หมวดหมู่ : หนังตลก , หนัง Netflix
เรื่องย่อ : Death to 2020 ลาทีปี 2020 (2020) [ บรรยายไทย ]
ชื่อภาพยนตร์ : Death to 2020 ลาทีปี 2020
แนว/ประเภท : Comedy
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Al Campbell, Alice Mathias
บทภาพยนตร์ : Charlie Brooker, Annabel Jones
นักแสดง : Samuel L. Jackson, Hugh Grant, Lisa Kudrow
วันที่ออกฉาย : 27 December 2020
รับชมแง่มุมขบขันเกี่ยวกับปีที่ทุกคนอยากจะบอกลาเต็มที ผ่านมุมมองของบรรดาผู้วิจารณ์ที่ไร้ข้อมูลสาระที่สุดเท่าที่คุณเคยเจอ ผลงานจากผู้สร้าง "แบล็ก มิร์เรอร์"
IMDB : tt13567480
คะแนน : 7
รับชม : 1969 ครั้ง
เล่น : 329 ครั้ง
เน็ตฟลิกซ์ กับมือกับทีมงานซีรีส์ชุดดังของอังกฤษอย่าง Black Mirror มาทำการประมวลเหตุการณ์สำคัญของโลกตลอดปี 2020 ปีที่ถือเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่เรียกว่าอลหม่านที่สุด บ้าบอที่สุด และไม่มีปีใดที่เหมาะจะเอามาทำหนังตลกร้ายได้มากเท่านี้อีกแล้ว จากเหตุการณ์ต้นปีตั้งแต่ไฟป่าครั้งใหญ่ที่ออสเตรเลีย จนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปี
โดยได้ดาราดังทั้ง ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น ที่มาให้เพียงพากย์ แซมมูเอล แอล. แจ็กสัน รับบทนักข่าวนักวิเคราะห์ ฮิวจ์ แกรนต์ ในบทนักประวัติศาสตร์ คุมาล นันจีอานี ในบทเจ้าของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ โจ คีรี่ ในบทยูทูบเบอร์และดาวตลกอีกมากมายก่ายกอง ที่คุ้นหน้าสุดอย่าง เลสลี่ โจนส์ จาก Ghostbusters (2016) เป็นต้น
ดาราเป็นจุดขายก็อย่างหนึ่ง แต่จุดแข็งจริง ๆ คงเป็นบทวิเคราะห์ผ่านมุมมองของคาแรกเตอร์แต่ละคนต่อปี 2020 นั่นล่ะ ที่โคตรปั่น แสบสมกับเป็นทีมสร้างซีรีส์ Black Mirror จริง ๆ เอาง่าย ๆ แค่ภาพเปิดหนังที่มาด้วยหน้าเบื่อโลกของ ซามูเอล แอล. แจ็กสัน ที่แทบจะได้ยินเสียง Mother F*cker กระแทกจอมา (แต่น่าเสียดายที่แกไม่ได้พูดคำนี้เลยในหนัง) แบบใช่เลย ปี 2020 มันต้องได้เสียงประกอบแบบนี้ล่ะ
ความตลกที่แตกต่างจากหนังตลกเรื่องอื่น ๆ เพราะมันเป็นการประยุกต์ สแตนด์-อัปคอมเมดี มาใช้ในงานภาพยนตร์ คือเวลาเราชมเดี่ยวต่าง ๆ ผู้พูดจะทำการเข้าเนื้อเรื่องซึ่งมักยกมาว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเหตุการณ์ส่วนรวมที่ทุกคนสามารถอินได้ง่าย แล้วเปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องจริงนั้น ๆ ด้วยวิธีการเล่าหรือวิธีการคิดที่เฉียบคมให้กลายเป็นขำขัน หัวใจคือเอาเรื่องจริง (หรือสมจริง) มาใช้เป็นต้นทุนในการผลิตเพื่อความฮา
เช่นเดียวกัน Death to 2020 ก็เป็นความตลกจากการแดกดัน เสียดสีเรื่องจริง ซึ่งต่างจากหนังตลกเพียว ๆ ที่มักแฟนซีจัดไปเลย หรืองานตลกแอบถ่ายที่ถึงจะฮาจากสถานการณ์จริง แต่ไม่ได้มีการใช้ความเฉียบคมในการเสนอมากนัก
ส่วนตัวชอบบทพูดของ ฮิวจ์ แกรนต์ ในฐานะนักประวัติศาสตร์มาก ตัวอย่างเช่น ตอนวิเคราะห์เรื่อง Black Lives Matter ที่คนรุ่นใหม่ออกมาทำลายรูปปั้นคนผิวขาวที่มีชื่อเสียงในอดีต (แต่เคยค้าทาส) แล้วพี่แกบอก พวกนั้นกำลังทำลายประวัติศาสตร์ แต่ก็มีเสียงผู้กำกับสารคดีถามสวนไปว่า แล้วมุมมองว่าการที่พวกเขาทำลายรูปปั้นก็เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ล่ะ
พี่แกรนต์ก็ทำหน้าอึ้ง ๆ เออว่ะ แล้วตัดบทว่า หุบปากแล้วก้าวผ่านเรื่องพวกนี้กันซะทีเถอะ (ฮา)
หรืออย่างตอนแกที่บอกว่าปีนี้มันเลวร้ายมาก ดั่งปรากฏการณ์ในประวัติศาสตร์ที่ ไวท์วอล์กเกอร์ เดินทางมาถึงกำแพงเวสเทอรอส แล้วพอโดนทักว่านั่นมันซีรีส์ Game Of Thrones นะไม่ใช่ประวัติศาสตร์ แกก็ว่าอย่าเถียงแกสิ แกเป็นนักประวัติศาสตร์ แกเรียนมา (ฮา) คือมันมีการผสมผสานความบันเทิงร่วมสมัย การเมือง วิทยาศาสตร์ หลาย ๆ อย่างมาปั่นอย่างสร้างสรรค์ได้สนุกทีเดียว
มาถึงข้อเสียของหนังบ้าง ด้วยความที่ทีมสร้างเป็นทีมอังกฤษ ทำให้เหตุการณ์แซวนายกรัฐมนตรีอังกฤษดูจะได้เวลามากไปเสียหน่อยสำหรับคนดูประเทศอื่น ๆ ที่อาจไม่ได้อินมาก หรือช่วงของ Black Lives Matter ก็เล่นเบามาก คือดูออกว่าเกรงใจเพราะมันก็เป็นประเด้นที่น่าเศร้าอยู่เรื่องผู้บริสุทธิ์ตาย แต่มู้ดมันดรอปลงเยอะเหมือนกัน
จริง ๆ หนังออกมาตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคมปีก่อน แต่เนื่องจากยังไม่มีซับไทยก็เลยรอรีวิวพร้อมซับไทยเมื่อวันก่อนเลยทีเดียว ซึ่งต้องบอกว่าตอนที่ดูแบบยังไม่มีซับไทยนั้นฮากว่ามาก อาจด้วยความประทับใจแรก แต่อีกประการก็คือการแปลซับไทยนั้นค่อนข้าง แซ่บ น้อยกว่าที่ควรเป็นมาก ภาษาออกทางสารคดีจนน่าเบื่อ ทั้งที่บทและการแสดงเล่นแรงกว่าการแปลไปไกลแล้ว ก็น่าเสียดายนิดหนึ่งครับ