หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังอาชญากรรม , หนังวิทยาศาสตร์ Sci-fi , หนัง Netflix
เรื่องย่อ : Project Power โปรเจคท์ พาวเวอร์ พลังลับพลังฮีโร่ (2020) พากย์ไทย บรรยายไทย
ชื่อภาพยนตร์ : Project Power โปรเจคท์ พาวเวอร์ พลังลับพลังฮีโร่
แนว/ประเภท : Sci-Fi, Action, Crime
ผู้กำกับภาพยนตร์ :Henry Joost, Ariel Schulman
บทภาพยนตร์ : Mattson Tomlin
นักแสดง : Jamie Foxx, Joseph Gordon-Levitt, Dominique Fishback
วันที่ออกฉาย : 14 August 2020
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นที่ เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยส์เซียน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เมืองที่ไม่มีวันหลับใหล เมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในยุคสมัยใหม่มากมาย แต่ ณ เวลานี้ มีกลุ่มคนบางกลุ่มได้ออกตระเวนขายยาลึกลับตัวใหม่ ที่สามารถปลดล็อกพลังความสามารถอันสุดยอดที่มีอยู่ในตัวของแต่ละคนออกมา เช่น ล่องหนหายตัวได้, หนังเหนียวยิงแทงไม่เข้า, เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเหนือมนุษย์ ฯลฯ โดยพลังความสามารถเหล่านี้แต่ละคนจะได้รับแตกต่างกันไป ที่สำคัญมันมีเวลาแค่ 5 นาที แต่มีปัญหาอยู่อย่างเดียวคือไม่มีทางรู้เลยว่าพลังนั้นคืออะไรจนกว่าจะกินยานั้นเข้าไป บางคนกินเข้าไปเม็ดเดียวก็ตายได้ ยาตัวนี้แพร่กระจายไปทั่ว เป็นเหตุให้อัตราการก่ออาชญากรรมภายในเมืองพุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และนี่เองทำให้ทั้ง 3 คน ซึ่งประกอบไปด้วย นายตำรวจของเมือง (รับบทโดย โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์), อดีตทหารที่เก็บซ่อนความแค้นที่รุนแรงไว้ในใจ (เจมี่ ฟ็อกซ์) และดีลเลอร์ค้ายาสาววัยรุ่น (โดมินิก ฟิชแบ็ค) ต้องร่วมมือกันเพื่อสืบหาต้นตอทั้งหมดนี้ให้เจอ และเมื่อทั้งสามทำการสืบไปเรื่อย ๆ ก็พบว่า การแพร่กระจายของยาในหมู่อาชญากรนั้น เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการทดลองใช้ยากับมนุษย์ เพื่อพัฒนาให้ Project Power สมบูรณ์ ในขณะเดียวกันนั้น อดีตทหาร (เจมี่ ฟ็อกซ์) กลับมีบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ คือ ลูกสาวของเขาเองเป็นคนคิดสูตรยาซูเปอร์พาวเวอร์นี้ขึ้นมา และถูกพวกคนร้ายจับตัวไป ทำให้เขาจำเป็นต้องตามล่าต้นตอทั้งหมดนี้ให้เจอ และยอมเสี่ยงกินยานั้นเพื่อตามหากลุ่มวายร้ายที่ผลิตยานี้ขึ้นมาให้ได้
IMDB : tt7550000
คะแนน : 6
รับชม : 14670 ครั้ง
เล่น : 6102 ครั้ง
