หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังดราม่า , หนัง Netflix , หนังแฟนตาซี , หนังวิทยาศาสตร์ Sci-fi
เรื่องย่อ : The Yin-Yang Master: Dream of Eternity หยิน หยาง ศึกมหาเวทสะท้านพิภพ: สู่ฝันอมตะ (2021) [บรรยายไทย]
ชื่อภาพยนตร์ : The Yin-Yang Master: Dream of Eternity หยิน หยาง ศึกมหาเวทสะท้านพิภพ: สู่ฝันอมตะ
แนว/ประเภท : Action, Drama, Fantasy
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Jingming Guo
บทภาพยนตร์ : Jingming Guo
นักแสดง : Mark Chao, Allen Deng, Ziwen Wang
วันที่ออกฉาย : 25 December 2020
เรื่องราวของมหาเวท 4 เป็นผู้พิทักษ์และต่อต้านจอมปีศาจ ทั้ง 4 คนต้องตื่นจากการหลับไหลในทุกๆ 100 ปี แต่เมื่อมหาเวท 1 คนถูกฆ่าอีกสามคนที่เหลือจะต้องค้นหาให้ได้ว่าใครเป็นผู้ลงมือและแต่งตั้งมหาเวทอีกคนหนึ่งขึ้นมาแทนเพื่อพิทักษ์อาณาจักรให้อยู่รอดปลอดภัย องค์หญิงวางแผนใช้จอมปีศาจและพลังอำนาจของมันเพื่อมอบชีวิตอันเป็นอมตะ และร่วมมือกับหัวหน้าองครักษ์หลวงเพื่อครอบครองพลังนี้
IMDB : tt11454718
คะแนน : 6.4
รับชม : 11659 ครั้ง
เล่น : 4208 ครั้ง
สำหรับภาพยนตร์จีนแนวแฟนตาซีดราม่าเรื่องนี้ดัดแปลงจากนิยายแฟนตาซีญี่ปุ่นชื่อดัง เรื่อง “องเมียวจิ” (Onmyōji) เป็นผลงานของ บาคุ ยูเมะมาคุระ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1986 บอกเล่าเรื่องราวของ อาเบะ โนะ เซย์เมย์ ซึ่งเป็นองเมียวจิ ที่เวอร์ชั่นจีนใช้คำว่าปรมาจารย์จอมเวทย์หยินหยาง เขาเป็นองเมียวจิที่โด่งดังที่สุดในยุคเฮอัน
ตามตำนานแล้ว ยังเป็นผู้มีพลังความสามารถในด้านวิชาเวทย์มนต์ คาถา และการอัญเชิญเทพและภูติรับใช้ให้มาช่วยในการต่อสู้และผนึกเหล่าปีศาจและวิญญาณชั่วร้าย แล้วยังเชื่อว่าเป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์และปีศาจจิ้งจอกด้วย ซึ่งผลงานชุดนี้ได้รับความนิยมมายาวนานกว่า 3 ทศวรรษเลยทีเดียว แล้วกลายเป็นการสร้างภาพลักษณ์ขององเมียวจิที่เป็นมาตรฐานมาจนทุกวันนี้
ที่ผ่านมาเรื่องนี้มีการดัดแปลงไปหลายเวอร์ชั่น ทั้งแบบมังงะ อนิเมะ ซีรีส์ ละครเวที เกมมือถือ ซึ่งก็ได้สร้างภาพลักษณ์ให้กับองเมียวจิจนเป็นที่รู้จักบนหน้าสื่อไปทั่วเอเชียด้วย โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การดัดแปลงลงสู่เวอร์ชั่นเกมมือถือได้ส่งผลคือให้เกมองเมียวจิดังระเบิด โดยเฉพาะด้านดีไซน์คาแรคเตอร์ การออกแบบตะวัลครที่ถูกใจแฟนๆ แล้วสามารถต่อยอดสร้างจักรวาลขององเมียวจิได้อีกมาก
ส่วนการดัดแปลงของเวอร์ชั่นจีนในครั้งนี้ ได้กลุ่มนักแสดงมาแรงอย่าง จ้าวโหย่วถิง เติ้งหลุน เจสซี่หลี่ และ หวังจื่อเหวิน มาร่วมแสดงนำ
สำหรับบทบาทของตัวละครหลักที่ถูกดัดแปลงจากเวอร์ชั่นต้นฉบับญี่ปุ่น ซึ่งตัวละครเหล่านี้จะเป็นที่รู้จักสำหรับคอเกมมือถือและอนิเมะ ได้แก่
อาเบะ โนะ เซย์เมย์ จอมเวทย์องเมียวจิในตำนาน มาเป็น ฉิงหมิง
ฮิโรมาสะ มาเป็น ป๋อหย่า
คางุระ มาเป็น อาหลอ
