หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังชีวประวัติ
เรื่องย่อ : Bombshell แฉกระฉ่อนโลก (2019) พากย์ไทย บรรยายไทย
ชื่อภาพยนตร์ : Bombshell แฉกระฉ่อนโลก
แนว/ประเภท : Biography, Drama
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Jay Roach
บทภาพยนตร์ : Charles Randolph
นักแสดง : Charlize Theron, Nicole Kidman, Margot Robbie
วันที่ออกฉาย : 6 February 2020
เมื่อ เกรทเช่น คาร์ลสัน (นิโคล คิดแมน)ผู้ประกาศข่าวภาคเที่ยงเดินเกมฟ้องร้อง โรเจอร์ เอลส์ (จอห์น ลิธโกว์) ซีอีโอของฟ็อกซ์นิวส์ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ เธอต้องเผชิญแรงกดดันรอบด้านและเหมือนต่อสู้เพียงลำพัง ดังนั้นความหวังของเธออยู่ที่พนักงานผู้หญิงในฟ็อกซ์จะต้องกล้าออกมาแฉนายใหญ่จอมหื่นผู้ทรงอิทธิพล แต่ไม่ใช่เพียงแค่ เกรทเช่นที่ถูกล่วงละเมิดเท่านั้น เมจีน เคลลี (ชาร์ลีซ เธียรอน)ผู้ประกาศข่าวเช้าที่เคยถูกโดนัลด์ ทรัมป์ ล้อเรื่องประจำเดือนออกอากาศก็เคยมีอดีตอันขมขื่นในห้องชั้น 2 รวมถึง เคย์ลา พอสพิซิล (มาร์โกต์ ร็อบบี้)อดีตผู้ช่วยของเกรทเช่นที่หวังได้เลื่อนขั้นก็ถูกโรเจอร์ใช้หน้าที่การงานมาทำให้เธอต้องยอมทำบางอย่างในห้องลับเช่นกัน เมื่อคิดล้มยักษ์ 3 สาวจะหาแนวร่วมเพื่อสั่นสะเทือนฟ็อกซ์นิวส์ได้หรือไม่ต้องติดตาม…
IMDB : tt6394270
คะแนน : 6.8
รับชม : 5820 ครั้ง
เล่น : 2299 ครั้ง
ถือเป็นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจไม่น้อยที่ผู้กำกับหนังตลกอย่าง เจย์ โรช เจ้าของผลงานฮาแตกอย่าง Meet The Parents และ Meet The Fockers มาจับแนวทางหนังดราม่าการเมืองตั้งแต่ Trumbo หนังประวัติมือเขียนบทฮอลลีวูดผู้ต้องไปเกี่ยวพันกับลัทธิคอมมิวนิสต์ และกับ Bombshell ที่ได้ ชาร์ล แรนดอล์ฟ คนเขียนบท The Big Short ให้อดัม แม็กเคย์ ผู้กำกับสายตลกที่พลิกมาทำหนังการเมืองจนได้ออสการ์สาขาบทดัดแปลงไปครอง ก็ทำให้เห็นทักษะอันน่าทึ่งของผู้กำกับสายคอมเมดี้ที่สามารถทำเรื่องยาก ๆ ขม ๆ เคลือบน้ำตาลจนออกมาแซ่บ อร่อยเหาะได้ขนาดนี้และแม้ว่าเราจะเห็นร่องรอยพิมพ์นิยมจาก The Big Short อยู่บ้างทั้งการทำลายกำแพงที่ 4 (Break the fourth wall) ด้วยการให้นักแสดงหันมาพูดกับคนดูโดยตรง หรือการอธิบายระดับชั้นการบริหารในฟ็อกซ์นิวส์ในลักษณะกึ่งสารคดี แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการนำทั้ง 2 เทคนิคนี้กลับมาใช้โดยผ่านมือของเจย์ โรช กลับลื่นไหลและช่วยให้คนดูเข้าใจเรื่องราวได้ง่ายขึ้น
สิ่งหนึ่งที่ต้องพึงระลึกไว้ก่อนตีตั๋วเข้าไปดูคือหนังไม่ได้มาทางคอมเมดี้เต็มตัวนัก แต่ดราม่าในเรื่องคือตัวขับเคลื่อนสำคัญโดยมีคอมเมดี้บาง ๆ คอยแทรกอยู่ ซึ่งมันทำหน้าที่ทั้งช่วยให้เรื่องราวไม่เครียดเกินไปและยังเป็นจุดเย้ยหยันชะตาชีวิตตัวละครได้อย่างทรงพลัง ยกตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดได้แก่ฉากที่เกรทเช่น คาร์ลสัน ไม่แต่งหน้าออกหน้าจอทีวีเพื่อแสดงถึงการรักตัวเองในแบบที่เป็นตัวตนจริง ๆ เพื่อฉลองวันเด็กหญิงสากล แต่พอกล้องสั่งคัตโรเจอร์ก็เข้ามาด่าเธอทันที ซึ่งฉากนี้ผ่านการกำกับและดีไซน์การแสดงได้อย่างซับซ้อน เพราะการเข้ามาของโรเจอร์คือหน้าที่ผู้บริหารสถานีแต่คำพูดคือการแสดงโทสะที่ลามไปถึงวิจารณ์รูปลักษณ์ของเกรทเช่นซึ่งการแสดงทั้งของนิโคล คิดแมน และ จอห์น ลิธโกว์ คือรับส่งกันดีมาก มันทำให้ซีนนี้มีทั้งคอมเมดี้ในจังหวะที่โรเจอร์ (ลิธโกว์) โผล่มา และมีดราม่าที่ฟังแล้วหน้าชาเมื่อ เกรทเช่น (คิดแมน) พยายามอธิบายแต่ถูกตอกกลับอย่างรุนแรง ดังนั้นโทนโดยรวมของหนังเลยจะออกแนวขำขื่น หัวเราะได้เสียงดังแต่ก็จุกไปกับเรื่องที่มันเล่าได้อย่างทรงพลังเลยแหละ
