เรื่องย่อ : Metrosexual แก๊งชะนี กับอีแอบ (2006)
IMDB : tt0817907
คะแนน : 6
รับชม : 1025 ครั้ง
เล่น : 301 ครั้ง
สตรีเหล็ก ... หนังคอมเมดี้ที่ตีแผ่เรื่องราว จากชีวิตจริงของกลุ่มนักวอลเลย์บอลสาวประเภทสาว ที่สามารถคว้าชัยชนะเหรียญทอง แหกหน้าทีมชายล้วน ในกีฬาแห่งชาติ : ผลงานเรื่องแรกและสอง ของผกก. ยงยุทธ ทองกองทุน ... เป็นหนังที่พอสนุก มีความตลกพอกล้อมแกล้มได้บ้างจากมุขศัพท์กิ๋บเก๋ยูเรก้า ท่าทางสะดีดสะดิ้ง และสถานการณ์ขำๆของเหล่าสตรีเหล็ก ส่วนความเป็นดรามาก็นับว่าซึ้งได้ใจไปไม่น้อย แม้หนังอาจจะออกมายังไม่ถึงขั้นถูกใจผมก็ตามเถอะ แต่ก็ถือเป็นก้าวเริ่มต้นของพี่สิน ที่ชวนให้จับตาการเดินของผู้ชายคนนี้
แจ๋ว ... หนังคอมเมดี้ที่ครีเอทเอาเรื่องราว สายลับมาผสมโรงกับคนใช้บ้านๆเข้ากันได้คิดว่าจะดี สายลับสาว(มือสมัครเล่น) 4 คน ได้รับหน้าที่ให้ทำการสืบเรื่องราวของลูกเศรษฐีผู้ค้ายา โดยการลอบเข้าไปเป็นคนใช้ในบ้านของเศรษฐี ก่อเกิดเรื่องอลเวง และปฏิบัติการแบบบ๊องๆ : ผลงานเรื่องที่สาม ของผกก. ยงยุทธ ทองกองทุน ... เป็นหนังที่ไม่มีความสนุกเลยแม้แต่น้อย กับมุขตลกที่ดูฝืด การเล่นที่ดูติงต๊อง ปฏิบัติการเป๋อเปิ่นที่ต้องการทำให้ขำ แต่มันไม่ขำเลยสำหรับผม มีดีอยู่อย่างเดียว คือ กลุ่มนักแสดงที่กล้าเล่นกล้าทำอะไรห่ามๆในหนัง ยังแฝงไว้ซึ่งความน่ารักอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ แจ๋ว มีดีสมชื่อเลย ทั้งเสียดายตังค์ และผิดหวัง จนกล้าพูดได้เต็มปากเลย ว่า "แย่" เป็นก้าวที่ผิดพลาดผิดพลั้งอย่างไม่น่าให้อภัย ของพี่สิน เลยจริงๆ
แก๊งชะนี กับ อีแอบ ... หนังคอมเมดี้(เหมือนเดิม) ผลงานเรื่องที่สี่ ของ ผกก. ยงยุทธ ทองกองทุน ...หลังจากคิดผิดกับ "แจ๋ว" ร้างมือไปนาน 2 ปี ผู้กำกับร่างท้วมก็เรียกความมั่นใจ กลับคืน พร้อมกับนำเสนอความสดใหม่ให้กับภาพยนตร์ไทย ด้วยการจับเอา ห้าสาวพิธีกร ที่ชื่อเสียงกำลังกระฉ่อนบนจอทีวี วิก 3 ในยามเช้า และมีลีลาเท้าไฟ เคยขโมยซีนพี่เบิร์ด ธงไชยในคอนเสิร์ตโอ้ละหนอฯ ได้ใจคนในอิมแพ๊คไปมากโข มาลองเปลี่ยนแนวสร้างสีสันให้กับหนังผู้หญิ๋งผู้หญิง เรื่องราวสนุกๆที่ขอพาดพิงถึง "ชาวสีม่วง"
