หมวดหมู่ : หนังอาชญากรรม , หนังดราม่า , หนังตลก , หนังไทย
เรื่องย่อ : โกงพลิกเกม Game Changer (2021)
ชื่อภาพยนตร์ : โกงพลิกเกม Game Changer
แนว/ประเภท : Comedy, Crime, Drama
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Tiwa Moeithaisong
นักแสดง : Greg Garcia, Tom Issara, Isara Kitnitchee
วันที่ออกฉาย : 28 October 2021
ตี๋, คิด, ตึก และ ซิม เด็กติดเกมส์ 4 คน ที่วันหนึ่งได้กลายเป็นลูกน้องคนสนิทของบอส แต่แล้ววันหนึ่ง บอส ได้เสียชีวิตอย่างกระทันหันในขณะที่ ตี๋ กำลังจะแจ้งข่าวร้ายนี้กับทุกคน แต่ คิด ก็ได้หยุดเขาเอาไว้ และผุดแผนการที่จะเปลี่ยนเกมส์ชีวิตพวกเขาทั้ง 4 คนไปตลอดกาล พวกเขาจะเล่นเกมส์นี้ต่อไปอย่างไร? แผนการยึดเมืองและทำหน้าที่แทนบอสจะลุล่วงหรือไม่?
IMDB : tt13677352
คะแนน : 4.9
รับชม : 1006 ครั้ง
เล่น : 181 ครั้ง
‘โกงพลิกเกม’ เป็นเรื่องราวของแก๊งเพื่อนติดเกม ‘ตี๋’ (โต้ง Twopee), ‘คิด’ (ทอม อิศรา), ‘ตึก’ (ปอนด์ คุณพัทธ์) และ ‘ซิม’ (ซิม คิวเท) ที่อยู่ดี ๆ ต้องกลายมาเป็นลูกน้องคนสนิทของ ‘บอส’ นายใหญ่ประจำเมืองสมมติ ที่ภายในเมืองนั้นมีกลุ่มแก๊งมากมายอาศัยอยู่ โดยแต่ละแก๊งต่างก็ยึดครองและทำธุรกิจมืดแตกต่างกันไป พร้อม ๆ กับการหวังจะแย่งชิงพื้นที่หากิน โดยแก๊งวัยรุ่นทั้ง 4 ต้องออกตระเวน ‘เก็บเหรียญ’ หรือเก็บเงินค่าคุ้มครองจากทุกแก๊ง
จนกระทั่งวันหนึ่ง บอสเกิดเสียชีวิตกะทันหัน คิด หัวสมองของแก๊งจึงได้เริ่มต้นคิดวางแผนยึดเมือง และใช้ ‘เกม’ ในการเปลี่ยนแปลงระบบที่เคยเป็นมาแต่เดิม พร้อมกับสวมรอยทำหน้าที่แทนบอสเสียเอง พร้อม ๆ กับการที่ตี๋กำลังจะมี ‘รักต้องห้าม’ ซึ่งอาจนำพาเขาและเพื่อนไปเผชิญกับอันตรายมากมาย รวมถึงการกลับมาของ ‘จอห์นนี่’ (เดย์ ไทเทเนียม) ขาใหญ่อีกคนที่ต้องการกลับมาประกาศศักดาอีกครั้งหลังจากพ้นคุก
แค่อ่านพล็อตก็พอเดาออกแล้วใช่มั้ยครับว่าจริง ๆ แล้ว นี่คือพล็อตหนังเจ้าพ่อ หรือที่เรียกว่าหนังแก๊งสเตอร์นั่นเองครับ เรียกได้ว่ามีกลิ่นอายหนังเจ้าพ่อฮ่องกงยุค 80’s อะไรแบบนั้นเลย โดยเฉพาะพอยต์หลักของหนังแก๊งสเตอร์ที่พระเอกต้องหลุดเข้าไปอยู่ในอิทธิพลมืด มีความรักต้องห้ามกับหญิงสาวที่อยู่เหนือกว่าตน และการแย่งชิงอำนาจ แย่งชิงทรัพยากรทำมาหากิน แต่จะบอกว่าหนังเรื่องนี้เอาพล็อตหนังเจ้าพ่อมาใช้เลยก็ไม่ขนาดนั้น ด้วยการปรุงแต่งบทและวิธีการนำเสนอ ทำให้หนังเรื่องนี้มีความเป็นแก๊งสเตอร์ยุคใหม่ ภายใต้บทหนังเจ้าพ่อแบบดั้งเดิม
หนังเรื่องนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจก็คืองานด้านภาพครับ ทั้ง กราฟิกซีจีต่าง ๆ รวมถึงการออกแบบภาพ มุมกล้อง การวางองค์ประกอบภาพ การครีเอตภาพแนวทางใหม่ ๆ ที่บ้าพลังและทำออกมาได้ดี รวมถึงฉากลองเทกที่ดูแปลกใหม่ อาจจะเพราะว่าผู้กำกับเองก็มีเครดิตในฐานะผู้ที่คลุกคลีกับงานด้านภาพของภาพยนตร์ไทยมาแล้วหลายเรื่อง หนังเรื่องนี้จึงถือว่าเป็นการปล่อยของที่หวือหวาน่าสนใจดีไม่ใช่น้อย
