ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

R100 (2013) 15+ UNRATED [บรรยายไทย]

R100 (2013) 15+ UNRATED [บรรยายไทย]
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังตลก , หนังดราม่า

เรื่องย่อ : R100 (2013) 15+ UNRATED [บรรยายไทย]

ชื่อภาพยนตร์ : R100
แนว/ประเภท : Drama,  Comedy
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Hitoshi Matsumoto
บทภาพยนตร์ : Hitoshi Matsumoto,  Mitsuyoshi Takasu,  Tomoji Hasegawa
นักแสดง : Nao Ohmori,  Mao Daichi,  Shinobu Terajima
วันที่ออกฉาย : 12 September 2013

 

 

Ruthless dominatrixes pursue a mild-mannered salesman who wants to get out of his unbreakable contract with a secret bondage club.

R100: Toronto Review – The Hollywood Reporter

IMDB : tt2914838

คะแนน : 6

รับชม : 1300 ครั้ง

เล่น : 358 ครั้ง



 

 

BDSM มีครบ แต่จะหนักไปที่การให้ความสำคัญ S&M (Sadism and masochism) เป็นสำคัญ แล้วก็ต้องขอชมการพลิกแพลงเรื่องรสนิยมพวกนี้ให้กลายเป็นความสนุกน่าติดตามสุด ๆ (อาจจะเฉพาะกลุ่ม) โดยยังคงเรื่องของ BDSM ไว้อยู่ไม่ทิ้งหายไปไหน
ตลอดทั้งเรื่องตั้งเริ่มจนจบ ดูเหมือนจะสามารถแบ่งออกได้เป็นสามพาร์ทใหญ่ โดยใช้เหตุการณ์บางอย่างเป็นตัวเปลี่ยนประเด็นให้ตัวหนังตีเนียนค่อย ๆ ออกจากอารมณ์หนึ่งไปยังอีกอารมณ์หนึ่ง

 

 

R100 (2013) - IMDb
 

 

อาจเริ่มด้วยความเครียดอึดอัดของคุณพ่อคนหนึ่งที่เมียนอนเป็นผักอยู่โรงพยาบาล เขาเจอคลับ Bondage ซึ่งนี้จะมีควีนแต่ละสายให้เลือกบริการ การสมัครเข้าคลับทำให้เขาเริ่มฟินกับการโดนทรมาณ ความแปลกในช่วงต้นนี้ ทีแรกจะไม่กล้าฟันธงเลยว่า ชายคนนี้ที่โดนควีนมาทรมาณในที่สาธารณะ มันคือการโดนควีนเล่นจริงหรือเขาจินตนาการไปว่าโดนควีนเล่นเอาเอง จนมามั่นใจในช่วงเกือบ ๆ กลางเรื่องว่า เขาโดนควีนมาทรมาณในที่สาธารณะจริง จนกลายเป็นข้อข้องใจในเวลาถัดมา คือ แล้วคลับนี้นี่มันยังไง มันคือองค์กรลึกลับีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่หรือยังไงทำไมผู้คนถึงไม่สนใจหรือทำเป็นมองไม่เห็น ตอนที่ชายคนหนึ่งโดนควีนโบยด้วยไม้ กระทืบด้วยส้นสูงทั้งริมถนนและต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน

พาร์ทกลางจะเป็นการเข้ามามีบทบาทของคลับ Bondage มากขึ้น ซึ่งสมาชิกอย่างคุณพ่อลูกหนึ่งคนนี้คือตัวละครที่กลายมาเป็นรองรับการเล่น S&M ของเหล่าควีนที่มาให้บริการถึงบ้านโดยไม่ได้นัดหมาย เหล่าควีนสองคนที่มีให้บริการก็มี ควีนเสียงกับควีนน้ำลาย ควีนเสียงนี้จะทรมาณโดยการจับมัดปิดตาหยดเทียนแล้วใช้เสียงของคนใกล้ชิดชายคนนี้มาปั่นประสาทเขาอีกที ความพีคในช่วงนี้คือการแทกทีมกันของทั้งสองควีน เสียงและน้ำลาย ควีนน้ำลายนี้ก็ไม่ต้องไปไกล แค่เธอมากด้วยน้ำลายสามารถถุยน้ำลายรดหน้าใครก็ได้แบบไม่มีวันหมด ชายคนนี้ที่โดนจับมัดนั่งปิดตาแล้วเริ่มด้วยเสียงคนรู้จักหรือคนใกล้ชิดพูดกับเขา ก่อนจะจบด้วยการโดนถุยน้ำลายรดหน้า สภาพจิตใจของเขาที่มองไม่เห็นมันก็เหมือนว่าคนใกล้ชิดหรือคนรู้จักมาถุยน้ำลายรดหน้าเขานั่นเอง