เรื่องราวของ แก๊งชะนี กับ อีแอบ มันมีอยู่ว่า...หนึ่งในห้า สมาชิกแก๊ง แป้ง (ไก่ มีสุข) กำลังเกิดอาการอินเลิฟกลับว่าที่สามี ก้อง (เธียรชัย ชัยสวัสดิ์) เอาสุดๆ ด้วยความที่ก้อง เป็นเพอร์เฟ็กต์แมน เรียบร้อย เนี้ยบนิ้ง และเอาใจเก่ง เลยถือเป็นชายในอุดมคติที่ไม่ว่าสาวใดได้เผลอรู้จักเป็นต้องศิโรราบ อาจจะถิอว่าเป็นโชคที่ดีของแป้งก็ใช่อยู่ แต่มาในวันหนึ่งที่แป้ง ได้เปิดตัวพี่ก้อง เป็นวันนั้นพอดีที่ ป๋อม (กาละแมร์ พัชรศรี) ไปพบเห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่าง ก้อง กับ ชายอื่น เลยเป็นเรื่องใหญ่กลิ่นตุๆ ที่ทำให้ อีกสี่สาวที่เหลือต้องจับกลุ่มรวมหัว เพื่อจับตายวายร้ายพยัคฆ์แอบคนนี้ให้ได้ ก่อนที่เพื่อนรักของพวกเธอ จะได้แต่งงานสมใจ
แค่อ่านดูพล็อตก็เข้าที ท่าจะสนุกอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ... แล้วพอยิ่งได้ 5 สาว ที่ต่างก็เข้ากันดีบนจอแก้ว มาร่วมงานกันบนจอเงิน จะไปดูเอาขำขำก็คงได้รสชาติบ้างล่ะ ผมก็เลยกล้าที่จะท้าพิสูจน์ว่า งานนี้ ของพี่สิน คงต้องดีกว่า "แจ๋ว" แน่ๆ ...และผมก็คิดไม่ผิดเลย แถมยังดีกว่าที่คิดเอาไว้อีกด้วย
ตอนแรกผมมองหนังอยู่ในฐานะของการขายคอมเมดี้เป็นของตาย ...ซึ่งจากเนื้อหนังเท่าที่มีอยู่มันก็คงวงเวียนไปได้ไม่ไกลจากเรื่องราวการตามล่าหาความจริงของเพื่อนสาวแก๊งชะนี กลับกลายเป็นเซอร์ไพรส์นิดๆ ที่หนังมีอะไรมากไปกว่านั้น ...จากแนวความคิดของพี่สิน ที่เป็นเพียงเรื่องตื้นๆ ก็ได้รับการขยับขยายด้วยบทหนังที่เอื้อเฟื้อความบันเทิงได้อย่างเต็มเปี่ยม จากมือเขียนบท อมราพร แผ่นดินทอง (ล่าสุดก็เพิ่งทำให้ ก้านกล้วย เกือบเหยียบร้อยล้าน) และ เบญจมาภรณ์ สระบัว ...บทหนังผสมผสานไปด้วยส่วนของความตลกที่เข้ารส มีมุขให้จับมาใส่ให้เล่นอยู่ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมุขสถานการณ์ มุขสีหน้าท่าทางตัวละคร มุขสภาพแวดล้อม มีทั้งให้เล่นเป็นกลุ่ม และเปิดช่องให้ลุยเดี่ยว และที่ขาดไม่ได้ เพราะเป็นอรรถรสของหนังเรื่องนี้เลย ก็คือ มุข How to... จับแอบ ที่เล่ากันให้เห็นภาพ ...หนังยิงมุขไปได้อย่างต่อเนื่อง และมุขเหล่านั้นก็ไม่ใช่สะเปะสะปะ มาผิดที่ผิดจังหวะแต่อย่างใด มันมีความลงตัว ในทุกความขำมันดูไหลลื่นไปได้ไม่มีสะดุด ถ้าถามว่ามุขของ แก๊งชะนีฯ ฮามากมั้ย ก็ต้องตอบว่า ไม่ เลือกที่จะเน้นปริมาณ(มุข) มากไปกว่าคุณภาพ(ทางเสียงหัวเราะ) แต่เรื่องของปริมาณที่ แก๊งชะนี เล่น มันก็มีทีให้แป้กเพียงน้อยนิด ...กับส่วนของความเป็นดรามา ก็นับว่าถูกเสริมเข้ามาในความเป็นคอมเมดี้อย่างลงตัว ไม่เป็นส่วนเกิน ...