ไม่พูดถึงไม่ได้คงเป็นการแสดงของ 2 ผู้เข้าชิงออสการ์สาขาการแสดงปีนี้ โดยในบท เมจีน เคลลี ที่ส่ง ชาร์ลีซ เธียรอน ได้เยือนเวทีออสการ์อีกครั้งในสาขานักแสดงนำหญิงก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่หนังให้เวลากับเรื่องราวของเมจีนทั้งแง่ครอบครัวที่เธอพยายามกันออกจากเรื่องฉาวโฉ่ และศักดิ์ศรีในอาชีพนักข่าวที่ถูกลิดรอนจากนโยบายสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ของฟ็อกซ์นิวส์ ได้ให้โอกาสเธียรอนแสดงฝีมือทั้งในบทแม่และผู้หญิงทำงานที่ต้องต่อกรกับผู้ชายทรงอำนาจมากมายในฟ็อกซ์ และหากสังเกตดี ๆ ทั้งโทนการเล่าเรื่องและเรื่องราวของเมจีนก็ทำให้เห็นการเอ็กเซ็กคิวต์ (Execute) ภาพของสถานีฟ็อกซ์ที่ผู้หญิงเหมือนเหยื่อให้ “หมาป่า” คอยขย้ำ โดยซีนที่ชัดเจนที่สุดเห็นจะเป็นซีนที่เธอพยายามรวบรวมข้อมูลจากพนักงานสาวในสถานีที่อันตรายระดับสืบราชการลับในรัสเซียทีเดียว แถมภาพส่วนใหญ่ในหนังก็มักถ่ายให้เห็นซีนที่ผู้หญิงอยู่ในคอกทำงาน ซึ่งหากมักถูกถ่ายทอดแบบปกติก็อาจไม่เกิดความหมายอะไร แต่พอคอนเทนต์ของบทดันเป็นเรื่องล่วงละเมิดทางเพศก็ทำให้เราอดเปรียบเปรยคอกทำงานกับคอกที่ขังบรรดาแกะในฟาร์มไม่ได้ และอย่างที่ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาบรรดา “แกะ” ก็คงไม่ใช่อื่นไกลนอกจากบรรดาพนักงานสาว ๆ ในฟ็อกซ์นิวส์นั่นเอง
มาถึงผู้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมปีนี้ มาร์โกต์ ร็อบบี้ ในบทเคย์ลา พอสพิซิล ซึ่งเข้าใจว่าเป็นตัวละครที่ถูกแต่งเติมขึ้นเพราะไม่ปรากฎในบทความต้นฉบับเหมือนเกรทเช่นและเมจีน ซึ่งการเพิ่มตัวละครอย่าง เคย์ลา เข้ามาต้องบอกก่อนว่าเป็นการทำให้เห็นภาพการล่วงละเมิดทางเพศอันน่าอึดอัดสามารถพูดได้ในหนังโดยไม่กระทบกับบุคคลจริง ซึ่งมาร์โกต์ ร็อบบี้ ก็ให้ภาพนักข่าวสาวตะกายดาวที่ดันตกหลุมพรางความก้าวหน้าทางอาชีพได้อย่างดีเยี่ยม แต่ถ้าถามถึงความเข้นข้นของบทบาทและผลต่อเรื่องราวแล้ว ก็ต้องยอมรับว่านอกจากฉากสุดช็อกดังกล่าวแล้วเราก็ไม่เห็นบทบาทเธอสักเท่าไหร่ จะมีที่ถือว่าเป็นสีสันของเรื่องก็คงเป็นตอนที่เธอเผลอเมาแล้วไปมีอะไรกับ เจสส์ คาร์ เลสเบี้ยนสาวแอบในฟ็อกซ์ ที่ได้ เคต แมกคินนอนจาก Ghostbusters มาแสดงเพื่อทำให้เห็นถึงภาวะการถูกข่มจากที่ทำงานที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมจนไม่สามารถเปิดเผยรสนิยมทางเพศตัวเองได้นั่นเอง
หากจะจำกัดความ Bombshell ในด้านรูปแบบการเล่าเรื่องแล้วก็คงต้องบอกว่ามันมาทรงเดียวกับ The Big Short อยู่ไม่น้อยทั้งการหันมาพูดกับคนดู และอธิบายกับลำดับชั้นการบริหารของฟ็อกซ์นิวส์ให้คนดูเข้าใจ แต่สิ่งที่ทำให้ Bombshell สนุกกว่า The Big Short เห็นจะเป็นการเล่าเรื่องที่ไม่ได้มีสถิติหนัก ๆ มาเกี่ยวข้องและการกำกับขอบเจย์ โรช ที่เอาความเป็นคอมเมดี้มาผสมกับดราม่าได้อย่างลงตัว และประเด็นที่หนังพูดถึงอย่างการล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานก็หนักแน่น ทรงพลัง ยิ่งทำให้เห็นว่ากฎเกณฑ์ชายเป็นใหญ่บางครั้งก็ก่อให้เกิดเรื่องน่ารังเกียจและความอยุติธรรมกับสังคมในระดับโครงสร้างได้มากแค่ไหน เรียกได้ว่าหัวเราะกันให้เต็มเสียงแล้วปิดจ็อบด้วยสาระกันจุก ๆ เลยทีเดียว