หมวดหมู่ : หนังตลก , หนังดราม่า , หนัง Netflix
เรื่องย่อ : Moxie ม็อกซี่ (2021) [พากย์ไทย บรรยายไทย]
ชื่อภาพยนตร์ : Moxie ม็อกซี่ (2021)
แนว/ประเภท : หนังตลก, ดราม่า
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Amy Poehler
บทภาพยนตร์ : Jennifer Mathieu (based upon the novel by), Tamara Chestna (screenplay by)
นักแสดง : Hadley Robinson, Lauren Tsai, Patrick Schwarzenegger, Nico Hiraga,
วันที่ออกฉาย : 2021
Moxie ภาพยนตร์จาก Netflix โดยผู้กำกับ Amy Poehler เป็นเรื่องราวของ Vivian Carter เด็กสาวจากเมืองเล็กๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจแม่ของเธอ สาวพังก์ร็อคยุค 90 ด้วยคำถามที่ว่า “เด็กอายุ 16 เขาสนใจเรื่องอะไรกัน” และแม่ของเธอบอกว่า “ตอนแม่อายุ 16 แม่สนแค่จะบดขยี้ระบบชายเป็นใหญ่ พังมันให้ราบคาบ” นั่นก็เลยทำให้เธอก่อการปฏิวัติเพื่อสิทธิสตรีที่โรงเรียนมัธยมปลายของเธอเพื่อจัดการกับปัญหาการเหยียดเพศ การคุกคามทางเพศ การนิ่งเฉยต่อการคุกคาม ความสัมพันธ์ที่ท็อกซิก และรวมไปถึงปิตาธิปไตยในโรงเรียน
IMDB : tt6432466
คะแนน : 0
รับชม : 2414 ครั้ง
เล่น : 844 ครั้ง
เมื่อมีนักเรียนหญิงลุกขึ้นมาพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมโรงเรียน ท่ามกลางสังคมที่ยินยอมให้ปัญหาเกิดขึ้น การรวมใจกันของกลุ่มนักเรียนหญิงที่ต่อต้านสังคมปิตาธิปไตยและความไม่เป็นธรรมในโรงเรียน ปิตาธิปไตย คือ ระบบชายเป็นใหญ่ การที่ผู้ชายทำอะไรก็ได้โดยมีมาตรฐานมากกว่าคนอื่น โดยไม่ต้องกังวลถึงผลที่ตามมา หรือการที่ให้เกียรติคนอื่น เพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงหรือคนที่อ่อนแอสมควรได้รับการดูแลจากตัวเอง มากกว่าที่จะให้เกียรติเพราะเป็นมนุษย์เหมือนกัน หรือการบ่งชี้ว่าผู้หญิงควรทำตัวแบบไหนถึงจะเป็นที่ยอมรับ โดยภาพยนตร์นำหยิบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวของ เจนนิเฟอร์ แมธทิวและเพื่อนๆ ของเธอในสมัยไฮสกูล และด้วยมูฟเมนต์ #MeToo หรือการที่คนในวงการบันเทิงออกมาบอกว่าตัวเองโดนคุกคามหรือล่วงละเมิดทางเพศ นั้นออกมาในช่วงที่สำคัญ ทั้งสำหรับผู้หญิงและเพื่อการต่อสู้เรียกร้องเพื่อสิทธิสตรี เจนนิเฟอร์บอกว่านั่นก็อาจจะมีประโยชน์กับการขายหนังสือก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีเป็นสิ่งที่สำคัญเสมอ เพราะสิทธิสตรีไม่ได้หมายถึงแค่สตรี แต่หมายถึงเหยื่อทุกเพศที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่มีเสียงพอจะต่อสู้กับสังคม ผ่านคำว่า moxie ที่แปลว่า เจตจำนงอันมุ่งมั่น ที่หนังเรื่องนี้กำลังจะนำเสนอ แค่คิดก็น่าสนใจแล้ว มาอ่านเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า