เรื่องของบทก็ส่วนของบทที่ดีไปเอง แต่ถ้าพูดในเรื่องของอารมณ์แล้ว ความเป็นดรามายังขัดกับตัวบทอยู่เอามาก ...บทที่มีแง่มุมทางด้านดรามาให้เล่นได้ตั้งเยอะแยะ ถูกจับมาใช้งานสร้างความอินให้คนดูได้อย่างไม่เต็มที่ ด้วยเพราะที่หนังเสียพื้นที่ให้กับความตลกไปเกือบจะจบ สิบนาทีสุดท้ายที่เหลือของหนัง เลยได้จังหวะทอดอารมณ์ดรามาเอาแค่ผ่านๆ ฉากบางฉากก็ต้องยอมรับว่าหนังดันอารมณ์ไปได้จนถึงที่สุด (อ่านรายละเอียดของฉากที่ว่านี้ได้ในบรรทัดสุดท้าย) แต่อีกหลายฉากหนังก็ออกจะกั้กๆ ไม่ดื้อดึงเค้นอารมณ์กันให้มากกว่านี้ไปอีก (เช่น ฉากที่ก้องขอโทษแป้งในเรื่องที่ตน...เซ็นเซอร์... ภาพของมันก็อินแล้วล่ะ เพียงแต่การบิวต์มันไม่ยังไปไม่ถึงจุดพีค) หนังเกาหลีที่ออกแนวฮาสะเปะสะปะ หลายต่อหลายเรื่องสามารถมาจบลงสวยงาม เอากับฉากดรามาที่เล่นซึ้งกับคนดูจนต้องหลั่งน้ำตา ผมรู้สึกเสียดายนิดๆ กับโอกาสที่เอื้อ อารมณ์ที่ได้ของหนัง ซึ่งถ้ามันผลักดันส่วนซึ้งไปอีกสักนิด อัดความอินไปอีกสักหน่อย หนังคงโดนใจและได้ใจคอดรามาไปอีกกันตรึม...
แต่ยังไงตามแต่ที่ผมแอบขัดใจ มันไม่มีค่าอะไรให้ต้องหมดกระบวนท่าอารมณ์สนุก เอาเพียงแค่ช่วงแรกของหนัง ไปจนถึงช่วงกลาง แก๊งชะนีฯก็สร้างความสุขให้ผมได้ไม่น้อยแล้ว ไม่เสื่อมศรัทธา ในความคาดหวังที่อยากมาดูหนังตลก ...ในความรู้สึก จากสี่เรื่องที่ผ่านมาของพี่สิน ผมให้เรื่องนี้ชนะเลิศ ...ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ใน แก๊งชะนีฯ กำลังดี ไม่มาก และไม่น้อย พี่สินควบคุมทิศทางของหนังได้อย่างอยู่หมัด (ยกเว้น ก็แต่อารมณ์ดรามาที่อดน๊อคหมัดสวยๆ ฮุคของเด็ดใส่คนดู) ไม่มีสะดุดเผลอหลุดแม้สักหน่อย (ยกเว้น เพียงเล็กน้อยในความซึ้งที่ไม่สุด) แล้วกับการควบคุมนักแสดงหน้าใหม่ทั้ง 5 ก็ด้วยอีก พี่สินสามารถรีดเอาความเป็นธรรมชาติของพวกเธอ มาใช้กับหนังได้อย่างคุ้มค่าราคาวัสดุ ...
การปลีกเวลาอันแสนยุ่งเหยิงของ 5 สาว มารับจ๊อบเป็นดาราหนังหนแรก (ต้องยกเว้น อยู่คนสองคน ที่เคยมีโอกาสได้ประเดิมไปก่อนหน้าแล้ว) ทำให้คนหลายคนไม่อยากจะมั่นใจในการลองละเล่นของพวกเธอ แต่ผมกลับคิดตรงกันข้าม ...ถึงรู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่มืออาชีพ แต่ด้วยความรู้จักมักคุ้นสนิทสนมเป็นอย่างดี ก็ทำให้ผมเชื่อว่า การได้ร่วมประสานพลังในหนังเรื่องเดียวกันไปเลยเช่นนี้ ความเคยๆคงทำให้ทั้ง 5 สาว รับส่งกันได้เนียน เหมือนที่เป็นในรายการสด ...