บิคุนิ มาเป็น องค์หญิงฟางเยว่
แต่ก็แนะนำว่า คนที่ติดภาพมาจากตัวละครเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ให้ลบภาพไปให้หมด เพราะคาแรคเตอร์ตัวละครในเวอร์ชั่นจีนจะมีบทบาทและความสัมพันธ์ที่แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่นพอสมควร แต่เวอร์ชั่นจีนจะยังคงลักษณะสำคัญบางอย่างของตัวละครเอาไว้ เช่น ตำนานของ เซยเมย์ ที่เชื่อกันว่าเป็นลูกครึ่งมนุษย์และจิ้งจอก ก็ยังถูกเก็บไว้ในเวอร์ชั่นจีนด้วย แล้วก็เป็นปมสำคัญอันหนึ่งในเรื่องที่ทำให้ตัวเอกคือฉิงหมิง (เซย์เมย์) ไม่ได้เกลียดชังพวกปีศาจมากนักเหมือนกับปรมาจารย์คนอื่น แถมยังชอบเอาปีศาจที่นิสัยดีหรือยอมรับตนมาเป็นภูติรับใช้อีกต่างหาก
ตัวเรื่องมาแนวแฟนตาซี ดราม่า แอ็คชั่น แบบเต็มสูบ อะไรที่แฟนหนังจีนแนวนี้คาดหวังว่าจะได้ดู รับรองว่าได้ดูเกือบหมด แม้อาจจะมีบางอย่างที่ขัดใจไปบ้าง ส่วน CG กราฟฟิก สเปเชียลเอฟเฟคต่างๆอยู่ในระดับมาตรฐาน ไม่ได้ดีมากแต่ก็ไม่ได้แย่อะไร
ในส่วนของการเดินเรื่อง ค่อนข้างกระชับ ไม่ยืดเยื้อเกินไป แม้จะมีช่วงหนืดๆบ้างตอนกลางเรื่อง แต่ก็เป็นการเดินเรื่องที่มีความจำเป็น แล้วยังมีการผสมผสานแนวสืบสวนเข้าไปเล็กๆด้วย รวมถึงการสอดแทรกบทตลกแบบอมยิ้มได้ ทำให้หนังไม่ดราม่าเกินไป
มีจุดที่อาจจะขัดใจคนดูผู้ชายอยู่บ้างในแง่ที่เรื่องนี้ดูเหมือนจงใจขายความจิ้นวายของพระเอกและพระรองของเรื่องมากไปหน่อย โดยหากไปย้อนดูต้นฉบับของเรื่ององเมียวจิดั้งเดิม ความสัมพันธ์ระหว่าง ฉิงหมิง (เซย์เมย์) และ ป๋อหย่า (ฮิโรมาสะ) จะเป็นแนวมิตรสหายที่มีความผูกพันลึกซึ้ง ให้อารมณ์แบบโบรมานซ์ ซึ่งพอดัดแปลงมาเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์จีนแล้ว จะพบว่าตัวเรื่องจงใจขายความจิ้นของคู่นี้อย่างสุดๆ แถมเคมีระหว่างนักแสดงนำชายทั้งสองคนก็เข้ากันแบบไม่น่าเชื่อซะด้วย แต่ตัวหนังก็ยังมีขายคู่นอร์มอลอื่นเหมือนกัน ทำให้เรื่องนี้สามารถดูได้ทั้งแฟนคลับผู้ชายและผู้หญิง รวมถึงเพศที่สาม เรียกได้ว่าจับตลาดทุกกลุ่มเลยหลังจากผ่านชั่วโมงแรกไปแล้ว ตัวเรื่องกล้าที่จะฆ่าตัวละครบางคนทิ้ง และปริศนาในเรื่องก็เริ่มจะเฉลยออกมาเรื่อยๆ ซึ่งถือว่าทำได้ดีในแง่ที่แม้ว่าเราจะพอรู้ตั้งแต่ดูทีแรกว่าใครคือตัวร้าย แต่บทของเรื่องก็ทำออกมาให้ชวนลุ้น น่าติดตาม ตัวเรื่องยังมีจุดพลิก จุดหักเหอยู่ตลอด ชวนให้ลุ้นว่าเมื่อถึงตอนจบแล้ว ใครจะอยู่รอดกันบ้าง แล้วบทสรุปจะเป็นแบบไหน ซึ่งต้องยอมรับว่าถ้าเป็นคอหนังจีนแนวแฟนตาซี จะรับรู้กันว่าหนังจีนแนวนี้มีเทรนด์ที่ชอบทำบทสรุปออกมาเป็นแนว Sad Ending คือต้องมีการพลัดพรากของตัวละครเอก หรือคู่รักก็มักเจอดราม่ามรสุมที่ทำให้ไม่ได้สมหวังกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็เข้าข่ายนั้นเหมือนกันครับ แต่แนะนำว่าดูแล้วลุ้นกันเองดีกว่าใครจะตายแล้วใครจะรอดบ้าง