จริง ๆ แล้วพล็อตเรื่องเองมีความน่าสนใจมาก ๆ นะครับ ถ้าคุมดี ๆ หนังเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังแก๊งสเตอร์ยุค 5G ที่ดูทันสมัย ฉูดฉาด เน้นต่อสู้ด้วยสติปัญญามากกว่าการใช้อาวุธ มีกลิ่นอายมุกตลกนิด ๆ ล้างบางภาพหนังเจ้าพ่อเก่า ๆ แก่ ๆ ได้เลย แต่สิ่งที่ดูจะเป็นปัญหาใหญ่ของหนังเรื่องนี้จริง ๆ ก็คืออาการเล่นใหญ่นี่แหละครับ
เพราะแทนที่หนังเรื่องนี้จะเข้มข้นด้วยการหักล้างเชือดเฉือน และต่อสู้แบบเข้มข้น กลับใส่ปมปัญหาและและเล่าเรื่องต่าง ๆ อีรุงตุงนังแบบไหลไปเรื่อย โดยเฉพาะช่วงกลางกับท้ายเรื่องที่พยายามทะเยอทะยานอยากจะเล่าทุกอย่าง ใส่ทุกปมปัญหาจนเต็มไปหมด รวมถึงการใ่ส่ซีนลอย ๆ บางซีนที่ไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่า ทำไปเพราะอะไร ทำไปเพื่อใคร หลังจากมีเหตุแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปบ้าง ซีนลอย ๆ เหล่านั้นจึงกลายเป็นซีนปริศนาที่ไม่รู้จะเชื่อมโยงได้อย่างไรจริง ๆ
รวมถึงในพล็อตหลาย ๆ จุดก็กลายเป็นทีเล่นทีจริงไป ๆ มา ๆ เหมือนจะทำจริง แต่ก็ดูเล่น ๆ โก๊ะ ๆ แต่พออันไหนที่ดูเล่น ๆ ก็กลายเป็นว่าเอาจริงแบบเดือด ๆ ซะงั้น รวมถึงการดำเนินเรื่อง คลายปม วิธีการแก้ปัญหาของตัวละครที่บางครั้งก็ดูเล่นง่าย ยอมง่าย หาวิธีจบกันแบบง่าย ๆ รวมถึงการตัดต่อบางจุดที่ชวนให้คิ้วขมวด ทำให้หนังเรื่องนี้ดูเล่นใหญ่จริง แต่จังหวะการเล่าเรื่องกลับไม่คมเสียอย่างนั้น จนทำให้พล็อตโดยรวมของหนังออกมายับเยินอย่างน่าเสียดาย
อีกจุดที่เป็นจุดสังเกตก็คือ หนังเรื่องนี้มีตัวละครเยอะมากครับ เยอะแบบชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องคิดจะจำชื่อตัวละครกันเลยแหละ เพราะลำพังแค่เจ้าพ่อก๊กต่าง ๆ ที่คุมธุรกิจมืดก็ล่อเข้าไปตั้งกี่คนแล้ว ไหนจะสายสัมพันธ์ต่าง ๆ ระหว่างกัน ที่หนังอธิบายไว้เพียงหลวม ๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า นอกจากนักแสดงหลักแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมีตัวละครเยอะขนาดนั้นไปทำไม เพราะต่อให้เขาไปฆ่าใครหรือโดนใครฆ่า ก็ดูจะไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องหลักเท่าไหร่ (ซึ่งเป็นที่มาของซีนลอย ๆ บางซีน) ฝีมือการแสดงที่พอจะยกนิ้วโป้งให้ได้ ก็คงเป็น’ทอม อิศรา’ ที่มีฝีมือด้านการแสดงเป็นต้นทุน และ ‘ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม’ ที่เรียกได้ว่าไม่ผิดหวัง แม้จะโผล่มาในหนังน้อยมากก็ตาม ส่วน ‘คิวเทโอปป้า’ ก็คือ ‘คิวเทโอปป้า’ นั่นแหละครับ…
แม้หนังจะมีปัญหาเล่นใหญ่แบบเลยเถิดบ้าง แต่ในแง่ของพาร์ตแอ็กชันก็ต้องถือว่าไม่เสียหายนะครับ ทำได้ดีในระดับที่โอเคเลยแหละ แต่ก็นั่นล่ะครับ ถ้าจะดูเอาพาร์ตแอ็กชันสไตล์แก๊งสเตอร์ ก็น่าจะพอไปวัดไปวาได้ แต่ก็อาจจะต้องยอมให้สมองทำงานหนักนิดหน่อยในการเข้าใจทุกปม ทุกความสัมพันธ์ ทุกที่มาและที่ไปทั้งหมดของหนังเรื่องนี้ให้ถ้วนถี่ เพื่อทำการปะติดปะต่อเรื่องราวให้เข้าที่เข้าทาง ถ้าใครรับได้กับการเล่นใหญ่ใส่ยับ (เยิน) ของหนังเรื่องนี้ ก็คงไม่น่าจะผิดหวังล่ะครับ