หมวดหมู่ : หนังตลก , หนังดราม่า , หนังอาชญากรรม , หนัง Netflix
เรื่องย่อ : AK vs AK (2020) [ บรรยายไทย ]
ชื่อภาพยนตร์ : AK vs AK
แนว/ประเภท : Comedy, Crime, Drama
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Vikramaditya Motwane
บทภาพยนตร์ : Vikramaditya Motwane, Anurag Kashyap
นักแสดง : Anil Kapoor, Anurag Kashyap, Sonam Kapoor
วันที่ออกฉาย : 24 December 2020
หนังอินเดีย Netflix พล็อตแปลกแหวกสุดๆ ด้วยการทำเป็นหนังสารคดีจำลอง (Mockumentary) แล้วก็ซ้อนด้วยหนังอีกที ว่าด้วยเรื่องของผู้กำกับ VS. ดาราดัง ที่ทะเลาะกันจนฝ่ายผู้กำกับตัดสินใจแก้แค้นด้วยการลักพาตัวลูกสาวดาราดังมาเป็นตัวประกัน เพื่อให้อีกฝ่ายตามมาช่วยลูกสาวแบบหนัง Taken แต่เป็นเวอร์ชั่นสดเรียลไม่มีบทใดๆ ทั้งสิ้น
IMDB : tt11651796
คะแนน : 7.3
รับชม : 3023 ครั้ง
เล่น : 608 ครั้ง
นี่เป็นหนังอินเดียที่มีความแปลกตั้งแต่ชื่อเรื่องยันบทกับนักแสดง จึงต้องขยายความคอนเซ็ปต์ให้เข้าใจกันก่อนว่าชื่อเรื่องย่อมาจากชื่อ นักแสดงนำทั้งสองคน Anil Kapoor (อานิล) กับ Anurag Kashyap (อนุราค) ซึ่งคนแรกเป็นนักแสดงตามบทจริง 100% รวมถึงอีกฝ่ายก็เป็นผู้กำกับจริง 100% เช่นกัน รวมถึงตัวละครในเรื่องก็ตัวจริงเล่นเป็นตัวเองทั้งหมด ตัวเรื่องเอาทั้งสองคนที่มีประวัติการทำงานจริงมายาวนาน และช่วงเวลาที่ทั้งคู่เริ่มมีปัญหากับวัยกลางคน ผลงานตกต่ำลงในปัจจุบันมาเล่นเป็นบทหนังในเรื่องนี้ แสดงเอง เล่นเอง แต่ไม่ได้กำกับเอง แล้วก็จำลองเรื่องเป็นแนวสารคดีถ่ายสด ให้เป็นหนังเล่นจริง เจ็บจริง ไม่มีบทให้อ่านล่วงหน้า (หมายถึงในหนังเรื่องนี้ แต่จริงๆ คือมีบท) เรียกว่าเป็นหนังซ้อนเรื่องจริงกันหลายชั้นทำเอางงเหมือนกัน (ถ้าใครงงอ่านเรื่องย่อละเอียดในย่อหน้าต่อไป) ซึ่งถ้าเป้นคนอินเดียหรือคนที่ติดตามผลงานหนังบอลลีวู๊ดเยอะๆ ก็จะเก็ทกับมุกต่างๆ ในเรื่องที่เอาเรื่องจริงมาล้อเล่นให้ขำ อย่างมุก นาวาซัดดิน ซิดดิกรี ที่เป็นนักแสดงขาประจำโด่งดังในเน็ตฟลิกซ์ที่หยิบมาพูดถึงในเรื่องบ่อยๆ เนื่องจากนี่เป็นหนังทุนสร้าง Netflix แท้ๆ จึงกลายเป็นเอาเรื่องในวงการหนังอินเดียที่หันมาทำให้ Netflix มาล้อผสมไปด้วย
