หมวดหมู่ : หนังผจญภัย , หนังแฟนตาซี , หนังครอบครัว
เรื่องย่อ : City of Ember กู้วิกฤติมหานครใต้พิภพ (2008) พากย์ไทย บรรยายไทย
ชื่อภาพยนตร์: City of Ember (2008) - กู้วิกฤติมหานครใต้พิภพ
ผู้กำกับภาพยนตร์: Gil Kenan
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Caroline Thompson, Jeanne Duprau
นักแสดง: Saoirse Ronan, Toby Jones, Bill Murray
แนว/ประเภท: ผจญภัย, ครอบครัว, แฟนตาซี
ความยาว:
วันที่ฉาย: 25 กันยายน2008
นครที่ชื่อ Ember มหานครที่ไม่มีใครเคยเห็นดวงตะวัน แสงสว่างเดียวที่ใช้แบ่งเวลากลางวันและกลางคืน ก็คือแสงสว่างจากหลอดไฟ ในเมือง Ember นครแห่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นพร้อมกับคำทำนายที่ว่าเมื่อเมืองมีอายุครบ 200 ปี หายนะจะบังเกิด ผู้กล้าจะต้องตามหากล่องแห่งปริศนาที่ภายในบรรจุแผนที่คำทำนายที่จะปกป้องเมืองจากหายนะครั้งสำคัญ แต่ไม่เคยมีพลเมืองคนใดใส่ใจกับคำทำนายนี้ จนวันหนึ่ง เมื่อแสงไฟใน City of Ember เริ่มกระพริบไม่เป็นจังหวะ ดวงไฟที่เคยกำหนดความหวังของผู้คนเริ่มดับลงที่ละดวง เด็กหนุ่มสาว 2 คน ลีน่า (เซียร์ชา โรแนน) เด็กส่งสารของเมือง และ ดูน (แฮร์รี่ ทรีดอเวย์) ผู้ดูแลพลังงานในเหมืองถ่านหิน พวกเขาเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นและเริ่มออกตามหา กล่องในตำนานเพื่อตามแผนที่ปริศนาที่จะนำมาซึ่งการปลดปล่อยชาวเมือง Ember ให้พ้นจากความมืดมิดไปตลอดกาล
IMDB : tt0970411
คะแนน : 6.5
รับชม : 3476 ครั้ง
เล่น : 182 ครั้ง
City of Ember หรือในชื่อภาคภาษาไทย “กู้วิกฤติมหานครใต้พิภพ” เป็นภาพยนตร์ที่มีประเด็นเนื้อหาแบบเดียวกับคำเปรียบเปรยของเพลโต หนังเรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย ทอม แฮงค์ และกำกับโดยกิล คีแนน ซึ่งมีผลงานจากภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Monster House โดย City of Ember ถูกดัดแปลงมาจากวรรณกรรมเยาวชนเรื่องเดียวกันของ ญานน์ ดูโปร นักประพันธ์หญิงชาวฝรั่งเศส ซึ่งมีชื่อในภาคภาษาไทย “พิภพบาดาล” โดยสำนักพิมพ์แพรวเยาวชน
ภาพยนตร์เรื่อง City of Ember กล่าวถึงวันสิ้นสุดของโลกที่มนุษย์ไม่สามารถดำรงชีพอยู่บนผืนโลกใบนี้ได้ นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งจึงได้นำเอกสารเป็นรูปวงกลมแผ่นหนึ่ง บรรจุไว้ภายในกล่องสีดำ ซึ่งตั้งเวลาเปิดอัตโนมัติในอีก 200 ปีข้างหน้า แล้วส่งมอบให้กับผู้นำประชาชน ที่อพยพลงไปอาศัยอยู่ภายใต้พิภพ และก่อตั้งมหานครใต้พิภพ ภายใต้ชื่อ “เมืองเอ็มเบอร์” โดยผู้นำคนนั้นขึ้นมาเป็นนายกเทศมนตรีคนแรกของเมือง
กล่องสีดำ ซึ่งบรรจุเอกสารลับสุดยอด ถูกส่งต่อถึงมือนายกเทศมนตรีคนแล้ว คนเล่า
แต่ทว่า.....