ตัวละครเด็กสาวอย่างวิเวียนที่ค่อย ๆ เป็นตัวแทนพาเราไปดูความปกติที่ไม่ปกติของสังคมในโรงเรียน ทำตัวคุกคาม และสารพัดที่ผู้ใหญ่จัดการได้อย่างห่วยแตกจนน่าโมโห กระทั่งมีจุดเปลี่ยนขึ้นเมื่อมีคนออกมาต่อต้าน หนังเล่าเรื่องอย่างเป็นเส้นตรงสะท้อนภาพสังคมชายเป็นใหญ่ให้เห็นไปเลยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมันแย่ยังไง ซึ่งเราจะอินมาก ถ้าเรามองสังคมที่วุ่นวายเพราะภัยจากการคุกคามทางเพศในตอนนี้ ในส่วนเนื้อเรื่องอาจจะไม่ได้หวือหวา แปลกใหม่อะไร เพราะมันเป็นหนังวัยรุ่นสะท้อนสังคมการต่อสู้ที่แสบสันต์ใช้ได้ เพราะเล่นถึงเรื่องคำว่าเอาจริง อาจจะไม่ใช่ถึงเลือดถึงเนื้อ แต่ก็สร้างแรงกระเพื่อมในสังคมได้พอสมควร โดยเฉพาะใครที่ชอบแนว ๆ นี้ แต่ความน่าสนใจคือหนังมีแมสเซจเรื่องสตรีนิยมที่ชัดเจน เข้าใจง่ายและทำให้เห็นได้ว่าความเท่าเทียมที่พวกเขาต้องการคืออะไร และเราจะทำอะไรเพื่อช่วยเหลือหรือเปลี่ยนแปลงสังคมขึ้นมาได้บ้าง เหมือนที่ตัวละครเลือกที่จะสู้โดยการทำหนังสือทำมือที่แฉเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นและให้ความหวังกับผู้หญิงในโรงเรียน จนกระทั่งสามารถจุดประกายไฟแห่งความโกรธของผู้หญิงทั้งโรงเรียนได้ โดยที่เธอก็ไม่คาดคิดเหมือนกัน ซึ่งก็มีพาร์ทแสบ ๆ ฮา ๆ แบบไม่เน้นมุกอะไรมาก แต่มาจากการจิกกัดแซะของตัวละครในเรื่องนี่แหละ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ตรงใจผมทั้งนั้น
ตัวละครผู้หญิงในเรื่องก็มีหลายแบบหลายสไตล์มีปมปัญหามาเป็นระยะ ๆ และขับเคลื่อนไปด้วยความโกรธ ซึ่งผมไม่รำคาญตัวละครที่ดูจะคิดมาก เรื่องเยอะกับอะไรแบบนี้หรอก เพราะผมมองว่าการที่คนเริ่มรู้สึกไม่ดีหรืออึดอัดและออกมาพูด มันหมายความถึงแบบนั้นจริง ๆ ผมจึงโกรธมากกว่าที่ถูกคนเมินเฉยกับปัญหาของสังคม และเข้าอกเข้าใจตัวละครในเรื่องเป็นอย่างดี แต่อย่ากังวลว่าหนังจะทำตัวกีดกันคนดูกลุ่มอื่น เพราะหนังให้ภาพความเท่าเทียมกับทุกคนอย่างแท้จริง ดูได้ทุกเพศทุกวัยเลย ไม่ใช่แค่กับผู้หญิง จะได้รู้วิธีปฏิบัติตัวให้เหมาะสมหรือถูกต้องกับคนอื่น ๆ ไม่ได้ผูกขาดกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่หนังเฟมมินิสต์ที่มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าใส่เนื้อหาเยอะจนถูกด่าว่า “สตรีนิยมมากเกินไป” จริง ๆ ควรปรับความคิดก่อนว่าสาสน์ของความเป็นสตรีนิยมที่ต้องการคือยังไง
สตรีนิยมบางคนโกรธ บางคนก็อ่อนโยน บางคนก็ดูเมินเฉย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่แบ่งแยกการเรียกร้องเพื่อสิทธิเลย มันก็คือแนวคิดเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย จะเพศไหน ๆ สตรีนิยมคือการที่ได้ใช้ชีวิตตัวเองในการเป็นมนุษย์อย่างเต็มที่ (ใช่ทุกคนเป็นมนุษย์ แต่มนุษย์ก็ควรมีอิสระ และมีชีวิตที่ปลอดภัย ถึงจะเรียกว่ามนุษย์) แต่การแสดงออกต่อปัญหาจะต่างก็เพียงประสบการณ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นของแต่ละคนมากกว่า เพราะงั้นอย่าเมินคนที่กำลังคนตะโกนด้วยความโมโหว่าหัวรุนแรงหรือไร้เหตุผล เพราะนั่นแหละคือเหตุผลแต่คนส่วนใหญ่มักจะชอบเมินเฉย และทำเหมือนว่าไม่ใช่เรื่องตัวเอง ซึ่งน่าเศร้าที่สังคมโซเชียลหรือความจริงก็เป็นแบบนี้อยู่ แต่อย่างน้อยมันก็ต้องใครสักคน หรือคนสักกลุ่มที่จะรับฟังปัญหาของเราเสมอ เพราะงั้นอย่ากลัวที่จะออกมาเรียกร้อง และไม่ต้องกลัวว่าจะต้องถูกกล่าวโทษ เพราะถ้ามันเป็นสิ่งที่ถูกกระทำ เราควรจะทำให้เกิดความเท่าเทียมในสังคม ผิดก็คือผิด ไม่มีบ่ายเบี่ยงหรือเปลี่ยนแปลงใด ๆ