ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

Twilight's Kiss ซุกที่เขา สุขที่ใจ (2019) บรรยายไทย

Twilight's Kiss ซุกที่เขา สุขที่ใจ (2019) บรรยายไทย เต็มเรื่อง
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังดราม่า

เรื่องย่อ : Twilight's Kiss ซุกที่เขา สุขที่ใจ (2019) บรรยายไทย

ชื่อภาพยนตร์ : Twilight's Kiss ซุกที่เขา สุขที่ใจ
แนว/ประเภท : Drama
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Ray Yeung
บทภาพยนตร์ : Ray Yeung
นักแสดง : Tai-Bo,  Ben Yuen,  Patra Au
วันที่ออกฉาย : 23 July 2020

 

 

เรื่องราวของชายชรา 2 คน ที่ช่วยย้ำว่าความรักเป็นเรื่องของหัวใจ ไม่เกี่ยวกับเพศหรืออายุ “ความรักเกิดขึ้นกับใคร ที่ไหน และอายุเท่าไรก็ได้” หนึ่งคำโปรยสั้นๆ จาก SUK SUK ซุกที่เขา สุขที่ใจ ภาพยนตร์รักสัญชาติฮ่องกงที่จะพาผู้ชมไปสำรวจเรื่องราวของชายชราสองคนที่ทำ ‘ความสุข’ ของตัวเองหล่นหาย ก่อนที่โชคชะตาจะนำพาพวกเขามาพบกัน เพื่อร่วมค้นหาและเติมเต็มความสุขให้แก่กันในปั้นปลายชีวิต โดยเล่าเรื่องราวของ ปาร์ค (ไท่ เป่า) คนขับรถแท็กซี่วัย 70 ปีใช้ชีวิตอยู่กับ ชิง (พาทรา โอ) ภรรยาและลูกอีกสองคน แต่ดูเหมือนว่าปั้นปลายชีวิตที่มีครอบครัวอันอบอุ่น เขากลับไม่รู้สึกถึง ‘ความสุข’ เลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งวันหนึ่ง ปาร์ค ได้มาพบกับ ฮอย (เบน หยวน) ชายวัย 65 ปี ที่ถูกภรรยาทิ้งและอาศัยอยู่กับลูกชายคนเดียวที่ไม่ลงรอยกันเท่าไรนัก ทั้งคู่ได้แบ่งปันเรื่องราวให้แก่กัน จนเริ่มก่อตัวเป็นความรักที่ต้องปิดบังจากครอบครัว

 

รอบยังพอเหลือ! “SUK SUK” หนังฮ่องกงสุดร้าวรานที่ขอแนะนำให้ไปดู

IMDB : tt10975520

คะแนน : 7.1

รับชม : 10256 ครั้ง

เล่น : 3641 ครั้ง





 

“ความรักเกิดขึ้นกับใคร ที่ไหน และอายุเท่าไรก็ได้”

 

จากตัวอย่างสั้นๆ ที่ได้รับชม ทำให้เราเผลอคิดไปก่อนว่า Suk Suk ซุกที่เขา สุขที่ใจ ภาพยนตร์โรแมนติกสัญชาติฮ่องกงเรื่องนี้ อาจจะเป็นภาพยนตร์สายรางวัลที่ดูเข้าใจยากพอสมควร 

 

แต่หลังจากชมภาพยนตร์จนจบ เราพบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักและความผูกพันของสองชายชราออกมาได้อย่างเรียบง่าย อบอุ่นหัวใจ จนทำให้เราแอบยิ้มและมีความสุขร่วมไปกับตัวละครในหลายๆ ฉาก เพราะ ‘ความรัก’ เป็นเรื่องธรรมชาติของทุกคนจริงๆ

 

 

Suk Suk ซุกที่เขา สุขที่ใจ ว่าด้วยเรื่องราวของ ปาร์ค (ไท่ เป่า) คนขับรถแท็กซี่วัย 70 ปีที่ใช้ชีวิตอยู่กับ ชิง (พาทรา โอ) ภรรยาของตัวเอง ในช่วงเวลาที่ลูกทั้งสองคนต่างแต่งงานออกเรือนกันไปเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าปั้นปลายชีวิตควรจะสงบสุข ปาร์คกลับยังมีความรู้สึกที่ ‘ว่างเปล่า’ อยู่ภายในจิตใจ  

