ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

The One เดอะ วัน เดี่ยวมหาประลัย (2001) พากย์ไทย บรรยายไทย

The One เดอะ วัน เดี่ยวมหาประลัย (2001) พากย์ไทย บรรยายไทย เต็มเรื่อง
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังวิทยาศาสตร์ Sci-fi , หนังระทึกขวัญ

เรื่องย่อ : The One เดอะ วัน เดี่ยวมหาประลัย (2001) พากย์ไทย บรรยายไทย

ชื่อภาพยนตร์: The One เดอะ วัน เดี่ยวมหาประลัย
ผู้กำกับภาพยนตร์: James Wong
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Glen Morgan, James Wong
นักแสดง: Jet Li, Carla Gugino, Delroy Lindo
แนว/ประเภท:  แอคชั่น, ไซไฟ, ระทึกขวัญ
ความยาว: 1 ชม. 27 นาที
วันเข้าฉาย: 2 พฤศจิกาน 2001

 

 

 

“เดอะ วัน เดี่ยวมหาประลัย” จินตนาการว่าคุณมีชีวิตที่แตกต่างกันในจักรวาลที่เท่าเทียมกัน ทุกคนมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลายตลอดชีวิตประจำวัน
มีวิถีชีวิตที่โดดเด่นและมีทั้งบุคคลที่ยอมรับได้และน่ารังเกียจจะเกิดอะไรขึ้นในกรณีที่บุคลิกของคุณอาศัยอยู่ในจักรวาลที่เท่าเทียมกัน? ไปจัดการตัวเองในจักรวาลต่างๆเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองและทำลายล้างคู่ของคุณในจักรวาลอื่น ๆ
ที่เท่าเทียมกัน เพื่อเข้าไปดูในภาพยนตร์เรื่อง The One

บุคคลที่อาศัยอยู่ในจักรวาลต่างๆ “The One” ในจักรวาลที่เท่าเทียมกันจะเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่ฉลาดเฉลียวกาเบรียลยูลอว์ผู้ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้ตรวจสอบ


IMDB : tt0267804

คะแนน : 5.9

รับชม : 2856 ครั้ง

เล่น : 1073 ครั้ง



 

แนวคิดเรื่องมิติคู่ขนานนั้นผมก็คุ้นเคยมานานแล้วล่ะนะครับ ซีรี่ส์ที่ทำให้ผมคุ้นเคยแนวคิดนี้ก็คือ Sliders ที่เหล่าตัวเอกต้องเดินทางข้ามมิติคู่ขนาน หาทางกลับมิติดั้งเดิมที่ตัวเองอยู่ ก็เลยต้องไปเผชิญกับโลกในมิติอื่นๆ ซึ่งมีทั้งที่ปกติและแปลกกว่าโลกมนุษย์เดิมที่พวกเขาเคยอยู่

ซีรี่ส์ที่ว่านี้สนุกมากครับ ช่อง 3 เอาปีแรกมาฉายอยู่ แล้วก็ถึงปี 2 มั้ง แต่พอซีรี่ส์ฝรั่งไม่ได้รับความนิยมก็เลยไม่มีใครซื้อเอามาฉายอีก น่าเสียดายเหมือนกันครับ ของเขาสนุกดีออก

พอได้ข่าวว่าคู่หู Glen Morgan กับ James Wong จะจับเรื่องนี้มาทำก็อยากดูล่ะครับว่าสองคนนี้จะมีแง่มุมมันส์ๆ ใหม่ๆ มาผสมกับลีลาแอ็กชันของพระเอก Jet Li หรือ หลี่เหลียนเจี๋ยได้หรือไม่

แล้วหนังก็เล่าให้เราได้รู้ว่าแท้จริงแล้วโลกเรามีมิติคู่ขนานอีก 124 มิติ (รวมโลกนี้ด้วยก็เท่ากับมี 125 มิติ) ซึ่งทุกมิติก็จะมีโลกอยู่น่ะครับ แล้วก็จะมีตัวเราประจำอยู่ในโลกนั้น มิตินึงก็หนึ่งคน ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่ได้ข้องแวะกันหรอกครับ มิติใครก็มิติมัน แต่ปัญหาคือเกิดมีวายร้ายที่ชื่อว่า ยู ลอว์ (Jet Li) ได้ทราบความลับว่า เมื่อเขาสามารถคร่าตัวตนในแต่ละมิติลงไป 1 คน พลังเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน ดังนั้นแทบไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าเขาฆ่าตัวเองในทุกมิติให้หมด พลังเขาจะไร้เทียมทานที่สุดในทุกมิติ อันจะทำให้เขามีอำนาจ ทำได้ทุกอย่าง

ซึ่งพอดีว่าทางการรวบตัวเขาได้ครับ แต่หมอนี่ก็ไหวพริบเยอะมาก หนีไปได้อีก ไปถึงมิติสุดท้ายที่ยังมีตัวตนเขาอยู่ (ซึ่งก็คือโลกของเรานั่นแหละ) ตัวเขาในมิตินี้ก็เป็นตำรวจครับ ชื่อ เกเบรียล ลอว์ (Li อีกนั่นแหละ) ถ้ายูฆ่าเขาได้ ก็จะไร้เทียมทานใน 125 โลก

