หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังชีวประวัติ , หนังโรแมนติก
เรื่องย่อ : A Hidden Life ชีวิตที่ซ่อนเร้น (2019) [ พากย์ไทย บรรยายไทย ]
ชื่อภาพยนตร์ : A Hidden Life ชีวิตที่ซ่อนเร้น
แนว/ประเภท : Drama, Biography, Romance
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Terrence Malick
บทภาพยนตร์ : Terrence Malick
นักแสดง : August Diehl, Valerie Pachner, Maria Simon
วันที่ออกฉาย : 18 June 2020
เรื่องย่อ : สร้างจากเหตุการณ์จริงของบุรุษผู้ถูกลืม ฟรันซ์ เจเกอร์สแตตเทอร์ (ออกัสต์ ดีห์ล) ชาวไร่สัญชาติออสเตรียผู้ไม่ยอมก้มหัวให้นาซี ถูกเรียกตัวไปเกณฑ์ทหารเพื่อร่วมรบสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้กับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ด้วยความยึดมั่นยิ่งชีพในอุดมการณ์พิทักษ์สันติ เขาจึงลุกขึ้นต่อต้านหัวชนฝาจนถูกคุมขังและถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านของเขาต่างหันหลังให้ แต่กำลังใจเดียวที่เขามีคือ ฟรานซิสกา เจเกอร์สแตตเทอร์ (วาเลอรี แพชเนอร์) ภรรยาของและลูกสาวทั้งสาม พวกเธอคอยอยู่เคียงข้างและเชื่อมั่นในตัวเขาจวบจนวาระสุดท้าย
IMDB : tt5827916
คะแนน : 7.4
รับชม : 3657 ครั้ง
เล่น : 654 ครั้ง
เรื่องราวเกี่ยวกับบทบาทของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และพรรคนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังสามารถนำมาบอกเล่าถ่ายทอดเป็นหนังได้อย่างไม่รู้จบสิ้น เช่นผู้กำกับหนังศิลปะสัญชาติอเมริกัน เทอร์เรนซ์ มาลิก ที่หันมาเล่าประวัติและเรื่องราวของ ฟรันซ์ เจเกอร์สแตทเทอร์ (Franz Jägerstätter) บุรุษชาวออสเตรียผู้ทรงอุดมการณ์พิทักษ์สันติภาพและยึดมั่นในความคิดเชื่อของตัวเอง โดยปฏิเสธการร่วมรบและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพรรคนาซี แม้ว่าการขัดขืนจะทำให้เขามีความผิดถึงขั้นต้องโทษประหารชีวิต ออกมาเป็นงานภาพยนตร์เรื่อง A Hidden Life ซึ่งได้รับคัดเลือกเข้าร่วมในสายประกวดหลักของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประจำปี ค.ศ. 2019
ฟรันซ์ เจเกอร์สแตทเทอร์ เป็นบุตรชายชาวนาผู้ยากจน เขาเกิดและใช้ชีวิตที่เมือง Radegund ประเทศออสเตรีย เจเกอร์สแตทเทอร์สูญเสียบิดาจากการร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้เขาต่อต้านสงครามและการใช้ความรุนแรง ภายหลังเขาแต่งงานและอยู่กินกับ ฟรันซิสกา ชวานิงเกอร์ มีลูกสาวด้วยกัน 3 คน ใช้ชีวิตเป็นชาวนาชาวทุ่งอย่างสงบท่ามกลางธรรมชาติ จนกระทั่งพรรคนาซีเยอรมันนำโดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เรืองอำนาจ และบุกออสเตรียเพื่อรวบรวมกองกำลังในการรบ เจเกอร์สแตทเทอร์แสดงท่าทีต่อต้านอย่างเปิดเผย ทำให้เขาต้องข้อหาขบถและต้องรับโทษประหารชีวิตในที่สุด