ในแง่ของนักแสดง จ้าวโหย่วถิง และ เติ้งหลุน เป็นสองนักแสดงหนุ่มหน้าตาดีที่มีฝีมือน่าจับตามอง และมีเคมีที่ค่อนข้างเข้ากันสำหรับบทบาทในเรื่องนี้ ด้านนักแสดงคนอื่นก็ถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะ หวังจื่อเหวิน ที่แสดงได้ดีมากสำหรับบทบาทสำคัญในเรื่อง
มีอยู่จุดหนึ่งที่ผู้เขียนชื่นชอบเป็นการส่วนตัวคือการดัดแปลงลักษณะขององเมียวจิ คือแม้ว่าภาพยนตร์เวอร์ชั่นจีนชุดนี้จะมีการปรับบทบาทของตัวละครไปมาก แต่ในแง่ของวัฒนธรรมและความเป็นองเมียวจิที่อยู่ในต้นฉบับญี่ปุ่นนั้น ตัวหนังกลับสามารถเก็บไว้ได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นคอสตูมขององเมียวจิที่เปิดมาเป็นชุดแบบญี่ปุ่นมากกว่าของจีน ถึงแม้ว่าเมื่อเข้าเรื่องมา จะกลับมาเป็นชุดจีนอีก แต่พอถึงช่วงท้ายเรื่อง คอสตูมของตัวเอกก็กลับมาเป็นแนวองเมียวจิแบบญี่ปุ่นอีก รวมถึงไอเดียเรื่องวิชาเวทย์เคลื่อนย้ายสิ่งของที่เป็นเวทย์ถนัดของฉิงหมิง ก็ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ได้ดี แต่เรื่องวงเวทเคลื่อนย้ายก็กลายเป็นประเด็นดราม่าที่ผู้กำกับไปเอามาจากเรื่อง Dr.Strange ของ Marvel ซึ่งก็น่าจะทำให้เขาไม่ได้มากำกับเรื่องนี้ต่ออีก หากจะมีการสร้างภาคต่อสำหรับฉายใน Netflix ภายหลัง
ส่วนจุดด้อย ก็มีอยู่ไม่น้อย ด้านหนึ่งอย่างที่กล่าวไปว่ามันดัดแปลงความสัมพันธ์ระหว่าง ฉิงหมิง (เซย์เมย์) และ ป๋อหย่า (ฮิโรมาสะ) ให้ออกมาแนวที่เป็นการจงใจขายความจิ้นวายมากไปหน่อย ซึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ได้เตรียมใจมารับอะไรพวกนี้ดูแล้วอาจจะสะดุ้ง เพราะถ้าเทียบกับต้นฉบับแล้ว มันควรจะได้ฟีลของมิตรภาพระหว่างเพื่อนชายในแง่เพื่อนตายผู้รู้ใจกันมากกว่า แต่นี่ไม่ว่าจะเป็นบทพูด ท่าทาง สายตา และทั้งหมดที่สองตัวเอกชายส่งให้กัน มันเป็นคนรักกันชัดๆ เพียงแต่ต้องยอมรับว่าตัวหนังก็ทำออกมาแนบเนียนในแง่ที่ไม่ได้มีฉากวายอะไรอื่นมากไปกว่าการส่งสายตาหรือพูดจาสองแง่มสองง่ามกันมากกว่านั้น ตรงนี้ถ้าคิดไปซะว่า ในวัฒนธรรมจากต้นฉบับญี่ปุ่นเองนั้น ยุคที่ตัวเอกอาศัยอยู่คือเฮอัน ที่พวกผู้ชายหนุ่มระดับขุนนางหรือชนชั้นนำมักมีลักษณะและจริตบางอย่างที่พร้อมได้ทั้งสองเพศอยู่แล้วด้วย ซึ่งถ้ามองข้ามในส่วนนี้ไป ก็ถือว่าเคมีของสองนักแสดงนำก็เหมาะกับการจิ้นวายซะจริงๆ
จุดด้อยอีกอย่างที่ดูเหมือนยังเป็นข้อด้อยแก้ไม่หายของหนังจีนแนวเทพเซียนและหนังจีนยุคใหม่ก็คือการแต่งหน้า ตัวละครแต่ละคนหน้ายังคงเนียนเกินไปหน่อย โอเคว่าอาจจะไม่ถึงขั้นแต่งหน้าลอยหรือหน้าขาววอกแบบที่หนังจีนยุคใหม่เป็นกัน แต่มันก็น่าจะทำออกมาให้ดูเรียลกว่านี้
สำหรับบทสรุปของหนัง และการเฉลยปริศนาสุดท้าย ก็ค่อนข้างลึกซึ้ง และถือว่าเคลียร์ได้หมด ไม่มีอะไรค้างคา แต่ตัวเรื่องเยิ่นเย้อกับช่วงบทเฉลยมากไปนิด เข้าใจว่าเพื่อต้องการให้คนดูได้ย้อนดูฉากตั้งแต่ต้นเรื่องในอีกมุมหนึ่ง ว่าทำไมตัวละครจึงตัดสินใจทำเช่นนี้ จนเกิดเป็นเรื่องราวทั้งหมด ส่วนตอนจบก็มีการทิ้งเชื้อบางอย่างไว้ให้สามารถสร้างภาคต่อ หากินกันได้อีก