แต่เรื่องก็ไม่ง่ายหรอกครับ เพราะทางการตำรวจระหว่างมิติก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่แฮร์รี่ โรเดกเกอร์ (Delroy Lindo) และ อีแวน ฟันช์ (Jason Statham) ลงมาปกป้องเกเบรียลและตามล่ายูด้วย

 

The One 2001 Review: The real strength of this film is its star, Jet Li -  Dateline Hollywood
 

ก็ต้องมาลุ้นกันนะครับ ว่าท้ายที่สุดแล้ว The One หนึ่งเดียวในโลกทั้ง 125 มิติจะเป็นคนดีอย่างเกเบรียล หรือคนชั่วสุดขั้วอย่างยูกันแน่

ช่วงแรกหนังเปิดตัวได้น่าสนใจดีมากครับ ลีลาบู๊แอ็กชันของ Jet Li มาผสมกับ Effect ภาพสโลว์ได้ไม่เลว แต่สักพักหนังก็เริ่มเข้าเส้นทางที่เดาได้แล้วครับ ฉากบู๊แม้จะมีมาเป็นระยะแต่ก็ไม่ได้จับใจเท่าบู๊สโลว์เท่ห์ๆ ตอนต้นเรื่องแล้ว ไปๆ มาๆ ผมกลับชอบลีลาของอาเจี๋ยจาก Kiss of the Dragon หนังบู๊ที่ฉายในระยะไล่ๆ กันของเขามากกว่าอีก

อาเจี๋ยมาพร้อมสองบทบาทครับ ก็โอเคนะครับ แววตาท่าทางเขาแยกแยะคนดีคนร้ายได้เหมาะ ตอนร้ายก็ดูคลั่งโหดดี ส่วนตอนดีก็ดูซื่อๆ จนบางทีรู้สึกแกจะบื้อๆ ด้วยล่ะ ด้านคาแรคเตอร์ของแกไม่เด่นสักทางน่ะครับ ร้ายก็โอเคแต่ยังไม่สุด ส่วนดีก็ซื่อๆ จนมากไปหน่อย จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าตอนนั้น The Rock แกไม่บอกปัดเรื่องนี้ไปเล่น The Mummy Returns แทน หนังจะออกมาโอเคหรือไม่หว่า… แต่ตอนนี้เฮียร็อคแกยังแสดงไม่คล่องน่ะครับ อาจจะได้ผลไม่ต่างกัน… หรือหนักกว่าก็ได้

ส่วนสองเจ้าหน้าที่ก็เป็นบทสมทบได้ดีครับ Lindo อาศัยความเก๋าเอาตัวรอดไปได้ ส่วน Statham ที่ช่วงนั้นยังไม่ดังก็เลยยังไม่เด่นเท่าไร แต่ที่น่าเสียดายหน่อยคือ Carla Gugino ที่บทน้อยมาก แม้จะมีความสำคัญกับเรื่องราว แต่บทน้อยจริงๆ ครับ จนเสียดายจัง

ดนตรีประกอบของ Trevor Rabin ตอนแรกก็เหมือนจะเร้าใจนะครับ แต่พอมาตอนหลังก็ธรรมดาอีกเหมือนกัน รู้สึกว่าหนังมันมีช่วงต้นเรื่องที่น่าสนนะครับ แต่พอเดินเรื่องหลักกลับไม่ค่อยมีลูกเล่น อาจเพราะมันไม่ค่อยมีเนื้อหาอยู่แล้ว แต่ก็ต้องลากให้มันยาวครบ 87 นาที ก็เลยมีช่วงอืดแบบไม่ตั้งใจแบบนี้แหละครับ

จริงๆ ผมออกจะเสียดายนะ เพราะลูกเล่นเกี่ยวกับโลกคู่ขนานน่ะเล่นได้เยอะมาก ก็ดูอย่างในซีรี่ส์ Sliders สิครับ สร้างเป็นซีรี่ส์ได้ตั้ง 5 ปี และแต่ละตอนก็มันส์ๆ ทั้งนั้น สนุกทั้งสิ้น แต่พอมาเรื่องนี้กลับจืดไปเลย ไม่มีอะไรหักมุม ได้แต่ลุ้นว่าเมื่อไรอาเจี๋ยจะชกต่อยกับตัวเองเสียที ซึ่งไคลแม็กซ์ที่สองคนสู้กันเองก็ไม่เลวครับ เพียงแต่ตลอดทั้งเรื่องมันธรรมดามาเรื่อยๆ ไคลแม็กซ์เลยไม่ถึงอารมณ์เท่าไร

เสียดายแทนคู่หู Morgan กับ Wong ด้วยล่ะครับ ตอนนั้นได้ชื่อไปพอตัวจากการทำ The X-Files แล้วก็มาดังซ้ำจาก Final Destination ภาคแรก แต่ดูเหมือนว่าผลงานต่อๆ มาของพวกเขาจะสาละวันถอยหลังยังไงก็ไม่ทราบ คือไม่ถึงกับแย่น่ะครับ แต่ก็ไม่สนุกดังคาดหมายอีกแล้ว

แต่กระนั้นนะครับ ถ้าไม่คิดอะไรมาก ผมว่าฉากต่อสู้แอ็กชันมันก็ดูได้ แก้เบื่อเพลินๆ สบายๆ… แต่พอมานึกอีกที ผมว่าดู Transporter ของเฮีย Jason Statham แกจะตอบสนองความมันส์ได้ถึงใจกว่าอีก