หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังสยองขวัญ , หนังวิทยาศาสตร์ Sci-fi
เรื่องย่อ : A Quiet Place Part II ดินแดนไร้เสียง 2 (2020) [บรรยายไทยมาสแตอร์]
ชื่อภาพยนตร์ : A Quiet Place Part II ดินแดนไร้เสียง 2
แนว/ประเภท : Drama, Horror, Sci-Fi
ผู้กำกับภาพยนตร์ : John Krasinski
บทภาพยนตร์ : John Krasinski, Scott Beck, Bryan Woods
นักแสดง : Emily Blunt, Millicent Simmonds, Cillian Murphy
วันที่ออกฉาย : 8 March 2020
สืบเนื่องมาจากเหตุสยองที่เกิดขึ้นที่บ้าน ตอนนี้ครอบครัวแอ็บบอตต์ต้องออกมาเผชิญหน้ากับความน่ากลัวในโลกภายนอกบ้างแล้ว พวกเขาต้องเดินหน้าต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในความเงียบสงัดต่อไป ต้องถูกบีบบังคับให้เข้าไปเสี่ยงภัยในดินแดนที่พวกเขาไม่คุ้นเคย แล้วพวกเขาก็ได้เข้าใจในทันทีเลยว่าพวกสัตว์ประหลาดที่คอยตามไล่ล่าจากเสียง ไม่ใช่สิ่งเดียวเข้ามาคุกคามชีวิตของพวกเขา
IMDB : tt8332922
คะแนน : 7.4
รับชม : 4624 ครั้ง
เล่น : 1964 ครั้ง
ภาคต่อของ ‘A Quiet Place’ หนังฮิตแบบม้ามืดเมื่อปี 2018 เมื่อโลกถูกคุกคามโดยสัตว์ประหลาดที่ไวต่อเสียงจนทุกชีวิตบนโลกต้องแฝงตัวในความเงียบเพื่อเอาชีวิตรอด เราจะยังได้ติดตามเรื่องราวของครอบครัวแอบบ็อตต์ในภาคแรกแบบไร้ร้อยต่อ คือเอาตอนจบภาคแรกมาชนกับภาคนี้ได้เลย (แม้ตัวละครจะแอบดูโตขึ้นนิดหนึ่งก็ตาม) ซึ่งก่อนหน้านั้นเรายังจะได้เห็นเหตุการณ์ในวันแรกที่สัตว์ประหลาดบุกโลกด้วยทำให้ที่มาที่ไปของสัตว์ประหลาดดูชัดเจนขึ้น ทั้งยังจะได้เห็นหน้าคุณพ่อลี แอบบ็อตต์ ที่นำแสดงโดย จอห์น กราซินสกี (John Krasinski) ซึ่งรับหน้าที่ผู้กำกับทั้ง 2 ภาคนี้ให้หายคิดถึงด้วย
หนังในภาคนี้ก็ยังคงมาตรฐานเดิมได้เยี่ยม ในตอนแรกคิดว่าหนังน่าจะใช้มุกหมดไปเยอะแล้ว แถมยังโดนหนังที่ฉายทีหลังลอกการบ้านไปพอสมควรทั้ง ‘The Silence’ (2019) หรืออารมณ์ใกล้เคียงอย่าง ‘Bird Box’ (2018) ทว่าหนังก็หยอดตัวละครใหม่ ๆ มาแจมกับกลุ่มนักแสดงเดิมอย่าง เอมิลี บลันต์ (Emily Blunt) ในบทคุณแม่ มิลลิเซนต์ ซิมมอนด์ส (Millicent Simmonds) ในบทพี่สาวคนโต และ โนอาห์ จูป (Noah Jupe) ในบทลูกชายคนรอง ที่เราผูกพันแล้วได้ลงตัวมาก ๆ
