ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

Rurouni Kenshin The Final รูโรนิ เคนชิน ซามูไรพเนจร: ปัจฉิมบท (2021) [พากย์ไทย บรรยายไทย]

Rurouni Kenshin The Final รูโรนิ เคนชิน ซามูไรพเนจร: ปัจฉิมบท (2021) [พากย์ไทย บรรยายไทย]  ชนโรง เต็มเรื่อง
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังผจญภัย , หนังดราม่า , หนัง Netflix

เรื่องย่อ : Rurouni Kenshin The Final รูโรนิ เคนชิน ซามูไรพเนจร: ปัจฉิมบท (2021) [พากย์ไทย บรรยายไทย]

ชื่อภาพยนตร์: Rurouni Kenshin The Final รูโรนิ เคนชิน ซามูไรพเนจร: ปัจฉิมบท (2021)
ผู้กำกับภาพยนตร์:  เคอิชิ โอโทโมะ
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: โนบุฮิโระ วัตสึกิ
นักแสดง: Shin'nosuke Abe , Yû Aoi , Munetaka Aoki
แนว/ประเภท: แอคชั่น , ผจญภัย , ดราม่า
ความยาว:
วันเข้าฉาย: 18 มิถุนายน 2564




 

ซามูไรพเนจร ปัจฉิมบท ซึ่งอีกชื่อที่ชาวต่างชาติรู้จักกันคือ Samurai X หนังภาคนี้เป็นบทสรุปของหนังทุกภาค หลังจากไตรภาคชุดแรก ซึ่งที่ใช้ชื่อภาคว่า ปัจฉิมบท Final Chapter Part I หรือ The Beginning เป็นเพราะหนังจะมีภาคย้อนอดีตสมัยที่เคนชินยังเป็นมือพิฆาตบัตโตไซฉายอีกภาค เป็น Part II ซึ่งตรงนี้ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมทำภาคบทสรุปก่อน แล้วค่อยทำภาคย้อนอดีตเป็นพาร์ทที่สอง แต่อาจเพราะต้องการทำตามเนื้อหาในต้นฉบับมังงะให้จบไปก่อนก็เป็นได้

นอกจากนี้แฟรนไชส์ Rouroni Kenshin ยังได้รับความนิยมอย่างมาก จนถึงขั้นเป็นแฟรนไชส์หนังญี่ปุ่นแบบ Live Action เรื่องแรก ที่ได้เข้าฉายในเทศกาลหนังเซี่ยงไฮ้ที่ประเทศจีนด้วย




 

IMDB : tt11809034

คะแนน : 7

รับชม : 7489 ครั้ง

เล่น : 3111 ครั้ง



 

ก่อนอื่นขอรีวิวในส่วนของฉากแอ็กชั่นและนักแสดง เพราะทั้งสามภาคที่ผ่านมา นี่คือจุดแข็งอย่างมาก และภาคนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น

1.ฉากแอ็กชั่น ในภาคนี้การได้ตัวละครเอนิชิที่ใช้วิชาวาโตเข้ามาเป็นตัวร้ายหลักของภาค ก็ทำให้มีการออกแบบฉากต่อสู้ได้หลากหลายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในภาพรวมแล้ว ฉากแอ็กชั่นค่อนข้างจัดเต็มเอามากๆ ใส่เข้ามาแบบไม่ต้องมีกั๊ก ทั้งฉากฟันดาบ ยิงปืนกล ระเบิด และอื่นๆ

ที่สำคัญคือนักแสดงหลักของเรื่องเล่นฉากแอ็กชั่นกันเองค่อนข้างเยอะด้วย มาดูคลิปเบื้องหลังที่ทีมนักแสดงเล่นฉากแอ็กชั่นกันเองเลย ที่น่าทึ่งก็คือการแสดงฉากแอ็กชั่นของ ซาโต้ ทาเครุ ในบทเคนชิน และ แมคเคนยู ในบท เอนิชิ รวมถึงนักแสดงสาวอย่าง ทาโอะ สึจิยะ ในบทมิซาโอะ

 