Project Power พลังลับฮีโร่ Netflix รีวิว ตัวหนังเป็นการผสมผสานระหว่างหนังแอ็กชั่นแนวตำรวจตามล่ายาเสพติด กับเรื่องแนวพลังพิเศษ ซุปเปอร์ฮีโร่ ที่นำเสนอในแบบ “กึ่งสมจริง” ได้อย่างน่าสนใจและถือว่าลงตัวไม่น้อย จัดว่าเป็นมิติใหม่ของหนังแนวพลังพิเศษและซุปเปอร์ฮีโร่อีกรูปแบบเลยก็ว่าได้
ด้านตัวหนังได้นักแสดงนำฝีมือดีระดับแม่เหล็กพอสมควรสองคนมาร่วม คือ เจมี่ ฟ็อกซ์ และ โจเซฟ กอร์ดอน เลวิทท์ มานำแสดงเป็นตัวเอกคู่ในเรื่องนี้
ส่วนงานกำกับโดย เฮนรี่ จูส และ แอเรียล ชูลมันน์ ที่เคยร่วมกันสร้าง Paranormal Activity ภาค 3-4 และ Catfish เขียนบทโดย แม็ทสัน ทอมลิน ซึ่งกำลังจะมีผลงานเขียนบทสำคัญอย่าง The Batman (2021)
อาร์ท (แสดงโดย เจมี่ ฟ็อกซ์) อดีตผู้พันในกองทัพสหรัฐ ที่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแหล่งค้าปล่อยยา ซุปเปอร์พาวเวอร์ แต่ที่จริงแล้วลูกสาวของเขาคือ เทรซีย์ ซึ่งเป็นคนที่มีพลังพิเศษได้ถูกจับตัวไปเพื่อเอาเลือดของเธอมาใช้ในการทดลองในการผลิตยาที่ใช้ในการปลุกพลังพิเศษ เขาจึงต้องบุกตะลุยไปทั่วเพื่อตามหาว่าใครเป็นต้นตอในการผลิตยา เพื่อเป้าหมายที่จะพาตัวลูกสาวกลับคืนมาให้ได้
แฟรงค์ (แสดงโดย โจเซฟ กอร์ดอน เลวิทท์) นายตำรวจนอกเครื่องแบบของนิวออร์ลีน เขามีความมุ่งมั่นที่จะจับผู้ร้ายที่เสพยาพาวเวอร์ และใช้แอบใช้ยานั้นเป็นบางครั้งด้วยเพื่อจับผู้ร้าย พลังของเขาคือร่างหนังเหนียวที่กระสุนยิงไม่เข้า แฟรงค์ยังติดต่อและขอซื้อยาจากโรบินเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ด้วย
โรบิน (แสดงโดย โดมินิก ฟิชแบ็ก) สาวน้อยผิวสีฐานะยากจน ที่มีความฝันจะเป็นนักร้องแร็ปเปอร์ เนื่องจากต้องการหาเงินมากๆเพื่อรักษาแม่ที่ป่วยเป็นเบาหวาน เธอจึงรับยาพาวเวอร์มาขายตามท้องถนน แต่อีกด้านเธอยังร่วมมือกับแฟร้งค์ในการขายยาให้เขาไปใช้ แล้วต่อมาเธอยังร่วมมือกับอาร์ทเพื่อช่วยเขาตามหาลูกสาวด้วย
ก่อนอื่นต้องชมว่า “ตัวหนังมีไอเดียที่ดี” โดยตัวเรื่องเป็นการผสมผสานระหว่างหนังแนวแฟนตาซีพลังพิเศษแบบซุปเปอร์ฮีโร่ ให้เข้ากับโทนหนังสไตล์ตำรวจจับพ่อค้ายาในแบบสมจริงและดูน่าเชื่อถือเอามากๆ ตัวหนังยังสะท้อนภาพของสังคมด้านมืดในนิวออร์ลีน ชุมชนคนดำ ที่ทำได้ดี รวมถึงจิกกัดสังคมปัจจุบันได้ด้วย
ตัวหนังดำเนินเรื่องในแบบ “ตามสูตรสำเร็จ” ของหนังแอ็กชั่นทั่วไป โดยเอาองค์ประกอบของหนังแนวคู่หูต่างขั้ว ต่างสีผิว กับหนังแนว ซามูไรพ่อลูกอ่อน เข้ามาใช้ แม้การเดินเรื่องจะเดาทางได้ง่ายมาก แต่จังหวะของหนังแทบไม่มีช่วงน่าเบื่อเท่าไรนัก
