หมวดหมู่ : หนังแอนนิเมชั่น , หนังผจญภัย , หนัง Netflix , หนังครอบครัว , หนังแอคชั่น , หนังตลก
เรื่องย่อ : Dragon Quest: Your Story ดราก้อน เควสท์: ชี้ชะตา (2019) พากย์ไทย บรรยายไทย
ชื่อภาพยนตร์ : Dragon Quest: Your Story ดราก้อน เควสท์: ชี้ชะตา
แนว/ประเภท : Adventure, Family, Animation
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Takashi Yamazaki
บทภาพยนตร์ : Yuji Horii, Michael Schneider
นักแสดง : Kasumi Arimura, Steve Blum, Shaun Conde
วันที่ออกฉาย : 2 August 2019
จากเกม RPG ชื่อดังของญี่ปุ่นมาสู่แอนิเมชันเรื่องยาว ที่เปิดตำนานผู้กล้าคนใหม่นามว่า ริวกะ ที่จะออกผจญภัยตามคำทำนายในโลกแฟนตาซีในแบบฉบับ ดรากอนเควสต์ ที่เราคุ้นเคย!!!
IMDB : tt10127562
คะแนน : 6.5
รับชม : 10750 ครั้ง
เล่น : 4849 ครั้ง
Dragon Quest Your Story (Netflix) ดรากอนเควสต์ ชี้ชะตา ดัดแปลงจากเกมให้ชวนคิดถึง เข้าใจว่านี่คือสารจากทีมสร้างถึงแฟนๆ แต่หลายอย่างโดยเฉพาะตอนจบอาจไม่ถูกใจ
Dragon Quest Your Story ที่จริงแล้วอนิเมชั่นเรื่องนี้ มีคุณภาพดี การดัดแปลงในช่วงเปิดเรื่องยอดเยี่ยมมาก แฟนเกมชอบแน่นอน ระหว่างเรื่องราวก็โอเคอยู่ แต่ตอนท้ายไปตัดบทตัวละครบางตัวออก แล้วดันไปทำหักมุมตอนสุดท้ายที่หลายคนอาจจะไม่ชอบเอาเลย ซึ่งผลก็ออกมาว่าโดนวิจารณ์ไว้เละพอสมควรครับ
สำหรับเรื่องนี้ ได้ทีมสร้างในตำนานที่ร่วมกันสร้างตัวเกมซีรีส์นี้กลับมาร่วมด้วยบางส่วน เนื้อเรื่องหลักอ้างอิงและที่ปรึกษาโดย ยูจิ โฮริอิ เพลงประกอบโดย โคอิจิ สุงิยามะ ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของเกมซีรีส์ชุดนี้
ส่วนด้านงานกำกับและงานสร้าง ได้ทีมสร้างบางคนที่เคยทำผลงานชั้นเยี่ยมอย่าง Stand by Me Doraemon มาร่วมสร้างผลงานเรื่องนี้้ด้วย
ตรงนี้ต้องอธิบายก่อน เพื่อให้หลายคนเข้าใจว่า ทำไมการดัดแปลงจากฉบับเกมสู่หนังอนิเมชั่นของ Dragon Quest Your Story จึงโดนคาดหวังสูง แล้วพอมันออกมาผิดความคาดหวังของแฟนๆในแง่การดัดแปลงบางจุดและบทสรุป ถึงทำให้โดนวิจารณ์เละเทะที่ญี่ปุ่น
Dragon Quest เป็นเกมแนว RPG Role Playing Game ที่มีแฟนระดับเดนตายอยู่ทั้งในญี่ปุ่นและหลายประเทศทั่วโลก แม้ว่าในภาพรวมแล้วจะแฟนเกมนี้นอกญี่ปุ่นจะน้อยกว่าเกมตระกูล Final Fantasy ที่เป็นคู่แข่งกันมายาวนาน แล้วในปัจจุบันก็มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันหลังจากสองบริษัทผู้ให้กำเนิดอย่าง Enix และ Square ได้รวมกิจการกันแล้วก็ตาม