วีรกรรมความหาญกล้าและความหนักแน่นยึดมั่นในอุดมการณ์ของ ฟรันซ์ เจเกอร์สแตทเทอร์ ถูกหลงลืมนานนับสิบปี กว่าที่นักประวัติศาสตร์จะพบและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาจนได้รับการยกย่องสรรเสริญ ถึงอย่างนั้นชื่อของเจเกอร์สแตทเทอร์ก็ไม่ถึงกับเป็นที่รู้จักในระดับแพร่หลาย เมื่อ เทอร์เรนซ์ มาลิก ผู้กำกับภาพยนตร์มือดีทราบเรื่องราวของเจเกอร์สแตทเทอร์เข้า จึงหยิบมาเล่าในผลงานหนังเรื่อง A Hidden Life ซึ่งสามารถคว้ารางวัล Ecumenical Jury Prize จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์มาได้ สำหรับหนังที่สร้างสรรค์และจรรโลงใจให้คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์มากที่สุดในสายประกวดหลัก
มาลิก เป็นผู้กำกับที่ขึ้นชื่อด้านการทำหนังที่สร้างบรรยากาศด้วยงานภาพที่งดงามแปลกตา เขานิยมการเคลื่อนกล้องในระดับสายตาสุนัข มองเห็นตัวละครมนุษย์จากมุมต่ำและปล่อยให้กล้องเคลื่อนไหวรอบ ๆ ตัวละครอย่างเลื่อนไหลอิสระ คลอประกอบเสียงดนตรีบรรเลงชวนอิ่มเอิบใจ ให้รสชาติแปลกใหม่ในการชมภาพยนตร์อย่างมีเอกลักษณ์
การถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของ ฟรันซ์ เจเกอร์สแตทเทอร์ ใน A Hidden Life นี้ มาลิกก็ยังใช้ลีลาแบบอิมเพรสชันนิสต์ตามที่เขาถนัด โดยเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงสิ่งที่ตัวละครเอก ฟรันซ์ เจเกอร์สแตทเทอร์ พบเห็นและรู้สึก ประกอบเสียงเล่าบรรยายทั้งความในใจและการอ่านจดหมายที่เขาเขียนถึงภรรยา เพื่อสะท้อนอุดมการณ์ภายในของวีรบุรุษที่โลกลืมคนนี้เป็นเป้าหมายใหญ่ ทำให้ผู้ชมเห็นว่าบางครั้งการพิทักษ์รักษาศักดิ์ศรีแห่งอุดมการณ์ที่ไม่อาจหลู่หยามกันได้ ก็อาจทำให้การมีชีวิตมีลมหายใจต่อไปอาจกลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปเลย
ช่วงแรกของหนังก่อนที่กองกำลังนาซีจะรุกราน เราจึงได้เห็นภาพของเจเกอร์สแตทเทอร์ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกับภรรยาและลูก ๆ อย่างงานสุขนิยม ผืนนาที่ทำกินซึ่งรอการแผ้วถางหว่านปลูก ทัศนียภาพที่ไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนก็เจอแต่ขุนเขาเขียวสล้างวางตัวตระหง่านทะลุเมฆหมอกและไอเย็น เห็นถึงความหมดจดงดงามของธรรมชาติที่โอบล้อมราวกับเป็นแดนสวรรค์ ทำให้ชาวบ้านฐานะธรรมดา ๆ สามารถเป็นราชาแห่งความสุขสำราญได้โดยไม่จำเป็นต้องง้อทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งหนังก็นำเสนอช่วงแรกนี้อย่างโรแมนติกอ่อนหวานในระดับงดงามหยดย้อย ไม่ปล่อยให้ความหม่นมืดอืมครึมใด ๆ มาทำลายบรรยากาศแห่งแดนสุขาวดีในช่วงนี้เลย
