หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนัง Netflix
เรื่องย่อ : Break เบรก: แรงตามจังหวะ (2018) [ บรรยายไทย ]
ชื่อภาพยนตร์ : Break เบรก: แรงตามจังหวะ
แนว/ประเภท : Drama
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Marc Fouchard
บทภาพยนตร์ : Marc Fouchard, François Legrand
นักแสดง : Sabrina Ouazani, Kévin Mischel, Hassam Ghancy
วันที่ออกฉาย : 18 July 2018
ลูซี่ สาวนักเต้นพยายามค้นหาตัวเองในมุมใหม่หลังเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง และได้รู้จักกับแว็งซองต์ หนุ่มนักเต้นบีบอยซึ่งกำลังตกอยู่ในสภาวะขาดความมั่นใจ
IMDB : tt7343574
คะแนน : 5.9
รับชม : 1697 ครั้ง
เล่น : 448 ครั้ง
เจาะเรื่องการเต้นฮิปฮอปของหนุ่มอดีตนักโทษนักเต้นชื่อดัง ที่ไม่ยอมกลับมาเต้นอีกครั้ง กับสาวที่ใฝ่ฝันอยากเข้าคณะนักเต้นที่มีชื่อเสียง แต่ทักษะความสามารถเธอยังไม่ถึง จึงต้องพึ่งให้เขาช่วยสร้างฝันนี้ให้สำเร็จ
เน็ตฟลิกซ์ยังพยายามขนหนังแนวดนตรีมาลงโดยเฉพาะพวกแนวเต้นที่ออกมาถี่มากเหลือเกิน แม้จะเรียกได้ว่าหมดยุคของหนังแนวนี้แล้วก็ได้ ตั้งแต่สเต็ปอัพเริ่มดาวน์ลงๆ ด้วยพล็อตซ้ำซากด้านความรักของพระเอกนางเอกที่ต้องให้เต้นคู่กัน ไม่ก็ช่วยฝึกซ้อมเป็นโค้ช มีอดีตความหลังที่เก่งกาจ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยปมบางอย่างที่ซ่อนไว้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เดินตามสูตรเป๊ะๆ แทบจะทุกกระเบียดนิ้ว จนเราแทบจะไม่ได้เห็นอะไรใหม่ในเรื่องนี้เลย นอกจากฉากโชว์ท่าเต้นแนวใหม่ที่สอดแทรกในเรื่องนี้เท่านั้น
จะเห็นว่าพล็อตเรื่องเต้นดูโบราณตามสูตรไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลยจริงๆ ตัวเรื่องจึงพยายามเพิ่มประเด็นเรื่องการตามหาพ่อที่หายไปว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่คิดว่าเธอเป็นลูกสาวและเลี้ยงดูเธอมา ซึ่งเอาจริงๆ เป็นเส้นเรื่องที่ใส่มาได้รกมาก นอกจากจะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องหลักเลย ยังพยายามให้ดูเป็นดราม่าปัญหาครอบครัว “พ่อใหม่เลี้ยงดูดีแต่ไม่รักเท่าพ่อที่ทิ้งไป” จนกลายเป็นตัวนางเอกเองดูง้องแง้งไม่เอาไหนเหมือนเด็ก เกินกว่ารูปร่างหน้าตาที่ดูเป็นผู้ใหญ่ (ในเรื่องไม่ได้บอกอายุนางเอก แต่มีใบ้ไว้ว่าน่าจะราวๆ 20 ต้นๆ) ซึ่งจริงๆ Sabrina Ouazani นักแสดงคนนี้อายุจริง 34 เกินบทไปมาก ทำให้ยิ่งดูไม่น่ารัก ไม่อินกับการทำตัวงี่เง่ากับพ่อแม่แบบนี้
แถมการเต้นของนางเอกก็เฉยๆ ดูยังไงตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เห็นสิ่งที่เรียกว่าพลังและพรสวรรค์แบบที่บทว่าไว้เลย มีแค่การโชว์ท่าเต้นบนสลิงที่แขวนไว้ข้างตึกในตอนเปิดเรื่องเท่านั้นที่ดูมีอะไรหน่อย แม้จะเปิดเรื่องด้วยแนวผาดโผน แต่ท่าเต้นในฉากนั้นก็ยังธรรมดามาก แต่เหมือนคนสร้างเรื่องนี้พยายามขายฉากเต้นนางเอกบนอากาศ ตอนท้ายเรื่องถึงวกกลับไปให้นางเอกเต้นโหนผ้าที่มัดห้อยลงมาเหมือนตามผับบาร์โหนเสา แต่มีคลาสกว่าหน่อยเท่านั้น แต่โดยรวมก็ยังไม่ได้ช่วยคนดูรู้สึกดี สนุก หรือเร้าอารมณ์ร่วมได้เลยแม้แต่น้อย อาจจะเพราะเธอไม่ใช่นักเต้นจริงๆ เรื่องจึงต้องพยายามตัดฉากเธอเต้นออกมาสั้นๆ เป็นช่วงๆ ไม่มีฉากต่อเนื่องเต้นยาวแบบที่หนังเต้นดีๆ จะซ้อมคิวมายาวรวดเดียวแบบนั้น
กลับกันตัวพระเอกเองกลับกลายเป็นจุดขายของเรื่องที่ดีกว่ามาก ตั้งแต่การติดกำไลข้อเท้าที่ทำให้เขามีเวลาจำกัดในการออกนอกสถานที่เพื่อฝึกซ้อมนางเอก แล้วก็ไม่สามารถกลับมาเต้นได้ด้วยปมปัญหาบาดแผลในใจกับเพื่อนรักที่ขาพิการ ส่วนตัวพระเอกคือนักเต้นจริงๆ ที่เต้นได้สวยงามแปลกใหม่ แม้จะดูเป็นแนวสตรีทที่บางท่าประหลาดมากๆ อย่างการใช้ศอกเดินงี้ แต่รวมๆ คือเก่งจริง ทุกฉากที่พระเอกออกมาเต้นเป็นฉากที่ทำให้เรื่องนี้ดูมีอะไรที่ได้อารมณ์หนังเต้นจริงๆ ขึ้นมาทันที และเพื่อนๆ รอบตัวพระเอกเองก็เป็นพวกนักเต้นเก่งๆ กันหมด ทำให้มีฉากโชว์ของแต่ละคนที่ดูเพลินเลยจนลืมไปว่าจริงๆ พวกนี้เป็นแค่นักแสดงประกอบเท่านั้น
นอกจากนี้เพลงประกอบในเรื่องก็ไม่มีความโดดเด่นเลยแม้แต่น้อย ไม่มีเพลงประจำของตัวเอง เหมือนแค่เอาเพลงทั่วไปมาประกอบ จนกลายเป็นหนังเต้นที่ดูไม่ลงทุนอะไรกับหัวใจของหนังแนวนี้ไปโดยปริยาย ซึ่งถือว่าผู้กำกับไม่ทำการบ้านมาเลยแย่มากๆ
นี่เป็นหนังเต้นที่พยายามใส่ดราม่าปมครอบครัวเข้ามาแบบไม่เข้าท่า ในขณะที่ฉากเต้นของนางเอกดูง่อยตั้งแต่ต้นจนจบ มีแค่ตัวพระเอกที่พยุงเรื่องไว้ให้พอดูเพลินๆ ได้อยู่เท่านั้นครับ