2.นักแสดง นี่ก็เป็นจุดเด่นสำคัญ โดยเฉพาะ ซาโต้ ทาเครุ ที่รับบท ฮิมุระ เคนชิน ซึ่งน่าจะเป็นภาพจำของตัวละครนี้ไปอีกนาน ถึงแม้ในอนาคตจะมีการนำกลับมารีเมกในอนาคต แต่ทาเครุได้สร้างมาตรฐานระดับสูงในบทเคนชินเอาไว้แล้ว ทั้งการแสดงสีหน้าท่าทาง อีกทั้งฉากแอ็กชั่น ที่มีคลิปปล่อยออกมาเป็นระยะว่าเขาเล่นฉากแอ็กชั่นด้วยตัวเองกว่า 70-80% เลยทีเดียว โดยเฉพาะพวกฉากที่ต้องใช้ความคล่องแคล่ว ความเร็ว ฉากฟันดาบ การวิ่งไต่กำแพงและหลังคาบ้าน ที่เจ้าตัวแทบจะเล่นเองทั้งหมด ถือว่าเป็นมิติใหม่ของวงการภาพยนตร์แอ็กชั่นญี่ปุ่นได้เลย (ต่างชาติแซวกันในคลิปยูทูปเบื้องหลังการถ่ายทำว่า เคนชินเล่นเป็นซาโต้ ทาเครุ ไม่ใช่เขาเล่นเป็นเคนชิน)

ทีมนักแสดงคนอื่นๆก็ยอดเยี่ยมกันหมด โดยเฉพาะสาวน้อย เอมิ ทาเคอิ ที่กลับมาในบท คาโอรุ นางเอกของเรื่อง และอีกหนึ่งสาวน้อยที่กำลังดังมากอย่าง ทาโอะ สึจิยะ ที่กลับมาในบท มิซาโอะ (ทาโอะเริ่มดังในระดับอินเตอร์จากการรับบทนางเอกในเรื่อง Alice in Borderland) รวมถึง ยูสุเกะ เองุจิ ในบทของ ไซโต้ ฮาจิเมะ ที่ก็หาคนมาเล่นบทนี้แทนแกยากเหมือนกัน

 

Rouroni Kenshin The Final


แต่ที่น่าจะโด่งดังขึ้นมาจนแฟนๆ ทั่วโลกรู้จักไปเลยในหนังภาคนี้ก็คือนักแสดงสาว อาริมูระ คาสุมิ ในบท โทโมเอะ ยูกิชิโระ อดีตภรรยาของเคนชิน ซึ่งที่จริงเธอเคยมีผลงานก่อนหน้านี้มาแล้วหลายเรื่อง แถมยังรับงานพากย์เสียงในภาพยนตร์อนิเมะดังๆ มาแล้วด้วย เช่นเดียวกับ แมคเคนยู อาราตะ ที่มาสบทของ เอนิชิ ยูกิชิโระ ตัวร้ายประจำภาคนี้ เขาเป็นนักแสดงหนุ่มญี่ปุ่นที่ไปเกิดและเติบโตในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีจุดเด่นคือสรีระรูปร่างที่ดูแข็งแรงบึกบึน เต็มไปด้วยกล้ามเหนือที่เหนือกว่าผู้ชายญี่ปุ่นทั่วไปมาก ก็เข้ากับบทเอนิชิที่ต้องใช้วิชาวาโตะ ที่ต่อสู้ด้วยการแบบผสมผสานดาบและท่าเตะได้ลงตัวดี

 

รีวิว Rouroni Kenshin The Final Netflix บทสรุปของ เคนชิน ซามูไรพเนจร แอ็กชั่นยอดเยี่ยม ปรับบทใหม่เยอะ 1


3.ด้านเนื้อหา มีการปรับเรื่องราวให้เข้ากับการเป็นหนังยาว 2.17 ชั่วโมง ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าต้องปรับเนื้อหาจากต้นฉบับมังงะพอสมควร แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าที่คิด

แล้วสำหรับ “คนที่ไม่เคยอ่านมังงะหรือรู้เรื่องราวของเคนชินมาก่อน” อาจจะงงกับเรื่องราวความรักความแค้นและปมของเคนชิน โทโมเอะ และเอนิชิ อยู่บ้าง แต่หนังภาค Final ก็มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะเอาเรื่องราวในหนังภาคแรกสุดที่จะเป็นการย้อนอดีต (ซึ่ง Netflix คงจะเอาเข้ามาเร็วๆ นี้) มาเล่าแทรกให้คนที่ดูสามารถเข้าใจปมทั้งหมดของเรื่องอย่างง่ายที่สุดแล้ว ซึ่งในต้นฉบับมังงะ ก็เป็นการเล่าย้อนอดีตของเคนชินกับโทโมเอะไปหลายตอนเหมือนกัน

ส่วนบทบาทของตัวละคร ในหนังก็เลือกเพิ่มบทบาทของบางคนขึ้นมา โดยเฉพาะ ไซโต้ ฮาจิเมะ แล้วยังมี เซอร์ไพร์ส ของตัวละครสำคัญอีกคนที่ได้กลับมาร่วมแจมในหนังภาคนี้ นั่นคือ โซจิโร่ ซึ่งในมังงะบทของเขาจะหมดไปตั้งแต่ศึกกับชิชิโอแล้ว ดังนั้นภาพรวมในการปรับบทและเนื้อหาของเรื่อง ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าที่คาดคิดครับ