พาร์ทสามนี้มันจะกลายเป็นความโฉ่งฉ่างอึกทึกผิดอารมณ์ไปจากพาร์ทแรกอย่างสิ้นเชิง โดยสิ่งที่ชายคนนี้เจอคือการที่ตัวเขาได้กลายเป็นคนทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โดยเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลยซักนิดเดียว แล้วทางคลับ Bondage ที่เหมือนเป็นองค์กรใหญ่ก็ทำให้การตามล่าชายคนนี้ เป็นเหมือนการขี่ช้างจับตั๊กแตนยังไงยังงั้น ประหนึ่งบอสใหญ่ออกโรงพร้อมพาลูกน้องทั้งองค์กรมาเพื่อล่าตัวชายคนนี้เพียงคนเดียว

สัญลักษณ์สำคัญที่เหมือนเป็นการตบประเด็นระหว่างนั้นให้คนดูเข้าใจ คือ สัญลักษณ์หน้าฟินเปล่งออร่าออกมาบาง ๆ
หน้าฟินที่ว่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ถ้าบุคคลนั้นรู้สึกฟินจริง ๆ เช่นชายคนนี้ตอนที่เป็นมาโซคิสม์โดนอัดโดนทรมาณทั้งทางร่างกายและจิตใจแล้วรู้สึกฟิน ใบหน้าเขาจะกลายเป็นหน้าฟินไปทันที เช่นเดียวกับช่วงท้าย ที่ก่อนหน้านั้นระหว่างทางหลังจากที่เขาประสบพบเจอกับการกระทำอะไรก็ตามใส่คนอื่นไม่ว่าจะด้วยน้ำมือตัวเองหรือเห็นคนอื่นเจ็บตาย จะหนักจะเบาทำร้ายร่างกายหรือฆ่าให้ตายก็ตาม จนสุดท้ายแล้วการที่เขาพยายามเอาตัวรอดจากการองค์กรตามล่าโดยใช้ระเบิดเข้าสู้เล่นงานฆ่าลูกสมุนไปได้หลายคน มันก็ทำให้ใบหน้าฟินปรากฏบนหน้าจนได้ ตรงนี้มันเหมือนชายคนนี้แหกกฏรสนิยมตัวเองโดยการข้ามจากการเป็นมาโซคิสม์ไปสู่การเป็นพวกซาดิสม์ จากสิ่งที่ชายคนนี้เป็นในช่วงท้ายก่อนถึงบทสรุปในตอนจบจริง ๆ มันคือปรัชญาที่ไม่รู้ความหมายจริง ๆ ว่ามันสื่อถึงอะไรอ่ะ โน๊ตและบทเพลง ODE TO JOY ของ BEETHOVEN มันยังไงหรอ
แต่ในฉากจบจริง ๆ นี้ทีแรกก็หลุดด่ามาเลย เหี้ยอะไรเนี่ย จากนั้นลองนึกย้อนดูเหตุและผลที่ชายคนนี้มีสภาพเป็นแบบนี้ อาจจะเหมือนที่เจ้าของคลับสาขาญี่ปุ่นพูดไว้ถึงการแหกกฏข้ามสายจาก M ไปสู่ S แล้วจะสามารถเปิดประตูสุดท้ายได้ ชายคนนี้อาจจะสามารถเปิดประตูสุดท้ายนี้ได้ สิ่งที่เขาได้รับในฉากจบคือ ชายคนนี้ตั้งครรภ์ เลยคิดว่าจุดที่ชายคนนี้ข้ามขั้นไปสู่ความลี้ลับจุดสูงสุดของมนุษย์นี้คือ การหลอมรวมทั้ง S และ M ไว้ด้วยกัน เปรียบเสมือนตัวเขาเป็นคนไร้เพศที่สามารถผสมพันธ์ตั้งครรภ์มีลูกได้ด้วยตัวเอง ….วัดดาฟักกกกกกกกกก

 

R100 (2013, Hitoshi Matsumoto) – Brandon's movie memory

 

