ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

Judas and the Black Messiah จูดาส แอนด์ เดอะ แบล็ก เมสไซอาห์ (2021) [พากย์ไทย บรรยายไทย]

Judas and the Black Messiah จูดาส แอนด์ เดอะ แบล็ก เมสไซอาห์ (2021) [พากย์ไทย บรรยายไทย] เต็มเรื่อง
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังชีวประวัติ , หนังประวัติศาสตร์

เรื่องย่อ : Judas and the Black Messiah จูดาส แอนด์ เดอะ แบล็ก เมสไซอาห์ (2021) [พากย์ไทย บรรยายไทย]

ชื่อภาพยนตร์: Judas and the Black Messiah จูดาส แอนด์ เดอะ แบล็ก เมสไซอาห์ (2021)
ผู้กำกับภาพยนตร์: Shaka King
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Will Berson , Shaka King
นักแสดง: Daniel Kaluuya, LaKeith Stanfield, Jesse Plemons
แนว/ประเภท: ชีวประวัติ , ดราม่า , ประวัติศาสตร์
ความยาว:
วันที่ฉาย: 12 กุมภาพันธ์ 2564


 

 

ผู้แจ้งข่าวเอฟบีไอ วิลเลียม โอ’นีล (ลาคีธ สแตนฟิลด์) ได้เข้าแทรกซึมอิลลินอยส์ แบล็ค แพนเตอร์ ปาร์ตี้ และมีหน้าที่คอยจับตาดูผู้นำที่มีเสน่ห์ของพวกเขา ประธานเฟรด แฮมป์ตัน (แดเนียล คาลูยา) ด้วยอาชีพหัวขโมยของโอ’นีลช่ำชองด้านการปลุกปั่นทั้งสหายและผู้ดูแลเขาอยู่ สายลับพิเศษ รอย มิตเชลล์ (เจสซี่ พลีมอนส์) พลังความอาจหาญทางพรรคการเมืองของแฮมตันเพิ่มมากขึ้นเมือเขาตกหลุมรักกับผู้ร่วมปฏิวัติ เดโบราห์ จอห์นสัน (โดมินิก ฟิชแบ็ค) ขณะที่เข้าร่วมการต่อสู้เพื่อความเป็นมนุษย์ของ’นีล เขาจะประคองพลังแห่งความดีเอาไว้ได้หรือไม่? หรือสยบแฮมป์ตันกับเดอะ แพนเตอร์สด้วยทุกวิถีทาง ในฐานะของผู้อำนวยการเอฟบีไอ เจ.เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ (มาร์ติน ชีน) จะควบคุมได้หรือไม่?


 

IMDB : tt9784798

คะแนน : 7.6

รับชม : 1062 ครั้ง

เล่น : 362 ครั้ง



 

ประชาชน การทรยศ และอำนาจจากกระบอกปืน

แม้ว่าจะมีหลายคนหวังให้เกิดความเท่าเทียมระหว่างมนุษย์มากเพียงไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ายังมีคนอีกไม่น้อยที่คิดในทางตรงกันข้าม และความเชื่อทั้งสองรูปแบบนั้นก็เข้าห้ำหั่นกันมาเป็นระยะเวลานานแสนนาน ทุกสิ่งยิ่งร้ายแรงขึ้นเมื่อความไม่เท่าเทียมนั้น ผลักให้เหตุการณ์ทั้งหลายรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ชีวิตถูกนำมาใช้เป็นเครื่องต่อรองระหว่างอำนาจ และเมื่อการพูดคุยไม่อาจเป็นทางออกได้อีกต่อไป ต่างฝ่ายต่างก็งัดอาวุธสำคัญของตัวเองออกมาใช้ ฝ่ายหนึ่งใช้จำนวนและความเชื่อใจของผู้คน ในขณะที่อีกฝ่ายเลือกใช้อำนาจจากปลายกระบอกปืน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นใน Judas and the Black Messiah

 



ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเรื่องจริงของ บิล โอนีล, เฟรด แฮมป์ตัน, เดโบราห์ จอห์นสัน และรอย มิตเชลล์ สี่ตัวละครหลักที่ชักโยงเรื่องราวการต่อสู้ทางอุดมการณ์, การเมือง, อำนาจ และการทรยศ จุดเริ่มต้นจากการกระทำผิดที่ขาดความยั้งคิด โดยพื้นฐานมาจากระบบที่ผลักดันความไม่เท่าเทียม นำไปสู่การแฝงตัว และกลายเป็นการจุดประกายไฟ ที่ภายหลังโหมแรงจนทำลายล้างทุกสิ่ง ในขณะเดียวกันก็ฉายแสงแห่งความเหลื่อมล้ำที่เปิดเปลือยทั้งระบบให้แผ่กว้าง

 



สิ่งที่น่าชื่นชมอย่างแรกเลยก็คือ การแสดงอันแสนทรงพลังของ แดเนียล คาลูย่า ในบทบาท ประธานเฟรด แฮมป์ตัน ผู้นำพรรคแบล็คแพนเธอร์ สาขาอิลลินอยส์ ที่ตั้งใจจะรวบรวมผู้คนให้กลายเป็นปึกแผ่นเดียวกัน เพื่อนำไปสู่การปฏิวัติที่จะพลิกชีวิตผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความไม่เท่าเทียม ให้สามารถใช้ชีวิตอย่างเท่าเทียมได้ ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าทุกท่าทาง ทั้งสีหน้า และแววตา รวมไปถึงการเปล่งเสียงของเขาในทุกสุนทรพจน์ มันทรงพลังมากพอ และทำให้เราสามารถเชื่อได้ในหมดใจในสิ่งที่เขาถ่ายทอดออกมา ขณะเดียวกันในพาร์ทของความเป็นมนุษย์ เขาก็แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งภายในตัว เมื่อต้องเลือกระหว่างชีวิตตัวเอง, ครอบครัว และการเป็นผู้นำของการเคลื่อนไหว เขาทำให้เราเชื่อได้จริง ๆ ว่า เฟรด แฮมป์ตัน คือผู้นำที่แท้จริง

 



ขณะเดียวกัน การแสดงของ ลาคีธ สแตนฟิลด์ ในบท บิล โอนีล หรือ จูดาส สำหรับใครที่มีพื้นความรู้เกี่ยวกับคริสต์ศาสนา จูดาส คือ อัครทูตของพระเยซู ผู้ทรยศโดยการชี้ตัวพระเยซูจนพระองค์ถูกจับกุมตัวไป ซึ่งบทบาทของ บิล โอนีลในเรื่องก็ดำเนินไปในลักษณะนั้น แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ตัวบทภาพยนตร์ และการแสดงของลาคีธ ทำให้เราเห็นความขัดแย้งในตัวละคร จุดเริ่มต้นจากความห่ามของช่วงวัย สู่ความซับซ้อนทางอารมณ์ และการตกเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ นำไปสู่การดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด สุดท้ายแล้วเขาเองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เหยื่ออย่างแท้จริง ผู้คิดเพียงแค่ต้องเอาตัวรอดไปให้ได้ในทุกวันที่หายใจอยู่
 

Judas and the Black Messiah เนรมิตสภาพสังคมอเมริกาในช่วงยุคที่กรอบการยอมรับความแตกต่างยังคับแคบ สังคมที่เชิดชูสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เหนือกว่า ทั้ง ๆ ที่ทั้งหมดนั้นคือการนำเสนอภาพของมนุษย์ทั้งสิ้น ภาพยนตร์ทิ้งบทสรุปของเรื่องราวเอาไว้ได้อย่างเจ็บปวด แต่ก็สมเหตุสมผลเมื่อหันมามองช่วงเวลาที่ดำเนินมาถึงปัจจุบัน กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ สะท้อนชัดเจนว่าการต่อสู้นั้นยังไม่จบลง ท้ายที่สุดแล้วมันอาจจะไม่มีอุดมการณ์ไหนเลยที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่ควรจะถูกต้องที่สุดในทุกสถานการณ์ก็คือ ความรุนแรงและการคร่าชีวิตใครไม่ควรเป็นสิ่งเติมเต็มความชอบธรรมให้อุดมการณ์ไหนทั้งสิ้น