 

รีวิว Rouroni Kenshin The Final Netflix บทสรุปของ เคนชิน ซามูไรพเนจร แอ็กชั่นยอดเยี่ยม ปรับบทใหม่เยอะ 2


จุดน่าเสียดายก็มีอยู่ในแง่การปรับบทใหม่ เช่น นักแสดงยาฮิโกะ ที่ต้องเปลี่ยนตัวคนเล่น เพราะคนเดิมที่เล่นมาสามภาคโตเป็นวัยรุ่นแล้ว เลยต้องเปลี่ยนนักแสดงเพื่อให้ยาฮิโกะยังเป็นเด็กอยู่ ซึ่งก็แทบจะไม่ได้มีบทอะไรในเรื่องมากนัก ถ้าเทียบกับต้นฉบับมังงะที่ยาฮิโกะเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญที่มีการเติบโตะและมีพัฒนาการเด่นชัดอย่างมาก แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเพราะทีมสร้างหนังไม่ต้องการให้เรื่องราวโฟกัสหลายจุดเกินไป เพราะไม่งั้นหนังก็จะมียาฮิโกะเป็นตัวเอกอีกคนไปเลย ตัวหนังต้องการเน้นเรื่องปมหลังและการคลี่คลายความแค้น ความสำนึกผิดบาปของเคนชิน รวมถึงที่มาของแผลเป็นรูปกากบาทที่โคตรดราม่า (ซึ่งหนังทำฉากที่โทโมเอะทำให้เกิดแผลอีกอันทับแผลเดิมได้ดีและตราตรึงยิ่งกว่าในต้นฉบับมังงะซะอีก)

หนังยังมีการเปลี่ยนแปลงบทของตัวละครจนแตกต่างออกไปเลย เช่น บทของโจนักล่าดาบ ซึ่งในมังงะเขาจะกลับใจมาทำงานเป็นสายสืบของสันติบาลเต็มตัว แต่ในหนังกลับให้เขาเป็นสายสืบสองหน้าแทน แล้วบทก็หมดไปเท่านั้น หรือฉากต่อสู้ของตัวละครอื่นๆ ที่ถูกปรับใหม่จนแตกต่างจากต้นฉบับ แล้วคนดูอาจจะขัดใจอยู่บ้างในแง่ความเก่งของตัวละครต่างๆ มาดูกันว่าตัวไหนบ้างที่ถูกดันแล้วตัวไหนที่ถูกเนิร์ฟลง

 

รีวิว Rouroni Kenshin The Final Netflix บทสรุปของ เคนชิน ซามูไรพเนจร แอ็กชั่นยอดเยี่ยม ปรับบทใหม่เยอะ 3


บทใครถูกดัน

1.มิซาโอะ ในต้นฉบับ บทของมิซาโอะในศึกสุดท้ายมีส่วนร่วมในฐานะนักสืบ แต่อาจเพราะดาราสาว ทาโอ สึจิยะ กำลังมาแรง คือถ้าไปเล่นเรื่องอื่นเธอคือระดับนางเอกเลย แถมดูเหมือนคนดูจะชอบบทของมิซาโอะอยู่แล้ว ก็เลยเพิ่มบทต่อสู้ให้เธอไปเต็มๆเลย

2.ไซโต้ ฮาจิเมะ คือเดิมทีนี่ก็เป็นตัวละครที่เก่งอันดับต้นๆ ของเรื่องอยู่แล้ว แต่อาจเพราะ ยูสูเกะ เองุจิ เป็นดาราดังรุ่นเก๋าของญี่ปุ่น จ้างแกมาทั้งทีก็ต้องใช้แกให้คุ้มหน่อย เลยให้บทแกได้มีแอร์ไทม์ฉากต่อสู้แบบเต็มๆ แถมไซโต้ ฮาจิเมะ ยังเป็นนักดาบฝีมือดีที่มีตัวจริงในประวัติศาสตร์ ในฐานะอดีตหัวหน้าหน่วยของชินเซ็นกุมิ

3.โซจิโร่ ในต้นฉบับไม่มีบทของโซจิโร่ในภาคนี้ แต่หนังคงต้องการเซอร์วิสแฟนๆ เลยจัดมาให้ แต่อุตส่าห์เอากลับมาแล้ว ที่แย่คือ หลังสู้จบก็หายไป ไม่พูดถึงอีก


 