ด้วยบทบาทคาแรกเตอร์ของแต่ละคนที่เหมือนกับถอดแบบออกมาจากตัวเองกันแทบเป๊ะๆ ผสานเข้ากันกับงานกำกับดีๆของพี่สิน ทำให้สาวๆทั้ง 5 ไม่จำเป็นต้องเล่นอะไรหนักใจให้มากมาย...ด้วยความเป็นธรรมชาติที่ไม่ดัดจริตของทุกคน ภาพความสามัคคีการละเล่นของพวกเธอเลยดูไม่เฟค แล้วกับคนดูที่คุ้นเคยกับการจัดรายการของ 5 สาว ก็แทบไม่ต้องเสียเวลาปรับตัวปรับใจให้เข้ากับสถานการณ์ของหนังเลย ...พอมาถึงฉากที่ต้องรวมหัวกันร่วมเล่นแล้ว จังหวะการรับส่งมุขของ 5 สาว ช่างดูไหลลื่น และพริ้วไหวเนียนไปพร้อมกับการเดินหน้าของหนัง ...อาจจะเป็นได้แค่มือสมัครเล่นก็จริง แต่ผลงานการแสดงของ ทั้ง 5 สาวที่เป็นอยู่นี้ ก็ได้ใจคนดูไปไม่น้อยเลย ...
แม้รวมกันเราจะอยู่กันไปได้สวย แต่พอให้แยกหมู่แล้ว แต่ละคนก็ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ...การถัวเฉลี่ยบทบาทความสำคัญ ของทั้ง 5 สาว ถือว่าไม่มีใครที่เสียเปรียบและได้เปรียบ ทุกตัวละครจะมีเรื่องราวของตัวเอง มีพลอตรองพลอตรักแตกออกไปกลายเป็นไฮไลท์ของแต่ละคน ถึงแม้ว่าหนังจะพยายามเน้นใจความสำคัญ ที่ "แป้ง" มากกว่าใครเพื่อน แต่อีก 4 สาวก็ไม่มีอะไรให้น่าน้อยใจเพราะต่างคนต่างก็มีคู่เป็นของตัวเองแทบทั้งสิ้น
แป้ง ... แม้ความรักของเธอจะได้เป็นพลอตหลักของหนังเรื่องนี้ แต่เรื่องของความโดดเด่นที่ควรจะเป็น กับไม่ใช่โอกาสที่คู่ของเธอนี้จะได้ไป ...คุณไก่ มีสุข มีเวลาปรากฏตัวให้เห็นน้อยกว่าอีก 4 สาว ตัวละครของเธอเหมือนถูกตัดออกไปจากกองมรดกซะอย่างงั้น ...การแสดงของคุณไก่ นับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้ช่วงแรกเธอจะฉายแววดาราได้น้อยมากอยู่ แต่ท้ายที่สุดในฉากไคลแม็กซ์ เธอกลับเค้นศักยภาพตัวละครของเธอได้อย่างสุดๆ (เหมือนกับว่าเก็บกดยังไงยังงั้น) เรียกคะแนนกลับมาเกือบตีตื้นเพื่อนๆได้ทันเวลาพอดี ...
แพท ... ความรักของแพท เป็นความรักที่น่ารักระหว่างชายที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวพ่อ กับหญิงสาวอินโนเซนต์ ที่ไม่หวั่นแม้คนรักจะแก่งำเงอะ เป็นคู่รักที่โดดเด่นที่สุด และได้ใจคนดูที่สุด ...ในฉากบนรถ เคล้าเพลงอกหัก ตัวฉากนั้นมันทำให้ขำ คัดเอาแต่ละเพลงรวดร้าวที่คนช้ำรักฟังแล้วแทบจะอยากร้องไห้ คุณนิน่าวางสีหน้าอย่างนิ่งเฉย ด้วยดวงตาเหม่อลอย พอถึงจุดพีคที่ต้องปล่อยโฮแล้ว คนดูที่ฮายังไม่ทันหายจบ ก็โดนกระชากอารมณ์กันซะอย่างงั้น ...การแสดงของคุณนิน่าในฉากนั้น เล่นได้ทรมานใจคนดู ซึ่งเลือกไม่ถูกว่าอยากจะขำให้การสื่อสารของฉากนั้น หรือว่าจะเศร้าเพราะการสื่อสารของตัวละครดี ...แล้วกับฉากคุยโทรศัพท์เตือนนัด เคนจัง ก็อีก เป็นมุขตลกที่น่ารักก๋ากั๋นเอาอย่างมาก (กะว่าถ้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตน จะเอามุขนี้ไปใช้สักหน่อย อิอิ)