ตัวละครใหม่ที่สำคัญเลยคึือเพื่อนร่วมเมืองอย่าง เอ็มเมตต์ ที่ได้พระเอกนัยตาเศร้าอย่าง คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) มาร่วมแสดง ซึ่งบทเอ็มเมตต์นี้ทำให้เรารุู้สึกนึกถึง โจเอล ในเกม ‘The Last of Us’ ที่บังเอิญต้องมาดูแลคนที่อ่อนแอกว่าอยู่เหมือนกัน โดยเขามีบทบาทสำคัญไม่น้อยกว่าตัวครอบครัวแอบบ็อตในภาคนี้เลยทีเดียว
อีกหนึ่งดาราดังที่มาในเรื่องก็คือ ดิจิมอน ฮาวน์ซู (Djimon Hounsou) นักแสดงผิวดำมากฝีมือที่แม้มาน้อยแต่มานะ เพราะเขามารับบทในครึ่งหลังของหนังที่มอบจุดพลิกเกมให้กับเหล่าตัวละครหลักด้วย จะอย่างไรนั้นต้องไปชมกันเอง
หนังยังคงฉลาดมาก ๆ ในการคิดเส้นเรื่องให้น่าติดตาม ทั้งการพาไปสู่สถานการณ์ที่ตัวละครต้องออกจากสถานที่ปลอดภัยไปเสี่ยงตายซึ่งเรามักรู้สึกว่ายัดเยียดมาหรือตัวละครทำไปแบบโง่ ๆ ในหนังแนวนี้ได้อย่างมีเหตุผล ทั้งแง่อารมณ์และตรรกะ ซึ่งยังขับเน้นพัฒนาการของตัวละครที่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเติบโตและเรียนรู้กับเหตุการณ์ในภาคแรกมาด้วย (บทแน่นดีมาก)
และแน่นอนสถานที่ใหม่ ๆ ของโลกภายนอกที่ออกจากฟาร์มในภาคแรกก็ยังทำให้ทุกอย่างดูน่าตื่นเต้นด้วย เราจะได้ไปพื้นที่ใหม่ ๆ จากกลางป่าสู่ชุมชนรกร้างจนถึงชายฝั่งทะเล ได้เจอชุมชนผู้รอดชีวิตที่เราไม่เคยเห็น ผู้คนใหม่ ๆ ที่มีทั้งดีและร้าย วิธีการใหม่ ๆ ที่คนอื่น ๆ ใช้เอาตัวรอดจากสัตว์ประหลาด แม้จะคล้าย ๆ หนังสูตรสำเร็จพวกแนวเอาชีวิตรอดในวันโลกสลาย แต่อย่างที่เราพาดหัวรีวิวไว้ว่า รู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังลุ้น
ตรงนี้นับเป็นความฉลาดของการเล่าขั้นที่ 2 ไปอีก เพราะหนังเล่าเรื่องง่าย ๆ เรื่องที่คุ้นเคย เรื่องตามสูตรสำเร็จได้อย่างสนุก มีตัวละครที่เราดูปุ๊บก็รู้ว่าอย่างไรก็รอด บางทีอาจเดาฉากไฮไลต์ของหนังได้เลยด้วยซ้ำ ทว่าฉากการไล่ล่าและต่อสู้ ความเงียบที่ชวนผวา ทุกอย่างยังคงประสบความสำเร็จในการเล่นกับอารมณ์ผู้ชม ตรงนี้เพราะหนังทำให้เราผูกพันกับตัวละครใหม่ได้สำเร็จ และทำให้เราเอาใจช่วยตัวละครอย่างเอ็มเมตต์ให้รอดไปด้วยได้
แน่นอนว่าฉากจำในการที่หนังฆ่าตัวละครหลักในภาคแรกยังคงติดตาฝังใจผู้ชม และเป็นไกปืนที่ง้างไว้พร้อมลั่นใส่หัวใจผู้ชมในภาคนี้เช่นกัน อย่างที่บอกว่ามีบางตัวละครที่รับประกันสกิลตัวเอกที่เรารู้ว่าไม่มีทางตาย แต่นั้นไม่ได้รับประกันอะไรกับตัวละครอื่นเลย ที่เหลือคือตายได้ทุกตัวจริง ๆ
ลุ้นในความเงียบจนลืมหายใจ ภาพใหญ่ ๆ อลัง ๆ เสียงคำรามสนั่น ๆ กลางความมืด บอกได้เลยว่า นี่คือหนังที่พอจะคุ้มเสี่ยงไปชมในโรงหนังอยู่เหมือนกันนะ