เมื่อถึงวันเวลาผันผ่านเวียนบรรจบใกล้ครบ 200 ปี กล่องใบนั้นกลับสูญหายไประหว่างการเสียชีวิตอย่างกระทันหันของนายกเทศมนตรีคนหนึ่ง โดยกล่องสีดำใบนั้นถูกบุคคลผู้หนึ่งเก็บซ่อนไว้ในที่ห่างไกลสายตาผู้คน จนเวลาครบกำหนด 200 ปี กล่องเปิดออกมา โดยมีเอกสารสำคัญอวดโฉมต่อโลกภายนอกอย่างเงียบเชียบ
ขณะที่ ผู้คนทุกผู้ทุกนามภายในเมืองเอ็มเบอร์ต่างก็ไม่เคยเห็นดวงตะวัน และแสงสว่างที่พลเมืองเอ็มเบอร์ใช้ประโยชน์ในแต่ละวัน คือ แสงสว่างจากหลอดไฟจำนวนหลายดวงที่ติดอยู่ทั่วเมือง เมื่อเวลาผันผ่านไปเป็นเวลานาน แสงไฟภายในเมืองเริ่มกระพริบไม่เป็นจังหวะ และติดๆ ดับๆ อยู่บ่อยครั้ง ดวงไฟเริ่มดับสนิททีละดวง ลีน่า เมย์ฟลีท (เซียร์ซ่า โรแนน) เด็กสาวผู้ทำหน้าที่ส่งข่าวสารของเมือง และดูน แฮร์โรว์ (แฮรี่ เทรดอเวย์) เด็กหนุ่มผู้ทำหน้าที่ดูแลท่อประปาภายในเมือง ซึ่งทั้งสองหนุ่มสาวต่างก็รู้สึกถึงความผิดปกติที่บังเกิดขึ้นในแต่ละวัน
จนกระทั่งวันหนึ่ง ลีน่าพบกับกล่องสีดำที่หายไปนาน และเอกสารสำคัญโดยบังเอิญ ทั้งลีน่าและดูนจึงร่วมกันไขปริศนาจากเอกสารลับสุดยอด เพื่อปลดปล่อยชาวเมืองเอ็มเบอร์ให้พันจากความมืดมิดที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในเมืองใต้พิภพแห่งนั้น
เนื้อเรื่อง City of Ember ค่อนข้างรวบรัดเอามากๆ เพราะมีความยาวเพียง 95 นาที เนื้อหาบางช่วงก็ให้ความรู้สึกคล้ายกับเรื่อง Journey to the Center of the Earth โดยเฉพาะในตอนท้ายของเรื่อง
สำหรับนักแสดงนำของเรื่อง ถึงแม้ผมจะไม่คุ้นหน้ามากนัก แต่พวกเขาก็ทำหน้าที่นี้ได้อย่างสมบทบาท เป็นตัวขับเคลื่อนให้เรื่องดำเนินไปด้วยดี
ส่วนกลวิธีการเล่าเรื่องของ City of Ember คล้ายกับนิทาน โดยเฉพาะ ช่วงต้นและฉากสุดท้ายของเรื่อง ซึ่ง City of Ember อาจจะมีภาคต่อไป เพราะหนังสือต้นฉบับของหนังเรื่องนี้ก็จัดทำภาคต่อออกมาแล้ว
นอกเหนือจากประเด็นค้นหาความจริงจากสภาพแวดล้อมอันจำกัดภายใต้ผืนพิภพ City of Ember ยังแทรกประเด็นความเห็นแก่ตัวของผู้นำ จากคาแรกเตอร์นายกเทศมนตรีโคล (บิล เมอร์เรย์) ซึ่งเป็นผู้นำคนปัจจุบันของเมืองเอ็มเบอร์ เขามักจะชอบปราศรัยด้วยคำพูดไพเราะเสนาะหูแก่ชาวเมือง แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่อยากรับรู้ถึงปัญหาของประชาชน ที่นับวันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งเขายังเก็บกักตุนเสบียงส่วนรวมของชาวเมืองทุกคนมาเป็นสมบัติส่วนตัวของตนเองอีกด้วย
คิดแล้ว...... ช่างคล้ายกับผู้นำบางประเทศยิ่งนัก
ผมเห็นว่า City of Ember มีความขัดแย้งกันอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนที่เริ่มต้นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยบนผืนพิภพ ขณะที่ส่วนของโลกใต้พิภพในอีก 200 ปีต่อมา กลับยังใช้เทคโนโลยีรุ่นบุกเบิก ทั้งๆที่ควรจะเป็นเทคโนโลยีที่ทัดเทียมกัน หรือทันสมัยกว่า โดยทั้ง 2 ส่วนขัดแย้งกันจนทำให้เห็นภาพที่ไม่สัมพันธ์กันเท่าใดนัก
โดยสรุปแล้ว ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่อง City of Ember เป็นผลงานอีกเรื่องหนึ่งที่ให้ความบันเทิงอย่างเต็มพิกัด ซึ่งปราศจากพิษภัยใดๆ เหมาะสำหรับบุคคลทุกเพศ ทุกวัย ที่ต้องการแสวงหาหนังสนุกๆมาชมในช่วงเวลาปิดเทอมครับ