ป๋อม ... คุณกาละแม สวมบทบาทที่หนีจากชีวิตจริงของเธอไม่พ้น ด้วยการเล่นเป็นตัวละครที่มีอคติกับผู้ชาย และชอบทำอะไรที่ห่ามๆเกินหญิงไทยจะใจกล้า ...ด้วยความที่มันเป็นตัวเธอเองสุดๆ ตัวละคร ป๋อม ของเธอเลยแทบไม่ต้องประดิษฐ์ประดอยแสดงอะไรให้มากนัก แต่ยังไงก็ตามพอถึงฉากรักของเธอแล้ว สัญชาตญาณสาวใจอ่อนก็เริ่มทำงาน... ผมชอบสายตาของเธอที่มองอ๊อฟร้องเพลง เป็นโสดทำไม ดูหยาดย้อยอย่างหวาน เป็นสัญญาณของสาวปากแข็ง ที่บอกกับคนดูว่า "เธอหลงรักไอ้หนุ่มผมฟูซะแล้ว" ...ฉากที่ป๋อมห่มผ้าให้อ๊อฟ ถึงแม้มันจะมืดจนมองไม่เห็นหน้าแล้ว แต่ผมกับรู้สึกได้ถึงการแสดงความลึกซึ้งเป็นห่วงเป็นใยของเธอ
เจ๊ฝ้าย ... ด้วยความที่อาวุโสทางวัยวุฒิประสบการณ์ บวกกับมีครอบครัวก่อนใครเพื่อน ป้าปุ้ย พิมลวรรณ เลยใช้ความได้เปรียบนี้เพื่อรับบทเป็น เจ๊ฝ้าย ... ความรักของเจ๊ฝ้าย เป็นความรักไฟใกล้มอด หลังจากล่วงเลยซึ่งวัยแต่งงานมานานพอดู ชีวิตรักก็ต้องจืดชืดกันเป็นเรื่องธรรมดา หนังเอาความระหองระแหงใจมานำเสนอได้อย่างน่ารัก ...ฉากวัดเส้นผม อีกหนึ่งมุขฮาก๊ากที่ผมคิดว่าเด็ด
นิ่ม ... ความทะลึ่งทะเล้นของเธอ สำหรับแฟนๆเรื่องเล่าเช้านี้ คงเป็นที่ทราบกันดี (โดยเฉพาะ คุณเอกราช มักจะโดนเป็นประจำ) ด้วยบุคลิกซ่าส์ๆ ผสมความน่ารักของคุณปอ เจ้าแม่ไทรทองที่ผมชอบในจอทีวี ฤทธิ์เดชของเธอบนจอเงินก็ยังคงตรึงความน่าสนใจในบทของ นิ่ม ได้ตลอด ... ความรักของนิ่ม อาจดูจะมีบทบาทน้อยกว่าเพื่อนๆ (แทบจะเป็นส่วนเสริมเข้ามาเพียงเพื่อให้ไม่เสียเปรียบคนอื่นๆแค่นั้นเอง) แต่ นิ่ม ก็ไม่ยอมน้อยหน้าใคร ด้วยการใส่สีสันความรักของเธอแบบขำๆ ... ในฉากวันลอยกระทง คำพูดปนเหนียมอายของเธอ ทำผมฮาก๊ากอย่างรุนแรงเป็นที่สุด
ตัวละครชาย ที่ประกบบทกับเหล่าๆแก๊งชะนี 3 ใน 5 ทำหน้าที่ได้ดี เล่นได้อย่างน่ารัก ...ยาโน คาซูกิ เป็น "เคนจัง" , ดาวิเด ดีเจ Seed เป็น "อ๊อฟ" , ครูเป็ด มนต์ชีพ เป็น "เฮียเพ้ง" คนแรก...ก็เด็ดด้วยท่าไก่ย่างส้มตำ คนสอง...ก็กวนเจ๊ป๋อมได้อย่างน่าหยิก คนสาม...ก็เล่นบทหงอได้อย่างขำๆ ส่วนอีก 2 ...