จนกระทั่ง ฟรันซ์ เจเกอร์สแตทเทอร์ ถูกเกณฑ์ไปร่วมฝึกทหาร เขาจึงต้องเดินทางไปพร้อมเพื่อนผู้ชายตามหน้าที่ และในช่วงที่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ทางการเมืองใด ๆ ว่าเขากำลังทำงาน ‘รับใช้’ ผู้ใด เขาก็ยังสามารถสนุกกับเพื่อนทหารร่วมกรมกองได้ตามประสาคนมองโลกในแง่ดี ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องปฏิญาณตัวมอบความจงรักภักดีต่อพรรคนาซีและอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เจเกอร์สแตทเทอร์กลับยืนกรานที่จะโต้แย้งและไม่เห็นด้วยกับการก่อสงครามอันไม่เป็นธรรม ในขณะที่อีกหลายคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันกับเขากลับยอมตามน้ำ แม้กระทั่งคริสตจักรที่เขาเคารพนับถือ
เจเกอร์สแตทเทอร์กลายเป็นคนเดียวที่กล้าหาญจะขัดขืนและหยัดยืนในอุดมการณ์ ส่งผลให้เขาถูกคุมขังและได้รับคำสั่งจากศาลทหารให้ได้รับโทษประหารชีวิตในที่สุด
หลังจากข่าวเจเกอร์สแตทเทอร์ถูกจับกุมแพร่หลายออกไป ภรรยาของเขาก็ถูกเพื่อนบ้านตั้งแง่รังเกียจ เพราะการที่สามีของเธอแข็งข้ออาจทำให้พวกเขาเดือดร้อนไปด้วย ชีวิตอันผาสุกของครอบครัวเจเกอร์สแตทเทอร์จึงต้องพังครืนลงในชั่วพริบตา ทั้งหมดเนื่องจากเจเกอร์สแตทเทอร์ยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียวว่าเขาให้การสนับสนุนอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ไม่ได้เลยจริง ๆ
ช่วงวาระสุดท้ายในชีวิตของ ฟรันซ์ เจเกอร์สแตทเทอร์ หลังต้องโทษประหารชีวิต เขาได้รับคำแนะนำจากผู้หวังดีให้ยอมรับผิด และแสดงออกถึงการสนับสนุนนาซีและอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ แม้เพียงวาจาก็ยังดีเพื่อรักษาชีวิตไว้ เพราะอีกไม่นานสงครามก็น่าจะยุติลงแล้ว เขาไม่ควรจะดื้อรั้นจนทำให้กลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเช่นนี้ แต่ ฟรันซ์ เจเกอร์สแตทเทอร์ กลับไม่มีท่าทีที่จะยอมค้อมหัวแม้แต่เพียงเสี้ยวองศาให้กับคนที่เขาไม่ศรัทธา
บุคคลเดียวที่เจเกอร์สแตทเทอร์จะต้องอธิบายความให้เข้าถึงหัวอกของเขาได้นั่นคือภรรยา ซึ่งเขาก็มีวิธีการสื่อสารความนัยอันนี้ได้อย่างน่าทึ่งและมีพลัง
นักแสดงชาวเยอรมันและออสเตรีย ออกัสต์ ดีห์ล และ วาเลอรี แพชเนอร์ รับบทเป็นคู่สามีภรรยา ฟรันซ์ เจเกอร์สแตทเทอร์ และ ฟรันซิสกา ชวานิงเกอร์ ได้อย่างน่าเชื่อและเป็นธรรมชาติ มีมิติของความเป็นสามัญชนคนธรรมดา แม้ว่าหัวใจของพวกเขาจะหาญกล้าเพียงใด น่าเสียดายที่ผู้กำกับอย่างมาลิกเลือกให้พวกเขาพูดภาษาอังกฤษ แทนที่จะใช้ภาษาเยอรมันตามที่ตัวละครสนทนากันจริง ๆ ทั้งที่พวกเขาสามารถพูดภาษาเยอรมันกันได้ หนังจึงยังมีกลิ่นอายความเป็นอเมริกันแบบมาลิกอยู่ นัยว่าผู้กำกับไม่ต้องการให้คำบรรยายใต้ภาพไปเกะกะรบกวนเฟรมภาพที่เขาออกแบบมาอย่างดี ต่อให้หนังจะดูมีความเป็นยุโรปน้อยลงก็ตาม
อย่างไรก็ดี A Hidden Life ก็ยังถือว่าประสบความสำเร็จในการทำให้เรื่องราวของ ฟรันซ์ เจเกอร์สแตทเทอร์ เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคสมัยที่เราสามารถตั้งคำถามได้ว่า ‘อุดมการณ์’ ยังสำคัญหรือยังจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตอยู่เพียงไหน