หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังผจญภัย , หนังแฟนตาซี
เรื่องย่อ : Wonder Woman 1984 วันเดอร์ วูแมน 1984 (2020) IMAX [ พากย์ไทย บรรยายไทย ]
ชื่อภาพยนตร์ : Wonder Woman 1984 วันเดอร์ วูแมน 1984
แนว/ประเภท : Action, Adventure, Fantasy
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Patty Jenkins
บทภาพยนตร์ : Patty Jenkins, Geoff Johns
นักแสดง : Gal Gadot, Chris Pine, Kristen Wiig
วันที่ออกฉาย : 17 December 2020
ชะตากรรมของโลกอยู่บนเส้นด้ายอีกครั้ง และมีเพียง วันเดอร์ วูแมน ที่จะช่วยได้! เราจะได้เห็น ไดอาน่า ปริ๊นซ์ (กัล กาโดท) ใช้ชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางผู้คนในยุค 1980 ที่เต็มไปด้วยสีสัน และเป็นช่วงเวลาที่คนเรามักไขว่คว้าเพื่อให้ได้มาทุกอย่าง แม้ว่าเธอจะมีพลังอย่างเต็มเปี่ยม แต่ก็ยังเลือกที่จะเก็บตัวเงียบ คอยดูแลพวกวัตถุโบราณ และซ่อนความเป็นซูเปอร์ฮีโร่เอาไว้ แต่ตอนนี้ ไดอาน่า จะต้องก้าวสู่การเป็นจุดสนใจ และต้องใช้ความฉลาด ความแข็งแกร่ง และความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อปกป้องมนุษย์จากโลกที่พวกเขาสร้างขึ้นมา
IMDB : tt7126948
คะแนน : 5.8
รับชม : 42250 ครั้ง
เล่น : 17193 ครั้ง
ไดอาน่า ผู้มีชีวิตยาวนาน นานจนคนดูอย่างผมยังคิดว่า ช่างเป็นชีวิตที่น่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ ชีวิตที่อยู่เพื่อช่วยคนอื่นอาจจะเป็นชีวิตที่มีคุณค่ามีบุญสำหรับใครๆ แต่ชีวิตที่อยู่ด้วยการทำเพื่อคนอื่น แต่ตัวเองไม่เคยได้ความสุขส่วนตัวมาหล่อเลี้ยงยาวนานเช่นนั้น มันจะอยู่อย่างมีกำลังใจได้อย่างไร
ไดอาน่าใช้ชีวิตมาจนถึงปี 1984 อย่างเปลี่ยวเหงา คนรักตายจากไปนานแสนนาน และเธอก็ฝังใจรักเดียวไม่คิดจะมีใหม่ และเรื่องราวสำคัญของภาคนี้ก็เป็นเหตุผลโดยตรงที่ทำให้เขากลับคืนจออีกครั้ง
เรื่องราวของวัตถุโบราณที่สัมผัสและอธิษฐานขอแล้วมันจะเป็นจริง
หนังภาคนี้จึงดูจะมุ่งเน้นเรื่องราวในด้านจิตใจที่อ่อนแอของมนุษย์มากเป็นพิเศษ บางคนอาจจะรู้สึกตัวเองไร้ค่าต่ำต้อย โดนดูถูกเหยียดหยาม ไม่เป็นที่รักใคร่ ไม่โดดเด่น จึงอยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม อยากแข็งแรง เซ็กซี่ เป็นที่สนใจ อะไรแบบนี้ บางคนก็อาจจะรู้สึกว่าตนเองไม่ร่ำรวย ชีวิตไม่สะดวกสบาย เลยแสวงหาเครื่องมือที่จะทำให้ความปรารถนาเป็นจริง
และเจ้าวัตถุโบราณก็เข้ามาทำงานตรงนี้ ก่อกำเนิดเป็นความขัดแย้งและสร้างเรื่องสร้างราวขึ้นมา
สิ่งที่ยึดโยงอย่างเดียวไดอาน่าก็คงจะเป็นสตีฟคนนี้ และเมื่อเธอแสดงความต้องการต่อวัตถุโบราณนั้น มันจึงให้สตีฟแก่เธอ โดยที่เธอไม่รู้ว่ามันจะก่อผลเสียบางอย่างในภายหลัง หนังภาคนี้จึงเล่นเรื่องที่ใหญ่โตขึ้นกว่าเดิม กินลึกเข้าไปในใจของตัวละครซึ่งพอจะทำให้คนดูได้มองเห็นมิติของตัวละครต่างๆ โดยเฉพาะไดอาน่าได้มากกว่าเดิม