พล็อตเรื่องนี้ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเลย ตัวเรื่องเปิดโอกาสให้เล่นอะไรได้มากมาย ซึ่งช่วงแรกของเรื่องถือว่าสดใหม่น่าติดตามาก จากที่มันถูกจำลองให้เหมือนสารคดีถ่ายทอดไม่มีบท คนดูเองแม้จะรู้ว่านี่เป็นหนัง แต่บทในเรื่องถูกวางไว้เป็นแบบด้นสด (ปลอมๆ) ตัวเรื่องจึงดูน่าติดตามว่าต่อไปจะเป็นยังไงถ้าเรื่องนี้เป็นจริง ซึ่งแน่นอนว่ากฎห้ามแจ้งตำรวจทางอานิลเองก็ไม่ยอมทำตามแต่แรก แต่กลายเป็นว่าอนุราคก็ดักแผนซ้อนไว้แล้วโดยหลอกคนที่อานิลไปเจอว่านี่กำลังถ่ายหนัง ตัวเรื่องให้ทั้งคู่ตามติดไปด้วยกันตลอด แม้อานิลจะอยากใช้กำลังบีบบังคับให้บอกที่ซ่อนลูกสาวก็ทำไม่ได้ เนื่องจากอีกฝ่ายถ่ายทอดสดสถานการณ์ลูกสาวให้ดูสดๆ ว่าถ้าทำเขาจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งบทในช่วงนี้ถือว่าท้าทายสมอง
แต่ต้องบอกว่าหลังจากเปิดเรื่องช่วงแรกที่ดูดีสดใหม่ กลางเรื่องไปหลายๆ อย่างกลับยืดเยื้อแล้วก็ไม่ค่อยสมเหตุผล จนดูเหมือนหนังเองก็จนแต้มกับการด้นสดแบบเรียลๆ ไม่รู้ว่าจะให้อานิลทำยังไงถึงหาทางออกในเรื่องนี้ได้ ซึ่งตัวเรื่องก็วนเวียนไปมากับการที่ให้อานิลไปไล่ถามหาคนที่คิดว่าจะรู้จักกับคนที่จับตัวลูกสาวเขาไป และพยายามให้มีแนวแอ็กชั่นไล่าสดๆ แต่ก็ไม่ได้ทำออกมาดีเลย แถมตัวร้ายอย่างอานุรัคก็เหมือนไม่ได้มีบทบาทอะไรมากกับเรื่องที่ตัวเองวางไว้ อาจจะเพราะตั้งใจให้ตัวเรื่องเป็นการด้นสดของอานิล จึงทำให้เขาแทบไม่มีบทบาทอะไรมากนอกจากตามดูเฉยๆ จนกลายเป็นช่วงที่น่าเบื่อมาก หนังเหมือนหมดมุกกันกลางเรื่องเอาดื้อๆ
แต่สถานการณ์หนังในเรื่องก็พลิกกลับมาได้เอาตอนท้ายๆ ตัวเรื่องพลิกซ้อนเกมที่วางไว้ทั้งหมด กลายเป็นมีเรื่องหนังซ้อนหนังในนั้นไปอีกชั้น ซึ่งตอนนีคนดูคงเริ่มงงแล้วว่าอะไรจริงอะไรเท็จกันแน่ เพราะซ้อนกันหลายชั้นเหลือเกิน ซึ่งตัวเรื่องก็คลี่คลายกันง่ายๆ กับคดีลักพาตัวที่ดูรุนแรงมากแบบนี้ แต่ตัวหนังยังไม่จบแค่นั้น ยังมีต่ออีกชั้นซึ่งกลายเป็นฉากจบที่แอบว้าวได้เหมือน ซึ่งถ้าใครไม่เคยดูหนังที่จบแบบนี้ก็คงทึ่งกับบทสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่หนังวางไว้ แต่ถ้าใครเคยดูฉากจบแบบนี้มาแล้วก็อาจจะเฉยๆ คาดเดาได้จนทำให้หนังเรื่องนี้ไม่แปลกใหม่ไปได้เช่นกันครับถือเป็นหนังขายไอเดียทุนต่ำลง Netflix ที่แม้จะเหมือนหนังแนวทดลองอะไรแปลกๆ ไปหน่อย แต่รวมๆ ก็พอดูได้โอเคกับความแปลกใหม่ พร้อมฉากจบที่แอบว้าวได้เหมือนกันครับ