค่อยเป็นค่อยไปให้เห็นการตัดสินใจทีละอย่างของตัวเอก ซึ่งตัวเรื่องอาจจะดูช้าๆ เนือยๆ ในมุมของคนที่ไม่ชอบสไตล์นี้ แต่ถ้าสามารถดูแบบซึมซับเรื่องราวทุกอย่างตามได้ รับรองว่าจะค่อยๆ อินซึมลึกไปกับเรื่องมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนจบที่คนมีครอบครัวอาจจะร้องไห้ออกมาได้เลย แต่ถึงไม่มีก็คงซึมลึกกันบ้างล่ะครับ
แนะนำเลยว่าห้ามพลาดกับหนังที่ปราณีตใส่ใจเรื่องนี้ของแอปเปิล และก็น่าติดตามเอาใจช่วยว่าจะได้เข้าชิงรางวัลใหญ่บ้างหรือไม่ต่อไปด้วยครับ