หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังชีวประวัติ
เรื่องย่อ : A Beautiful Day in the Neighborhood เรื่องเล่าวันฟ้าสวย (2019) [ Final ] พากย์ไทย บรรยายไทย
ชื่อภาพยนตร์ : A Beautiful Day in the Neighborhood
ประเภทภาพยนตร์ : Biography, Drama
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Marielle Heller
บทภาพยนตร์ : Micah Fitzerman-Blue, Noah Harpster, Tom Junod
นักแสดง : Tom Hanks, Matthew Rhys, Chris Cooper, Susan Kelechi Watson, Maryann Plunkett, Enrico Colantoni
วันที่ฉาย : 19 ธันวาคม 2019
เพราะพบเจอความผิดหวังมาแล้วนับไม่ถ้วน “ลอยด์” (แมทธิว รีส) นักข่าวหนุ่มใหญ่จึงไม่หลงเหลือแง่งามในการมองโลกอีกต่อไป เขาเป็นลูกที่ไม่รักพ่อ ไม่ผูกพันกับพี่น้อง เป็นสามีที่ขี้บ่น และเป็นพ่อที่ใช้ลูกน้อยเป็นแค่ “ข้ออ้างในการไม่ต้องไปงานสังคม”
จนกระทั่งวันหนึ่ง บ.ก. ส่งเขาให้ไปสัมภาษณ์ “เฟรด โรเจอร์ส” (ทอม แฮงค์ส) พิธีกรรายการเด็กชื่อดัง แน่นอนว่าลอยด์เดินทางไปหาแหล่งข่าวของเขาด้วยอคติที่พกมาเต็มกระเป๋า โรเจอร์สเป็นเหมือนนักบุญที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาอ่อนโยน เห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ และยอมรับความผิดพลาดของคนอื่นโดยไม่ถือสาหาความ โรเจอร์สเป็นเหมือนคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับคนแบบที่ลอยด์เป็น
แต่การพบกันชั่วระยะเวลาสั้นๆ นั้นเอง กลับคล้ายดังสัญญาณของพระเจ้าให้ลอยด์ตื่นจากการหลับใหล เขาเริ่มหัดมองโลกแบบเฟรด โรเจอร์ส และเขาก็ได้มาถึงจุดที่พบว่า “ชีวิตไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย ขอแค่เราแบ่งปันความอารีให้แก่กัน”
“A Beautiful Day in the Neighborhood” สร้างมาจากเรื่องจริงอันแสนประทับใจของนักข่าวคนหนึ่งที่ได้พบเจอพูดคุยกับ “เฟรด โรเจอร์ส” พิธีกรชื่อดังที่คนทั้งอเมริการัก และโรเจอร์สก็ได้เปลี่ยนแปลงตัวเขาไปตลอดกาล หนังได้นักแสดง 2 รางวัลออสการ์ “ทอม แฮงค์ส” มารับบท “เฟรด โรเจอร์ส” และกำกับโดยผู้กำกับหญิงมือรางวัล “มาเรียลล์ เฮลเลอร์” (Can You Ever Forgive Me?)
IMDB : tt3224458
คะแนน : 7.4
รับชม : 2676 ครั้ง
เล่น : 740 ครั้ง
เป็นหนังที่บอกเลยว่า อาจจะไม่คุ้นกันเพราะมันเข้าแค่ที่โรงหนัง HOUSE SAMYAN เท่านั้นครับโรงทั่วไปไม่มีแน่นอนเลยอาจจะไม่คุ้นกันซักเท่าไร เป็นหนังที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตจริงของ ‘เฟรด โรเจอร์ส’ พิธีกรชื่อดังของอเมริกา รายการ Mister Rogers’ Neighborhood ปี 1968-2001นั้นบางคนอาจจะรู้จักกันครับและเป็นรายการที่ช่วยให้มีแง่คิด ความคิดบวกๆอยู่เต็มไปหมด พร้อมแทรกเรื่องราวทั้งการพูด การบูลลี่ แนวคิดอีกเยอะจนมากกว่าเป็นรายการเด็ก ซึ่งมันให้แง่คิดกับผู้ใหญ่ได้ดีมากๆ เป็นหนังที่กระแสอาจจะไม่แรงแต่บอกเลยว่า สมควรไปดูครับและฉายที่ HOUSE SAMYAN เท่านั้นราคาตั๋วไม่แพงแค่ 160 บาท ไปดูเลยแนะนำครับ บอกเลยว่าหนังที่ให้พลังบวก แนวคิดดี แถมร้องไห้ได้ หาหนังที่ให้ความรู้สึกแบบนี้ในโรงทั่วไปยากมากในยุคหลังๆเหมือนขาดหนังแนวๆนี้ไปเยอะจริงๆในยุคสมัยนี้ และ อยากให้คนเราได้ดูจริงๆเพราะมันให้แนวคิดต่อการใช้ชีวิต คิดบวก มองโลกอีกมุม เพราะ ตอนนี้หลายๆคนในยุคสมัยนี้เริ่มจะโหดร้ายไปเรื่อยๆเกินไปแล้วจริงๆ หนังมันไม่ใช่แบบโลกสวยแบบไร้สาระ แต่มันคือให้เรายอมรับสิ่งที่เป็น สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต และวิธีการรับมือครับ
ตัวหนังนั้นจะเล่าเรื่องแบบง่ายๆ แทรกมุมกล้องแบบรายการทีวีผสมกับมุมภาพแบบปัจจุบัน ก็แปลกใหม่และเหมือนเราดูรายการทีวีของจริงเลยทั้ง ฉาก ทั้งโมเดลต่างๆครับชอบมากๆ หนังจะเล่าเรื่องไปในแนวทางแบบ เรื่อยๆผสมกับรายการทีวีวที่เหมือนจะพาเราไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆจากรายการทีวีครับ เล่าถึงตัวละคร ลอนด์ นักเขียนนิตยสารที่ได้มาสัมภาษณ์ เฟรด โรเจอร์ส นั้นเองครับทำให้เค้าได้เปิดมุมมองต่อชีวิต ต่อพ่อเค้าได้แบบซึ้งกินใจมากกก จากคนที่มี EGO สูงๆ จนค่อนๆเริ่มเข้าใจอะไรหลายๆอย่างและเล่าเรื่องได้ให้เราเข้าใจถึงความรู้สึกนั้น และอินไปกับหนังมากๆ และการดูหนังเรื่องนี้ได้แทรกแนวคิดมาทั้งเรื่อง คำพูดบางอย่างมันโดนเลยจริงๆในการใช้ชีวิตสมัยนี้ และ สอนอะไรเราหลายๆอย่างครับ หนังเล่นกับความรู้สึกของเราได้ดีจริงๆ เรื่องราวความผูกพันของตัวละคร กับพ่อต่างๆและ การเปลี่ยนแปลงการพัฒนาของตัวละครที่เรารู้สึกได้เลย บอกเลยว่าบทหนัง เนื้อเรื่องนั้นทำออกมาได้ดีครับ แม้จะมีบางช่วงอาจจะเนิบๆไป และเน้นไปที่ตัวละครนั้นมากเกินไปหน่อย เลยทำให้มีเนือยๆอยู่บ้างครับสำหรับเรื่องนี้
นักแสดงนั้นหลักๆมีตัว Tom Hanks ที่รับบทเป็น เฟรด โรเจอร์ส ที่ดูแล้วต้องบอกว่าเห้ยทำไม พี่เค้าเล่นเรื่องอะไรก็คุณภาพจริงๆคือเข้าถึงตัวละครนั้นแบบเต็มที่แบบไม่ได้ฝืนเลยเหมือนกับเป็นตัวเค้าจริงๆ ทั้งสายตาการพูดท่าทาง และ แนวคิดที่แบบมันเหมือนตัวเค้าจริงๆและมีความคิดบวกตลอดเวลา สายตาที่มองมากล้องหรือเล่นในหนังมันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ต้องยอมรับครับว่าเป็นหนัง แสดงคุณภาพมากๆสำหรับ Tom Hanks คนนี้ ยอมเลยสำหรับจุดนี้ครับ และได้เสนอชื่อ นักแสดงสบทบ จากลูกโลกทองคำด้วย ส่วนนักแสดงคนอื่นๆในตัวละคร ลอยด์ ที่รับบทโดย Matthew Rhys นั้นก็แสดงได้ดีเช่นกันเป็นอีกมุมนึงของคนเราที่ไม่ค่อยจะยอมรับอะไรง่ายๆแต่เราเห็นการพัฒนาของตัวละครได้ดีและการแสดงของเค้าก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเลยครับ และจุดที่เน้นเรื่องราวระหว่างเค้าและพ่อก็ทำได้ดีซึ้งกินใจมากๆ