เราจะได้เห็นตัวละครซูเปอร์ฮีโร่หญิงแสนทรงพลัง กลับต้องสะบักสะบอม อ่อนแอลง แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับการได้อินเสียน้ำตาไปกับความสูญเสียทางจิตใจ ด้าน Chris Pine นั้นอาจจะไม่มีบทบาทในการต่อสู้สักเท่าไร แต่เคมีของเขากับ Gal Gadot ก็ทำเอาหลายคนอินมาก ยังไงก็ตามแต่ เขายังเป็นกำลังสำคัญในช็อตคอมิดี้และสำคัญต่อจิตใจของไดอาน่าอย่างยิ่ง
ออกจะน่าเสียดายอยู่บ้างที่ผมกลับไม่รู้สึกอินอะไรนักกับตัวร้ายอย่างแมกซ์เวล ลอร์ด ผู้ที่ใช้ความรู้สึกขี้แพ้เป็นแรงจูงใจ แต่ข้อดีอย่างหนึ่งของตัวละครตัวนี้ก็คือ เขาจะค่อยๆ เพิ่มความเลวร้ายมากขึ้นตามลำดับ เหมือนผู้ชมจะได้มองเห็นพัฒนาการ(ในด้านเลว)ของตัวละครหนึ่งตัว
แอคชั่นที่เล่นไม่ใหญ่ มีไม่มาก แต่เพลินตา ผสานดนตรีประกอบอลังการ
ด้วยความเป็นหนังที่เล่าเรื่องในยุค 80’s เพลงประกอบก็จะให้ความรู้สึกเป็นยุคนั้นมากๆ ซึ่งเมื่อรับชมในรูปแบบ IMAX เสียงมันกระหึ่มและให้ความรู้สึกอิ่มเอมดีมาก
ลีลาแอคชันก็มีความเป็นหนังในยุค 80’s อยู่พอสมควร คราวนี้ไม่ได้เล่นใหญ่มากมายอะไรนัก มีฉากสนุกของเหตุการณ์ในวัยเด็กของไดอาน่าให้ดูเพลินๆ ตอนเริ่ม แล้วก็มีฉากแอคชันมันๆ บนถนนกลางทะเลทราย นอกจากนั้นก็ไม่ได้ถือว่าใหญ่มากมายอะไรนัก โดยรวมแล้วก็ถือว่าสัดส่วนอยู่ในปริมาณที่น้อยกว่าภาคแรกไปนิดหน่อย และหันไปเน้นเล่าเรื่องดราม่าให้มากขึ้น ซึ่งก็คงเป็นไปตามจุดประสงค์ของผู้กำกับ/เขียนบท
เพียงแต่บางช่วงก็อาจจะใช้เวลากับมันมากไปหน่อยจนอาจรู้สึกเนือย จึงอาจจะไม่ถึงกับกลมกล่อมเมื่อเทียบกับภาคแรก ความรู้สึกชอบจึงไม่อาจมากเท่า แต่ไม่ได้เสียหายหนักข้อ หลายๆ จุดของหนังยังถือว่าทำได้ดีอยู่
ดนตรีประกอบครั้งนี้เป็นผลงานของ Hans Zimmer เจ้าของผลงานเอกอุอย่าง Gladiator, Inception, Dunkirk, Batman Begins และอีกมากมาย งานทำดนตรีประกอบครั้งนี้จึงดูยิ่งใหญ่อลังการอย่างยิ่ง จนเกือบจะเกินหน้าตัวหนังไปเสียด้วยซ้ำ
สำหรับคนที่ยืนยันว่าจะต้องไปดูหนังเรื่องนี้ให้ได้ คงไม่ได้สนใจนักว่า บทรีวิวจะชมจะอวยหรือติดชมด้านใด แต่เราจะบอกว่า หนังเรื่องนี้มีจุดเด่น จุดดี มากพอจะทำให้คุณต้องไม่พลาด นอกเหนือจากเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่หญิง ก็ยังคงเล่าเรื่องหลายๆ ส่วนที่เกิดมาจากความรู้สึกของผู้หญิง อย่างเช่นการให้ตัวร้ายเป็นผู้ชายล้วนที่ก่อเหตุกับผู้หญิงและเด็ก เป็นต้น
สิ่งที่เห็นได้ชัด ความสวยของไดอาน่า ทุกๆ ช็อตที่เห็นบนจอ คนดูอย่างผมได้แต่รำพึงในใจว่า “สวยว่ะ” ตลอดเวลา ความหล่อเด๋อๆ ของสตีฟก็ทำให้รู้สึกว่า เออ เขาทำให้สองสิ่งมารวมอยู่ในคนๆ เดียวได้วุ้ย Gal Gadot เล่นบทดราม่าได้ดีทีเดียว เราสามารถน้ำตาไหลแทบสะอื้นให้กับนางได้โดยไม่ต้องเค้น นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ของพ่อลูกกับบทพูดในตอนท้ายนั้น จับใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้เราที่ไม่ได้อินกับบทนี้ของ Pedro Pascal แต่กลับน้ำตาไหลได้ในฉากนั้นแต่ก็ยังมีบางฉากที่รู้สึก ‘อิหยังวะ’ แทรกเข้ามาอยู่บ้าง บางฉากมันดูไม่น่าเชื่อสักเท่าไหร่แต่จำต้องใส่มาเพื่อเป็นจุดเปลี่ยนของฉากนั้นๆ