ซึ่งที่ผ่านมา Dragon Quest หรือ DQ หรือที่แฟนญี่ปุ่นเรียกกันว่า ดราเก้ จะเป็นที่ตอบรับและได้รับความนิยมในประเทศสูงกว่า FF ในระดับหนึ่ง ยิ่งบางภาค มียอดขายสูงเป็นระดับประวัติการณ์ ทั้งที่ในด้านของ CG กราฟฟิก และตัวเกม DQ ยังคงเลือกทำเกมแนวอนุรักษ์นิยม จะกี่ภาคก็เซตติ้งโลกในเกมเป็นแนวยุคกลางมาตลอด ไม่มีเปลี่ยน ระบบเกมก็เป็นแบบเดิมๆ หน้าจอเมนูเรียบง่ายแบบเดิมๆ ตั้งแต่ภาค 1-7 ดั้งเดิมเป็นแค่จอวินโดว์และตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่นที่ใช้อธิบายเรื่องราวหรือไอเท็มต่างๆ ไม่มีแม้กระทั่งภาพประกอบไอเท็ม ดาบ ชุดเกราะ ใดๆทั้งนั้น ตัวเกมกว่าจะยอมมาทำภาพไอคอนและปรับเปลี่ยนหน้าจอเมนูให้เป็นแบบโมเดิร์น ก็ตอนที่มาทำภาค 8 ซึ่งเริมทำออกมาเพื่อโกอินเตอร์ ในขณะที่ FF บุกไปตลาดโลกมานานกว่า แต่ฝั่ง DQ เพิ่งจะเริ่มทำจริงๆ จังๆ เมื่อราวสิบปีนี้เอง ซึ่งช้ากว่ามาก
แต่นั่นก็แปลว่า การดัดแปลง DQ เป็นฉบับอนิเมชั่นแบบ 3D แถมทาง Netflix ยังไปซื้อเพื่อมาฉายทางสตรีมมิ่งของตนเองอีก นี่ย่อมเป็นสิ่งที่แฟนทั่วโลกจับตามอง เพราะนี่จะเป็นการนำเสนอเรื่องราวของ DQ ให้มีความ MASS ในระดับโลกมากขึ้นไปด้วย
ส่วนเนื้อเรื่องของภาคที่ถูกเลือกมาดัดแปลงอนิเมชั่นนี้ก็คือ ภาค Dragon Quest V : Hand of The Heavenly Bride หรือ ดรากอนเควสต์ ภาค 5 เจ้าสาวแห่งสรวงสวรรค์
หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วทำไมต้องเป็นภาคนี้ด้วย เพราะนี่คือภาคที่มีเนื้อหายอดเยี่ยม ตราตรึง ลึกซึ้ง มีตัวละครที่แฟนๆชื่นชอบและยังเป็นที่ประทับใจสำหรับแฟน DQ มากที่สุด จนถึงทุกวันนี้ แล้วในหลายสำนักเองก็จัดให้เกมภาคนี้มีเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมติดอันดับต้นๆ แม้ว่าตัวเกมที่ทำลงเครื่อง SFC ในสมัยก่อน จะยังมีกราฟฟิกที่ดูธรรมดามากหากเทียบกับในสมัยนี้ก็ตาม แต่ก็มีการรีเมคเกมฉบับนี้ลงในเครื่อง DS และสามารถโหลดมาเล่นบน iOS ได้แล้วด้วย (ผู้เขียนก็เล่นจบไปหลายรอบ)
สำหรับหนึ่งในเรื่องที่แฟนเกมหลายคนชอบกันมากเกี่ยวกับภาคนี้ก็คือ นี่เป็นเกม DQ ภาคเดียวที่เราสามารถเลือกแต่งงานกับเจ้าสาวคนไหนก็ได้ จากตัวเลือกสองคนคือ เบียงก้า และ ฟลอร่า (ซึ่งตอนหลังในเกมฉบับรีเมคจะมีเพิ่มเดียโบล่าเข้ามาอีกคน)
ทั้งสองสาวน้อยก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกัน จนคนเล่นมักเกิดอาการรักพี่เสียดายน้องที่จะต้องแต่งคนหนึ่งแล้วทิ้งอีกคนไป แต่ก็ทำให้นี่เป็นสีสันของเกมที่มีเสน่ห์มาก และในหนังเรื่องนี้ก็เอาคำถามที่คนเล่นชอบลังเลที่สุดนี้มาใส่เสมือนจะยั่วล้อคนเล่นไปด้วยว่า เออ เล่นรอบนี้ จะเลือกใครดี
แล้วในหนังเองก็ทำซีนช่วงนี้ออกมาได้ดีเกินคาดมากครับ ฉากเลือกเจ้าสาวนี่เองที่อาจจะเป็นซีนที่ดีที่สุดในเรื่องเลยก็ได้