รีวิว Rouroni Kenshin The Final Netflix บทสรุปของ เคนชิน ซามูไรพเนจร แอ็กชั่นยอดเยี่ยม ปรับบทใหม่เยอะ 4


บทใครถูกเนิร์ฟ

1.ซาโนสุเกะ เป็นตัวละครที่ถูกลดความเก่งลงแบบน่าเกลียดมากๆ คือในต้นฉบับแกเป็นนักสู้แถวหน้า แต่ในหนังนี่เหมือนแกเป็นนักวิวาทที่ออกมารับบทกระสอบทราย แถมศัตรูที่จะต้องสู้กับแกในต้นฉบับ ในหนังกลับโดนเอาไปสู้กับไซโต้แทนอีก (ที่น่าขัดใจคือ ซาโนะไม่ควรจะแพ้เอนิชิยับเยินขนาดนั้นในหนัง)

2.ยาฮิโกะ ต้องถูกเอาบทเด่นจากต้นฉบับออกไป เพราะไม่งั้นจะมีซัปพลอตเพิ่ม

3.อาโอชิ ตอนแรกเหมือนบทจะมาดีแล้ว ที่ให้เป็นตัวละครแนวหมกมุ่นกับการฆ่า แต่กลับใจมาเป็นปกป้องผู้คนจากเงามืด แต่พอโดนระเบิดจนบาดเจ็บแล้วหนังก็ไม่บอกอีกเลยว่าชะตากรรมแกเป็นยังไง อยู่หรือตาย


 

รีวิว Rouroni Kenshin The Final Netflix บทสรุปของ เคนชิน ซามูไรพเนจร แอ็กชั่นยอดเยี่ยม ปรับบทใหม่เยอะ 5



ส่วนฉากต่อสู้สุดท้ายกับเอนิชิ หนังพยายามทำออกมาให้อลังการ ใส่ตัวละครเข้ามาตะลุมบอนกันเละเทะ ก่อนที่จะให้เคนชินเข้าไปดวลเดี่ยวกับเอนิชิ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับฉากต่อสู้กับชิชิโอในภาคที่แล้ว ฉากต่อสู้สุดท้ายกับเอนิชิก็ทำออกมาค่อนข้างดีเลย เพียงแต่ในแง่ของความเป็น “บอสใหญ่” ตัวละครเอนิชิมีออร่าของความเป็นบอสน้อยกว่าชิชิโอพอสมควร ซึ่งเท่าที่หนังพยายามปรับบทและครีเอทฉากต่อสู้ออกมานี้ ก็ถือว่าทำได้ดีมากสมความคาดหวังคนดูแน่นอน เพียงแต่ในภาพรวมแล้ว ฉากแอ็กชั่นกับเอนิชิที่เป็นบอสใหญ่ในภาคนี้อาจเทียบกับหนังภาคสาม The Legend Ends ไม่ได้นัก


 

Rouroni Kenshin The Final


ด้านทีมพากย์ไทย ก็มีนักพากย์จากทีมพันธมิตรมาร่วมพากย์ด้วยบางคน แต่ด้วยความที่งานพากย์ไทยของหนังภาคนี้เป็นงานของแอพ Netflix เลยน่าจะทำให้นักพากย์ไม่สามารถแทรกมุขตลกนอกบทเข้ามาได้แบบที่ทำกันมาในสามภาคแรก ตรงนี้เป็นทั้งข้อดีและข้อด้อยไปในตัว ในแง่หนึ่งคือทำให้เรื่องมันแห้งแล้งมุกตลก และดูเครียดตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง แต่ข้อดีคือ มันทำให้เนื้อหาภาคนี้มีความจริงจังสมกับธีมของภาคนี้เช่นกัน และแทบไม่มีการพากย์นอกบทจนบางคนอาจจะรู้สึกรำคาญด้วย

สรุปภาพรวมแล้ว Rouroni Kenshin The Final นี่คือหนังบทสรุปของ ซามูไรพเนจร ที่เป็นมากกว่าแค่ Live Action แต่เป็นหนังแอ็กชั่นซามูไรแบบไฮสปีดความเร็วสูงที่ผู้ชมไม่ควรพลาด ต่อให้ไม่ใช่เป็นแฟนคลับของซามูไรพเนจรก็ตาม แล้วถือได้ว่าเป็นหนัง Live Action ที่ดีที่สุดตลอดกาลเลยก็ว่าได้สำหรับแฟนไชส์หนังชุดนี้รวมกันทุกภาค ซึ่งหนังภาคบทสรุปนี้สามารถรับชมได้เลยใน Netflix ความยาวหนัง 2.17 ชม.