ดูหนัง The Lost Bladesman 2011 สามก๊ก เทพเจ้ากวนอู เต็มเรื่อง

The Lost Bladesman 2011 สามก๊ก เทพเจ้ากวนอู

หลังจากที่เข้าโรงไปร่วมอาทิตย์กว่าๆ กับหนังกวนอู ที่ในไทยเอาชื่อของ สามก๊ก มาขายอย่าง The Lost Bladesman เรื่องนี้นั้น ผมก็เพิ่งจะมีโอกาสได้ดูกับหนังจีนแนวประวัติสามก๊ก เรื่องนี้ ซึ่งก่อนดูก็ไม่ได้าดหวังอะไรมากจากบทวิจารณ์ต่างๆของคนดู ซึ่งโดยรวมนั้นหนังเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรไปอ่านเลยครับThe Lost Bladesman หรือในชื่อไทยว่า สามก๊ก ตอน เทพเจ้ากวนอู จะเล่าเรื่องราวย้อนกลับไปในสมัยของ สามก๊ก ที่เราๆนั้นรู้จักกันดีจนต้องไม่ต้องมาเล่าเรื่องให้ยืดยาว ซึ่งหนังก็บอกถึงในช่วงตอนที่หลังจากเกิดสงครามต่างๆ ทำให้ เล่าปี่ และ กองทัพ ต่างกระจัดกระจายไปหลายๆแหล่ง ก็เหลืองเพียงแต่ กวนอู นักรบผู้เด็ดเดี่ยว ที่ได้รับเชิญจาก โจโฉ ให้ไปอยู่กับก๊กของโจโฉ โดยที่เขานั้นก็ดูแล กวนอู อย่างดีเหมือนเป็นพี่เป็นน้อง แต่แล้วเมื่อกระทั่งวันดีคืนดีนั้น กวนอู กลับอยากจะรักษาคำสาบานต่างๆที่ให้ไว้ต่อ เล่าปี่ จึงเริ่มออกตามหาเล่าปี่ แต่ว่า โจโฉ เนี่ยสิที่ไม่ยอมให้เขาไปไหน สงครามจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

The Lost Bladesman กำกับการแสดงโดย อลัน มัก หลังจากที่เคยไปเอาดิบเอาดีกับหนังไตรภาค ตำรวจจับผู้ร้าย จนชื่อของเขาดังกระหึ่มไปแล้วกับหนังชุด Infernal Affairs แต่ยังไงซะคราวนี้เขาก็ยังควงนักเขียนคู่ใจอย่าง Felix Chong มาร่วมกำกับด้วยเช่นกัน โดยการเลือกเอา วรรณคดี อย่าง สามก๊ก จับมาทำเป็นหนังก็นับว่าไม่ใช่เรื่องที่่ง่ายเอาซะเลยที่ต้อง ย่อ ประวัติต่างๆ หนังจึงเลือกทำออกมาเป็นตอนๆ โดยตอนที่ว่าก็เป็นตอน ตะลุย 5 ด่าน สังหาร 6 ขุนพล ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในตอนที่น่าจดจำที่สุดในวรรณคดีนี้ก็ว่าได้ (เพราะส่วนตัวผมเคยดูหนังชุดของ สามก๊ก ที่มี 16 แผ่นจบ ซึ่งทำออกมาดูดีเลยทีเดียวหละครับ) ซึ่งคนที่มารับบทเป็น กวนอู ในเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกซะจาก ดาราแอ็คชั่น ที่กำลังงานชุกมืออย่าง Donnie Yen ซึ่งอย่างแรกเลยนั้น