งานภาพในเรื่องนี้จะเป็นการถ่ายแบบ อัตราส่วนที่แตกต่างกัน 2 แบบคือแบบ 4:3 ที่ไม่ชัดมากนัก โทนสีแบบฟิล์มแบบทีวีสมัยก่อนเลย ผสมกับแบบคมชัด 1.85:1 ที่ตัดต่อผสมเรื่องราวกันได้อย่างลงตัวดีและเหมือนกับทีวีโชว์ของจริงสมัยก่อนแบบเป๊ะๆทั้งโมเดล โทนสี มุมกล้องที่ใส่ใจรายละเอียดมากจริงในเรื่องนี้ และพวก production ของเขาใส่ใจในยุคนั้นได้อย่างดี งานภาพมุมกล้องนั้นในช่วงของทีวีโชว์นั้นเอามาจากรายการได้แบบเป๊ะมากๆจริง ยอมรับทั้งท่าทาง ทั้งฉาก โทนสี คือตอนจบที่มีรายการจริงๆมาให้ดูนั้นคือเหมือนกันเป๊ะๆเลยครับ และ ยิ่งเจอการแสดงของ Tom Hanks มันช่วยได้เยอะ ส่วนมุมกล้องในฉากปกตินั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากแต่ก็อิงคล้ายๆกับการถ่ายโมเดลอยู่บ้างครับและจะตัดสลับกันได้ดีเวลาฉากไหนไปข้างนอกเมืองช่วงเก็บวิวเมืองจะตัดไปถ่ายโมเดลแทนอะไรแบบนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนเราไปดูรายการทีวีและเข้าไปอยู่ในนั้นได้เลย ชอบๆการเล่นมุมกล้องและตัดสลับมาแบบนี้ครับไม่งงแต่เล่าเรื่องราวได้ดีมากๆ
งานเสียงนั้นในเรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นดนตรีที่เข้ากับยุคนั้นได้และมีเล่นกับฉากเงียบๆเยอะมากเหมือนกันซึ่งฉากพวกนั้นจะเล่นในเรื่องของสีหน้า สายตาแบบจัดเต็มเช่นในฉากข้างบนนี้บอกเลยว่าสายตา แววตาที่มองมาที่กล้องมันให้พลังมากๆและทั้งโรงเงียบแบบไม่มีเสียงอะไรเลยครับถือว่าเล่นกับอารมณ์ได้ดี ส่วนเพลงนั้นจะเป็นพวก เปียโนอะไรต่างๆ ตามยุคสมัยนั้นเพลงแทรกบ้าง ดนตรีของรายการทีวีอะไรพวกนี้ มีร้องเพลงในรายการแทรกเข้ามาครับก็ถือว่าครบรสดีมากๆ ในแง่ของเสียง ซาวด์นั้นทำได้ดีเลย และเล่นกับความรุ้สึกของคนดูได้ดีครับ รวมถึงฉากจบด้วยเช่นกัน
เทียบนักแสดงในด้านขวา กับ ตัวจริงในด้านซ้ายต้องบอกว่าเก็บรายละเอียดได้ดีมากๆเหมือนใช้ฉากที่เดียวกันพร้อมกับท่าทาง การแสดงของเค้านั้นสมจริงสุดๆรวมถึง การเล่าเรื่องอะไรเหมือนกับดูทีวีโชว์อยู่เลยครับอันนี้ยอมในการแสดงของ TOM HANK เลยจริงๆ
โดยรวมนั้นเป็นหนังที่ให้ความรู้สึกดีมา เป็นหนังที่อิ่มและซึ้งมากๆไม่ค่อยเจอหนังที่ดูจบแล้วให้ความรู้สึกดีแบบนี้มานานแล้วในโรงหนังในหลายๆปีที่ผ่านมาครับซึ่งเป็นหนังที่อยากให้ทุกคนไปดูจริงๆนะให้แง่คิด แนวคิดในการใช้ชีวิตได้ดีเลยแหละ และงานภาพ โปรดักชั่นอะไรต่างๆนั้นทำได้ดีมากๆ และเป็นการเล่าเรื่องของของ เฟรด โรเจอร์ กับ ลอยด์ ได้ดีครับ และในแง่ของนักแสดงนั้นคุณภาพแน่นๆคู่ควรแก่การดูจริงๆ ไม่ควรพลาดสำหรับเรื่องนี้ใครที่ชอบหนังคุณภาพ ความรู้สึกดีๆ แง่คิดดีๆแนะนำครับผม