อีกจุดคือ นี่ยังเป็นเกมภาคที่ พระเอกไม่ใช่ผู้กล้าที่ถูกเลือก แต่กลับหักมุม กลายเป็นลูกชายพระเอกต่างหาก ทำให้ตัวเกมเป็นที่จดจำ และตัวเอกของภาคนี้ก็ได้อารมณ์ของคนที่ต้องพยายามออกเดินทางด้วยกำลังตัวเองจริง ๆ
ในภาพรวมแล้ว ในเมื่อมันเป็นภาคที่แฟนๆชอบมากขนาดนี้ เมื่อถูกนำมาดัดแปลงเป็นอนิเมชั่น แล้วพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงและตีความใหม่หลายๆอย่าง ไปจนถึงการดีไซต์ตัวละคร กับการตีความบุคลิกตัวละครสำคัญบางคนที่เปลี่ยนไปจากของเดิม ไปจนถึงขั้น “ตัดตัวละครสำคัญ” ที่มีบทบาทในตัวเกมออกไป
แล้วที่ยิ่งกว่านั้นคือ “ฉากสุดท้ายในเรื่อง” ที่มีการเฉลยเรื่องราวในอนิเมเรืองนี้แบบหักมุมชนิดยิ่งกว่า 360 องศา แม้ว่าเอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้หักมุมหนักขนาดนั้น เพราะเมื่อดูไประยะหนึ่ง หลายคนอาจจะเริ่มสงสัยและมองออก แต่มันก็ทำให้แฟนๆเกมนี้จำนวนมหาศาลที่มีความคาดหวังว่าจะได้เข้ามาดูเรื่องราวของ DQ 5 ในรูปแบบอนิเมชั่น ต้องผิดหวังไปตามๆกัน จนนำไปสู่การวิจารณ์ชนิดสับแหลกในญี่ปุ่นมาแล้ว
ตรงนี้เองที่ทำให้น่าเสียดายว่า ด้วยความที่ตัวเรื่องทำลายความคาดหวังของแฟนๆ แต่อันที่จริงตัวอนิเมชั่นในภาพรวมแล้ว จะถือว่ามีคุณภาพที่ดีในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นงาน CG กราฟฟิก โมชั่น การเคลื่อนไหว ที่ทำออกมาได้ดี ไปจนถึงการเนรมิตฉากแอ็กชั่นจากในเกมและฉากการใช้เวทมนต์และคาถาๆต่างที่แฟนเกมคุ้นเคยให้ออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหว จะทำได้ดีพอสมควร รวมถึงเพลงประกอบ สกอร์ OST ต่างๆที่เป็นเพียงประจำของเกมซีรีส์นี้ที่ประพันธ์โดยสุดยอดวาทยากรระดับปรมาจารย์อย่าง โคอิจิ สุงิยามะ แต่ละเพลงก็เข้าในแต่ละฉากได้ถูกจังหวะ อีกทั้งในแง่ของการดัดแปลงบทและเนื้อเรื่องให้เกมให้มีความกระชับและเล่าเรื่องราวในฉากสำคัญๆต่างๆให้อยู่ภายในเวลาจำกัด จะทำได้ระดับที่ดี โดยเฉพาะในช่วง 5 นาทีแรกของการเปิดเรื่อง เชื่อว่าแฟนเกมทุกคนต้องยินดีและปลื้มแน่ๆ
แต่แล้วทุกอย่างมันสวนทางไปเลยสำหรับ 5 นาทีสุดท้ายเสียอย่างนั้น (ในขณะที่ผู้เขียนเองพอรับกับตอนจบแบบนี้ได้ แต่ที่ไม่ชอบที่สุดคือ ตัดบทลูกสาวฝาแฝดทำไม เพราะในฐานแฟนเกมนี้ก็อยากเห็นภาพสมาชิกครอบครัวของตัวเอกอยู่กันพร้อมหน้าบนตัวภาพยนตร์สักครั้ง)
ที่จริงแล้ว ตอบจบของเรื่องเป็นการจอบโจทย์และคำอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเรื่อง ว่าทำไมรายละเอียดสำคัญบางอย่างถึงไม่เหมือนกับในเกมต้นฉบับ โดยเฉพาะ
หน้าตาของตัวเอกที่มีความแตกต่างจากภาพตัวเอกในเกมต้นฉบับ (แม้จะไม่มาก แต่ก็อย่างจงใจ)
บุคลิกและท่าทางในช่วงแรกของตัวเอก ที่ดูผิดไปจากวีรกรรมในเกม