ถ้าเอาพูดถึงด้านฉากแอ็คชั่น โดยส่วนตัว ลีลา ต่างๆของ Donnie Yen ยังถือว่ายังคงท่าฉากต่อสู้อันสวยงดงามอยู่เหมือนเดิม ละม้ายคล้ายเหมือนฉาก 10 นาทีแรกในเรื่อง หน้ากาก Chen Zhen + ฉากแอ็คชั่นต่างๆที่ผู้กำกับถ่ายทอดมานั้น ยังถือว่าทำออกมาได้เอาแนว ดูเอามันส์ ออกมาได้ดูดีทีเดียว ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ถึงพริกถึงขิง + ฉากสงครามของเหล่า สามก๊ก ทั้งหลายจะยังดูออกมาไม่ยิ่งใหญ่เหมือนเวอร์ชั่นของ จอห์น วู มากนักก็ตาม และนอกจากนั้น สำหรับชุดเครื่องแต่งกาย เสื้อเกราะ ต่างๆของหนัง ยังถือว่าทำออกมาดูดี + แหวกแนวด้านเครื่องแต่งกายของหลายๆตัวละครไปพอสมควร โดยเฉพาะด้านเนื้อเรื่องที่..

ไม่รู้ว่าจะเป็น ดาบ 2 คม ของตัวหนังรึปล่าว ซึ่งถ้ามองในแง่ดีนั้น การที่หนังปรับเปลี่ยนบทของ วรรณคดี สามก๊ก ไปมากพอสมควร โดยเฉพาะด้านที่หนังดันไปปรับบทของตัวละครตัวร้ายของ วรรณคดี เรื่องนี้อย่าง โจโฉ ให้กลายเป็นคนมีเมตตา + มีความใจดีต่อ กวนอู ทั้งที่จริงแล้วนั้น ออกจะใจร้าย + เจ้าเล่ห์ตลอดเวลา แถมในตอนจบของหนังนั้น หนังยังโชว์ความโอบอ้อมอารี ของโจโฉ อย่างเต็มที่อีกตั้งหาก ซึ่งถ้ามองในแง่ดีนั้น ถือว่าเข้าใจปรับลุคของ โจโฉ ไปในทางที่เข้าท่าเช่นกัน ทำให้กลายเป็นคนร้านที่ดูน่าสงสาร ละม้ายคล้ายกับพวก Se7en แต่ถ้ามองในมุมกลับกันอย่างในด้านของข้อเสีย ก็คงเป็นสิ่งไม่ดีแน่ๆ สำหรับ แฟนพันธุ์แท้ ของเหล่า สามก๊ก ที่หนังเล่นดันไปปรับเปลี่ยนบุคคลิกต่างๆของตัวละครซะใหม่หมดจด จนไม่มีความน่าเกรงขามอยู่

เลยสักนิด แต่ยังไงซะก็ตามนั้น สิ่งสุดท้ายที่รู้สึกจะเกินหน้าเกินตาคงหนีไม่พ้นการแสดงของ เจียงเหวิน ผู้ที่รับบทเป็น โจโฉ ที่ถือว่าฝีมือของเขานั้นพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆเลยจริงๆ หลังจากการแสดงใน Let The Bullet Fly นั้นถือว่าสุดยอดแล้วนั้น เรื่องนี้ยังถือว่าเกินหน้าเกินตาเพื่อนๆจนเอาใจไปเต็มๆเลยละครับ ซึ่งโดยรวมสรุปแล้วนั้น The Lost Bladesman ถือว่าเป็นหนังแอ็คชั่นจีนที่ดูฉากแอ็คชั่นต่างๆเอาเพลินๆ อย่างได้ไปแคร์เนื้อเรื่องที่ปรับเปลี่ยนมากมาย และอย่าได้เอาหนังเรื่องนี้ไปเทียบกับ Red Cliff ที่ดูยิ่งใหญ่กว่า หรือแม้แต่กระทั่ง Ip Man ที่ดูมันส์กว่าเลยเชียวละครับ เพราะมิฉะนั้นอาจจะดูไม่สนุกเลยก็ว่าได้

สรุป The Lost Bladesman ถือว่าเป็นหนังแอ็คชั่นจากจีนอีกเรื่องที่ยังคงถูกใจคนไทยไม่ใช่น้อย เนื่องจากฉากแอ็คชั่น ลีลาเด็ดๆอะไรหลายๆอย่าง ที่ทำออกมาได้ดูดีตามสไตล์ประเทศจีนเขาหละ เพียงแต่อย่าไปจับผิดอะไรจากเนื้อเรื่องมากมายนักเลย ที่เขาไปปรับเปลี่ยนใหม่ซะจนไม่ถูกใจแฟนๆนะ