สิ่งที่สร้างความขำได้มากที่สุดสำหรับเรื่องนี้คือ การวิพากษ์วิจารณ์หนังเรื่องนี้จากในหนังเรื่องนี้เสียเอง หนังเรื่อง R100 คือหนังที่อยู่ในเรื่อง R100 (2013) อีกทีนึง R100 ที่ว่านี้มันคือการฉายหนังรอบทดลองให้นักวิจารณ์ได้ดู ไม่ได้ฉายรวด มีพักบ้างเป็นครั้งคราว แล้วช่วงการพัก ครั้งแรกเราจะเห็นพวกนักวิจารณ์มานั่งเงียบอัดบุหรี่ไม่มีใครพูดกันเลยซักคำเดียว (ช่วงที่จบพาร์ทแรกที่ฉันว่าไว้) พอพักครั้งที่สองนี้ นักวิจารณ์บางคนเริ่มตั้งคำถามสงสัยความบ้าบอไม่สมเหตุสมผลในหนังแบบตรงประเด็น ซึ่งมันก็เป็นจุดที่คนดูอย่างฉันสงสัยเหมือนกัน มีนักวิจารณ์นั่งอยู่สามคนอีกสองคนที่ยืนคือทีมงาน แล้วข้อสงสัยที่ถูกเอาขึ้นมาถกนี้แม้แต่ทีมงานเองก็ไม่สามารถตอบได้ว่า ตัวผู้กำกับนั้นเขาคิดอะไรอยู่ ความตลกร้ายมันลามไปถึงการวิจารณ์ตัวผู้กำกับ ที่อายุเกือบ 100 ปี แล้วหนังเรื่อง R100 ก็ที่หนังเรื่องสุดท้ายของเขา นักวิจารณ์สงสัยว่าผู้กำกับแกคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงกระโดดแหกแนวหนังตัวเองมาทำหนังที่ไม่รู้เรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน ซึ่งเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับ(ในหนัง)คือเรื่อง Little Prince ก็ไม่รู้ว่ามันคือเรื่องเจ้าชายน้อยหรือเปล่า แต่มันคงเป็นหนังเด็กน่ารักฟีลกูดอะไรทำนองนั้น จึงเป็นข้อสงสัยของนักวิจารณ์ว่าผู้กำกับหนังเด็กน่ารักแบบนี้อยู่ ๆ ทำไมเลือกหนังเรื่องสุดท้ายของอาชีพผู้กำกับเป็นหนัง BDSM แนวผู้ใหญ่อะไรแบบนี้
ความขำหนักอีกอย่างหนึ่ง คือ จากที่นักวิจารณ์ตั้งแง่ในตัวผู้กำกับอายุเฉียด 100 ปีคนนี้กับหนังที่ไร้ความสมเหตุสมผลไม่สามารถหาคำตอบได้ตรงนี้ ทีมงานกล่าวสั้น ๆ ว่า ตัวผู้กำกับแกหวังไปถึงอนาคตโน้นว่า หนังเรื่องสุดท้ายของแกทำไว้ให้คนดูในอีก 100 ปีข้างหน้า จึงไม่แปลกที่คนในปัจจุบันอาจจะเข้าไม่ถึงดูไม่รู้เรื่อง ….. พรวด กูขำหนักมาก
ตอนจบนี่แม่งร้ายกาจมาก เป็นการนำหน้าฟินมาใช้งานได้จนวาระสุดท้ายจริง ๆ แน่นอนว่าหนังจบด้วยฉากชายตั้งครรภ์ถ่ายรูปกับลูกชายด้วยใบหน้าที่ยิ้มมีความสุข ภาพตัดมา เห็นหน้าผู้กำกับแก่หัวขาวเคราดกขาวนั่งดูหนังตัวเองในโรงแล้วหน้าตาเขาก็ค่อย ๆ กลายเป็นหน้าฟิน เหมือนจะสื่อว่า สาแก่ใจกูละ ทำหนังสนองตัญหาตัวเองเป็นเรื่องสุดท้าย ฟินสัส …แต่นั่นยังไม่เด็ดขาด ถ้าไม่ได้เห็นฉากสั้น ๆ หลัง end credit ที่เป็นภาพกลุ่มนักวิจารณ์นั่งคอตกไร้คำพูดสีหน้าเครียดกันทุกคนรวมทีมงานอีกสองคนด้วย หน้าฟินของผู้กำกับในฉากก่อนหนังจบห่อนหน้านี้ก็กลายมาเป็นการสื่อความหมายถึงฉากนักวิจารณ์นั่งคอตกนี้ได้ในอีกความหมายนึง คือ ผู้กำกับมีความซาดิสม์ แกรู้สึกฟินมากที่สามารถทำหนังให้คนดูนั่งมึนหมดแรงพูดอะไรไม่ออกได้แบบนี้ ไม่ว่านักวิจารณ์จะปลงตกหรือเอือมระอากับหนังเรื่องนี้ที่ไม่รู้ว่ามันออกมาดีหรือเลวก็ตามที

ความประหลาดอีกอย่างที่อยู่ ๆ ก็แทรกมา คือ ฉากการสัมภาษณ์เหล่าควีนที่ทำงานอยู่ในคลับ Bondage ถึงเหตุการณ์ปัจจุบันว่าพวกเธอมีความรู้สึกยังไง หรือการถามถึงตัว CEO ที่กำลังจะเดินทางจากสาขาใหญ่มาเคลียร์ปัญหาที่สาขาญี่ปุ่นแห่งนี้ด้วยเอง …สัมภาษณ์ทำไมอ่ะ เพื่ออะไร

ผู้กำกับโดดลงไปร่วมแสดงด้วย ในบทตำรวจที่ชายคนนี้มาแจ้งความถึงการคุกคามชีวิตส่วนตัวในเวลางานของเหล่าควีนแต่ก็ไม่เป็นผล ตัวตำรวจเองก็มีเหตุผลที่ฟังขึ้นสำหรับการไม่รับแจ้งความชายคนนี้เช่นกัน