เธียรชัย ชัยสวัสดิ์ เป็น "ก้อง" การแสดงของเขาแม้จะแข็งๆเกร๊งๆไปบ้าง แต่ในภาพรวมก็ยังไม่ถือว่าเป็นจุดอ่อน มีแอบดีเอาในตอนท้ายๆ (ผมคิดว่าสีหน้ากล้ำกลืนของเขาในฉากแต่งงาน และขอโทษ มันดูจริงดี) อันที่ต้องควรเป็นจุดอ่อนของพระเอกเลยก็คือ เสียงพากย์ ฟังดูโดดเอาอย่างมาก น้ำเสียงไม่เข้ากับบุคลิกก้องอย่างรุนแรง แถมยังคนพากย์พูดไม่ทันจังหวะปากของพระเอกอีก สู้ให้ก้องเล่นเอง ออกเสียงเองจะดีกว่า ถึงแม้ภาษาไทยจะไม่ชัด แต่ฟังยังไงมันก็ไม่เฟก , กนิษฐ์ สารสิน เป็น "โจ้" เป็นตัวประกอบที่ถูกใส่เข้ามาเพื่อให้นางเอกปอมีคู่เท่านั้นเอง หนังเลือกที่จะเล่นกับตัวละครนี้น้อยมาก เหมือนแทบไม่มีความจำเป็นต้องยัดเข้ามาในหนังเลยด้วยซ้ำ แถมการแสดงที่เหมือนเป็นบทรับเชิญ ของคุณกนิษฐ์ 4X4 ก็ทำได้เพียงพูดแค่ประโยคเดียวใจความสั้นๆเท่านั้นเอง
ไมเคิล เชาวนาศัย เป็น "พี่บี" ตัวขโมยซีนที่เรียกเสียงฮาจากคนดูได้สม่ำเสมอ จากบทบาทสายลับหญิง(เทียม) Iron Pussy พลิกภาพความอ่อนหวาน มาเป็นแต๋วแอ๊บแมนที่ชวนคนดูไปสังเกตสังกาพฤติกรรมชาวสีม่วงได้อย่างชวนขำขัน พี่บีออกจอเมื่อไหร่เป็นต้องแย่งความเด่นจากแก๊งชะนีไปได้ทุกที , คุณป้าศันสนีย์ วัฒนานุกุล กับบทคุณแม่ของแป้ง เคยได้ยินแต่ฟีลลิ่งในน้ำเสียงทางการ์ตูนช่อง 9 มานานหลายสิบปี มีครั้งนี้ที่เพิ่งได้เห็นฟิลลิ่งทางการแสดงออกของคุณป้าโนบิตะ (เขาว่ากันว่าก่อนหน้าจะมาพากย์หนัง คุณป้าก็เคยเป็นนางเอกหนังมาหลายเรื่องแล้ว) ...ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ตัวละครนี้มีให้ต่อลูกๆและเพื่อนๆทุกคน ในด้านของความตลก คุณป้าก็ให้ฟีลลิ่งยาม"ขาขาด" ได้น่าตกใจ และในด้านของความซึ้ง คำพูดที่ว่า "ส่วนผสมมันผิดกันแต่แรกแล้ว ตัดใจเสียแต่ตอนนี้เถอะ เพราะยังไงเกลือก็เปลี่ยนเป็นน้ำตาลไปไม่ได้" ก็ให้ฟีลลิ่งปลอบโยนลูกสาว(รวมทั้งคนดู)ได้เป็นอย่างโดน ...ฉากทาแป้งกลบน้ำตาระหว่างแม่กับลูกสาว เป็นฉากน่ารักที่ข่มฟีลความเศร้าได้อย่างลงตัว ผมประทับใจฉากนี้ ของ "แก๊งชะนี" มากที่สุด
แก๊งชะนี กับ อีแอบ ... ตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมง แทบไม่มีช่องว่างของความน่าเบื่อเลย เป็นหนังไทยที่ดูสนุกสนานอย่างบันเทิงเริงใจ ทั้งยังแอบมีสาระเล็กๆแง่มุมความรักให้เก็บเอาไประลึกถึง สำหรับใครที่คิดว่า อาหารแช่แข็งไม่อร่อย (มีอคติว่างั้นเถอะ) ขอแนะนำให้ลองชิมดูก่อน แล้วจะรู้ว่าหนังไทยเรื่องนี้ก็มีอะไรดีๆ ที่เอร็ดอร่อยและย่อยง่าย