 

กระทั่งวันหนึ่ง ปาร์คได้มาพบกับ ฮอย (เบน หยวน) ชายวัย 65 ปีที่ถูกภรรยาทอดทิ้ง เขาใช้ชีวิตวัยเกษียณอยู่กับลูกชายและครอบครัวที่ไม่ลงรอยกันเท่าไรนัก ทั้งคู่ได้แบ่งปันเรื่องราวให้แก่กัน จนเริ่มก่อตัวเป็นความรักที่ต้องปิดบังจากครอบครัว รวมถึงการเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากสังคม

 

 

ประเด็นแรกที่เรารู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษ คือการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านบรรยากาศของฮ่องกงที่เป็นฉากหลังของเรื่องออกมาได้อย่างงดงาม รวมถึงการจัดคอมโพสิชัน (การจัดองค์ประกอบภาพ) ที่แฝงนัยบางอย่างเอาไว้ให้ผู้ชมได้ตีความอยู่ตลอดทั้งเรื่อง 

 

รวมถึงการจัดแสงไฟแบบ Low Key (การจัดแสงของภาพให้มีสัดส่วนที่มืดมากกว่าส่วนที่สว่าง) ในฉากโรแมนติกก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างนุ่มนวล ไม่หวือหวา ซึ่งช่วยเสริมมนต์เสน่ห์ให้สองนักแสดงอย่าง ไท่ เป่า และ เบน หยวน โดดเด่นมากยิ่งขึ้น

 

อีกหนึ่งความดีงามของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือสองนักแสดงนำอย่าง ไท่ เป่า ที่คว้ารางวัลในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเวที Hong Kong Film Awards และ เบน หยวน ที่ถ่ายทอดทุกห้วงอารมณ์ความรู้สึกของสองชายชราออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าเป็นการแสดงที่น้อยแต่มากไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ที่ถ่ายทอดออกมาผ่านสีหน้าเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้เรารู้สึกได้อย่างชัดเจน

 

รวมถึงอีกหนึ่งนักแสดงที่เราอยากพูดถึงเป็นพิเศษคือ พาทรา โอ นักแสดงผู้รับบทเป็น ชิง ที่ได้รับรางวัลในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากเวที Hong Kong Film Awards เช่นกัน แม้ว่าตลอดทั้งเรื่องเธอจะไม่ได้ออกมามีบทบาทมากเท่ากับสองตัวละครหลัก แต่ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอัดแน่นที่ก่อตัวขึ้นมาโดยที่แทบไม่ต้องพูดอะไรออกมาเลยสักคำ

 

นอกจากการถ่ายทอดเรื่องราวความรักของชายชราสองคนที่แบ่งบันเรื่องราวชีวิตและเติมเต็มสิ่งที่ขาดไปให้แก่กันนั้น อีกหนึ่งประเด็นที่นำเสนอได้อย่างน่าประทับใจคือการตามหา ‘ความสุข’ ในบั้นปลายชีวิต ที่ค่อยๆ เปิดเผยให้เห็นอย่างช้าๆ แต่มีความหมายตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมง

 

โดยเฉพาะการยอมรับเรื่อง ‘ความหลากหลายทางเพศ’ ที่แม้ว่าในทุกวันนี้ผู้คนจะเริ่มมองเห็นความสำคัญ และมีการรณรงค์เรื่องความเท่าเทียมกันมากขึ้นแล้ว แต่สำหรับเหล่าผู้สูงอายุที่ต้องปกปิดเพศสภาพของตัวเองจากครอบครัว ยังคงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้นไปอีกที่จะเปิดเผยตัวตนของตัวเอง 

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็กำลังทำหน้าที่เป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียง ที่อยากให้ทุกคนได้ตระหนักถึงประเด็นที่เกิดขึ้น เพราะมันคงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย หากพวกเขาเหล่านั้นสามารถใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเป็นในบั้นปลายชีวิตไปพร้อมๆ กับครอบครัวได้อย่างเต็มที่และมีความสุข 

 

เพื่อยืนยันอีกครั้งถึงประโยคในตอนต้นที่ว่า “ความรักเกิดขึ้นกับใคร ที่ไหน และอายุเท่าไรก็ได้” นั้นสวยงามและควรเกิดขึ้นได้จริงๆ