ตัวละครในเรื่องเองก็ชวนให้เอาใจช่วย น่าติดตามดูพัฒนาการ โดยเฉพาะการใส่ตัวละครสาววัยรุ่นผิวสีอย่าง โรบิน ที่นำแสดงโดย โดมินิก ฟิชแบ็ก นักแสดงหน้าใหม่ที่มีผลงานมาก่อนหน้านี้บ้าง ก็ถือว่าแสดงได้ดี แม้จะไม่ใช่คนผิวสีที่สวยน่ารักอะไรก็ตาม แต่เหมือนเป็นความจงใจของทีมสร้างหนังเองที่ “ไม่ต้องการนางเอกสาวสวย” ตามขนบหนังแอ็กชั่นทั่วไป แต่เป็นวัยรุ่นที่เราสามารถพบเห็นได้ในชิตประจำวัน ซึ่งก็เข้าทางแนวเรื่องแบบ Self Insert ที่ให้คนดูวัยรุ่นสามารถแทนตัวเองเข้าไปในตัวละครได้ เรียกว่าเป็นการใส่ประเด็นเรื่อง Coming of Age ในหนังแอ็กชั่นสไตล์ผู้ใหญ่ได้ไม่เลว
ด้านฉากแอ็กชั่น หากใครคาดหวังว่าจะได้ดูหนังแนวตัวละครใช้พลังพิเศษตีกันแบบอลังการ ขอบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แนวนั้น ฉากแอ็กชั่นเป็นแนวยิงกันทั่วไป แค่มีการประยุกต์การใช้พลังพิเศษเข้ามาบ้าง แต่ก็ไม่ได้อลังการอะไรนัก จะมีก็แค่ฉากตอนท้ายเรื่องฉากเดียวที่โชว์พลังพิเศษในเรื่องว่าถ้าใช้แบบจัดเต็ม มันจะรุนแรงขนาดไหน
ส่วนเรื่องของยาที่เป็นแหล่งพลังพิเศษ ตัวเรื่องนำเสนอว่า ยาพาวเวอร์ที่คนเสพเข้าไป จะได้รับพลังพิเศษที่พัฒนามาจากสัตว์ก็จริง แต่ก็มีข้อเสียรุนแรงที่สุดคือ คนใช้ยาไม่มีทางรู้เลยว่า จะได้พลังพิเศษแบบไหนมาใช้ แถมเวลาในการใช้ก็มีระยะเวลาจำกัด นอกจากนี้ข้อเสียร้ายแรงที่สุดคือ ยาอาจจะส่งผลกระทบทำให้คนใช้ร่างระเบิดตายไปเลยก็มี
นอกจากนี้ในแง่พลังพิเศษ ยังมีการล้อเลียนเรื่องพลังที่ได้มาจากสัตว์ให้เป็นความรู้ที่น่าสนใจ บางพลังไม่มาจากสัตว์ที่ไม่น่าเชื่อด้วยซ้ำ ตรงนี้สามารถต่อยอดได้อีกเยอะถ้ามีการทำภาคต่อในอนาคต
ตัวหนังยังแฝงการจงใจจิกกัดและเสียดสีสังคม ทั้งผ่านทางเพลงแร็พที่สอดแทรกมาในเรื่อง ตรงนี้ก็เหมือนเอาใจและเรียกฐานคนดูผิวสีไปในตัว เพียงแต่ประเด็นนี้ก็ไม่ได้มีการแตะลงไปลึกซึ้งเท่าไหร่นัก
ข้อด้อยของหนังก็มีอยู่เช่น การกำกับภาพในฉากแอ็กชั่นบางตอน ดูเหมือนพยายามทดลองอะไรใหม่ๆบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดูว้าวมากมายนัก และเอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้มีฉากแอ็กชั่นที่น่าจดจำอะไรนัก ทั้งๆที่เป็นหนังเน้นแอ็กชั่น รวมถึงฉากต่างๆในเรื่องที่ไม่ได้ชวนให้ลุ้นอะไรเท่าไหร่นัก
ส่วนตัวหนังจะได้มีภาคต่อไหมนั้น ที่จริงแล้วหนังสามารถขยายสเกลเรื่องไปได้อีกเยอะมากโดยที่ไม่ต้องใช้ตัวละครชุดเดิมเลยก็ยังได้ เพราะเนื้อเรื่องของตัวละครในหนังมันเคลียร์ไปแทบหมดแล้ว
สรุปภาพรวม เป็นหนังแอ็กชั่นเรื่องใหม่ของ Netflix ที่ใช้ดารานักแสดงที่คนคุ้นเคยมาเป็นตัวนำ แล้วก็น่าจะดึงคนดูได้ไม่น้อย อีกทั้งตัวหนังก็ดูจงใจจับคนดูผิวสีเป็นพิเศษ พล็อตเรื่องแม้จะมาแนวสูตรสำเร็จ แต่ก็ดูได้เพลินๆ เป็นการนำเสนอพลังพิเศษ + สู้กับพ่อค้ายาที่น่าสนใจดี สร้างภาคต่อได้ไม่ยาก ตัวหนังก็มีพากย์ไทยด้วย