บุคลิกและการแต่งกายของเบียงก้า ในเกมแม้ตอนเด็กเธอจะเป็นสาวน้อยแก่นแก้ว แต่เมื่อโตขึ้นแล้วเธอจะดูอ่อนโยนและเรียบร้อยขึ้น แต่ในเรื่องนี้ เธอกลับห้าวยิ่งกว่าเดิมตอนโต
การตัดบทลูกสาวฝาแฝดของตัวเอกออก กลายเป็นตัวเอกมีลูกชายแค่คนเดียว
ซึ่งสาเหตุที่เป็นแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะ แท้จริงแล้วเรื่องราวทั้งหมดคือโลกของเกม VR เสมือนจริง ที่ตัวเอก ก็คือตัวแทนของคนดูหรือแฟนเกมนี้มายาวนานเมื่อวัยเด็ก ได้เข้ามาเล่นเกม DQ ที่สร้างขึ้นใหม่ในรูปแบบเกม VR แต่ด้วยความที่ตัวบอสของเรื่องคือไวรัสปริศนาที่ถูกสร้างขึ้น (โดยใครก็ไม่รู้) ต้องการป่วนทำลายเกม VR จึงส่งมันแทรกเข้ามา ทำให้เกมมีความผิดเพี้ยนบางอย่าง ตรงนี้อาจจะพออธิบายคำตอบของข้อสงสัยข้างต้นได้ถึงความแตกต่างที่ว่ามา
สำหรับบทสรุปแบบนี้ แฟนๆอาจจะรู้สึกว่า ทีมสร้างจะเลือกนำเสนอหักมุมแบบนี้ทำไม แต่ผู้เขียนเองก็เข้าใจนะ เพราะอันที่จริงแล้ว ชื่อเรื่องของหนังมันก็บอกอยูแล้วว่า Dragon Quest Your Story “แปลว่านี่คือเรื่องราวของคุณ” ซึ่งประเด็นนี้ก็ตรงกับคอนเซปต์ของเกม DQ ทุกภาคที่ต้องการทำเกมออกมาเสมือนให้คนเล่นได้สวมตัวเองลงไปรับบทบาทเป็นผู้กล้าหรือตัวเอกในเกม ดังนั้นตัวเอกของเกม DQ จะไม่มีบทพูด แต่จะมีแค่ให้เราเลือกตอบคำถามเท่านั้น เพื่อให้เราสวมบทบาทตัวเองเข้าไปได้ง่ายๆ ตัวหนังเองก็ทำออกมาจงใจสื่อตัวสารนี้ให้คนดู อารมณ์เหมือนเป็นการส่งสารบางอย่างจากทีมสร้าง
แต่พูดตามตรงว่า หลายคนไม่อาจชอบ เพราะผู้เขียนก็พอจะความคาดหวังของแฟนเกมนี้ส่วนหนึ่งด้วยว่า อยากเข้าไปเห็นเรื่องราวของเหล่าตัวละครใน DQ 5 ที่พวกเขารัก โลดแล่น มีชีวิตบนอนิเมชั่น ไม่ได้อยากจะมาดู ใครก็ไม่รู้ (ตัวแทนแฟนๆ) เล่นเกมให้เราดูอีก ตรงนี้เลยน่าจะเป็นที่มาของการถูกวิจารณ์สับเละเทะครับ ซึ่งก็พอเข้าใจแฟนๆของ DQ ได้เลย
สรุปในภาพรวมแล้ว นี่เป็นอนิเมชั่นที่ดี มีคุณภาพ เนื้อหาสนุก เพลงประกอบจากเกมที่ชวนคิดถึงสุดไพเราะและเข้ากับแต่ละฉากมาก ฉากแอ็กชั่นตอนสู้กับมอนสเตอร์และการใช้เวทมนต์ทำได้โอเค มีความพยายามที่จะดัดแปลงเรื่องราวจากในเกมมาลงในภาพยนตร์อนิเมชั่นได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงหลายจุดจะน่าขัดใจเอามากๆ แถมตอนจบยังทำออกมาแบบที่คนไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลย
แต่เอาเป็นว่าในภาพรวมแล้ว นี่คือหนัง DQ ที่แฟนๆควรดู เพราะถ้าเป็นแฟนพันธุ์แท้ จะมีหลายฉากที่คุณต้องร้องว้าวไปกับมันแน่นอน เป็นการทำหนังที่มีกลิ่นอายแบบ Nostagia สำหรับคนในวัย 30-50+ พอสมควรเลย แต่สุดท้ายแล้วคนดูจะชอบหรือไม่ แนะนำว่าต้องตัดสินเองครับ ซึ่งก็เข้าฉายแล้วใน Netflix สามารถรับชมได้เลย