ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

Walk the Line อ้อมกอดรักก้องโลก (2005) บรรยายไทย

Walk the Line อ้อมกอดรักก้องโลก (2005) บรรยายไทย
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังชีวประวัติ , หนังเกี่ยวกับดนตรี

เรื่องย่อ : Walk the Line อ้อมกอดรักก้องโลก (2005) บรรยายไทย

ชื่อภาพยนตร์ : Walk the Line  อ้อมกอดรักก้องโลก
แนว/ประเภท : Biography,  Drama,   Music
ผู้กำกับภาพยนตร์ : James Mangold
บทภาพยนตร์ : Johnny Cash
นักแสดง : Joaquin Phoenix,   Reese Witherspoon,   Ginnifer Goodwin
วันที่ออกฉาย : 16 February 2006

 

 

 

Walk the Line ถอดเรื่องราวมาจากชีวประวัติของ 'จอห์น แคช' (Joaquin Phoenix) นักร้อง-นักแต่งเพลงแนวคันทรี่ชื่อดังเคียงข้างกับเอลวิส เพรสลี่ย์ ชีวิตวัยเด็กของเขาต้องสูญเสียพี่ชายโดยพ่อคอยโทษว่าพระเจ้าพรากชีวิตผิดคนจนเขารู้สึกเป็นปมด้อยของตัวเองเสมอ หลังกลับจากสงครามเขาก็ได้มาเป็นนักร้องตระเวนทัวร์ที่ทำให้ได้เจอ 'จูน คาร์เตอร์' (Reese Witherspoon) นักร้องขวัญใจตั้งแต่เขายังเด็ก แม้ขณะนั้นเขาจะแต่งงานและมีลูกสองคนอยู่แล้ว แต่ก็ยังเพียรพยายามจะสานสัมพันธ์กับจูนทุกครั้งที่มีโอกาส วันหนึ่งเมื่อจูนถอนตัวจากการทัวร์ เขาก็เริ่มต้นติดยาและทำให้ภรรยาฟ้องหย่า ทุกอย่างดิ่งลงเหวจนกระทั่งจูนกลับมาช่วยเหลือให้เขากลับมาเป็นคนเดิม ก่อนจะขยับสถานะขึ้นมาเป็นคู่ชีวิต

 

Walk the Line movie review & film summary (2005) | Roger Ebert

IMDB : tt0358273

คะแนน : 7.8

รับชม : 993 ครั้ง

เล่น : 237 ครั้ง



 

Walk the Line (2005) - อ้อมกอดรักก้องโลก

" จะดีแค่ไหนนะ ถ้าคนที่เรารักและคนที่รักเราเป็นเพื่อนที่ดีกับเราเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม " หนังเล่าเรื่องจริงของ "จอห์นนี้ แคช" นักดนตรีแนวคันทรี ที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 20 หนังเปิดประเด็นเรื่องราวของ แคช ตั้งแต่เด็ก ปมในวัยเด็กของเขาสร้างตัวตนของเขาขึ้นมาให้โลกได้รู้จัก สไตล์การแต่งตัวในชุดดำ เสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หนังถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างสนุกสนาน ผสมผสานกับเรื่องราวของเพลง ได้อย่างลงตัว เพลงของแคสบอกเล่าเรื่องราวของตัวเขาได้เกือบทั้งหมด ทำให้เรื่องราวของชีวิตผู้ชายคนหนึ่ง ดูน่าติดตาม และคงไม่น่าแปลกอะไรที่ความดังของ แคช บวกกลับปัญหาทางบ้าน จะพาแคสเสียคนได้ง่ายๆ เดินออกนกเส้นทาง หลงทางในหลายๆอย่าง เช่น ยาเสพติด ที่เป็นที่นิยมยอดฮิตสำหรับคนดังมีชื่อเสียในยุคนั้น แต่การที่แคช ได้พบกับ "จูน คาร์เตอร์" ทำให้แคส ได้เจอความรักที่ใครหลายคนฝันถึง แม้จะมีข้อจำกับในการที่ทั้งแคสมีครอบครัวอยู่แล้ว จูนพึ่งหย่ากับสามีซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับคนที่เคร่งศาสนา แต่ทั้งแคชและจูนก็แสดงให้เราเห็นถึงความรักถาวรที่คนสองคนมีให้กัน ความรักของทั้งสองคนไม่เพียงใช้ระยะเวลาในการเกิดเท่านั้น ยังคงเป็นความรักที่เพื่อนมีให้กันเสมอมา และเพราะจุดนี้หรือเปล่าที่ทำให้ความรักนั้นยั่งยืนและยาวนานจนทั้งสองได้จากโลกนี้ไป จูน คือผู้หญิงคนเดียวที่ยืนเคียงข้างแคชเสมอในยามสุขที่ได้เล่นดนตรีด้วยกัน หรือยามทุกข์ที่แคชต้องเผชิญเรื่องร้ายๆ ให้ผ่านพ้นไป



"Walk the Line" คือสิ่งที่เราทุกคนคงอยากเป็น เดินในทางของเรา เราจะเป็นคนดี แต่ถ้าเราหลุดนอกเส้นทางในสิ่งที่ดีงาม ใครกันจะเป็นคนดึงเราให้เข้ามาในเส้นทาที่เราควรจะเดินได้ดีที่สุดเท่าคนที่รักเรา และถ้าเรารักเขา เราคงเดินร่วมทางกันไปในเส้นทางนี้โดยไม่ปล่อยมือกันและกันแน่ๆ จูนคือผู้หญิงที่ดึงแคชให้กลับมาเดินในเส้นทางที่เขาควรจะเป็น ในขณะเดียวกันแคชก็ดึงจูน ให้เดินทางในเส้นทางตามหัวใจของเธอด้วยเช่นกัน ทั้งสองเกิดมาเพื่อเสริมกันในทุกๆด้าน ตลอดทั้งเรื่องเลยเต็มไปด้วยความอบอุ่น ของคนสองคน ความดีงาม ความรับผิดชอบ พ่อแม่ของจูนเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ เขาไม่เพียงเข้าใจลูกสาว ยังร่วมไปถึงเข้าใจแคส ฉากถือปืนของพ่อจูนที่ไล่คนขายยาที่กำลังมาส่งยาให้แคส เป็นฉากที่ประทับใจเอามากๆ "ความรักของพ่อแม่ คือสิ่งยิ่งใหญ่เสมอ" และในวันที่ลูกมีความสุข พ่อกับแม่ก็มีความสุขไปด้วย และกว่าจูนจะตอบตกลงแต่งงานกับแคสนั้น ต้องผ่านการขอแต่งงานจากแคสถึง 40 ครั้ง ใครจะรอคอยและผิดหวังกับการถูกปฏิเสธได้ขนาดนั้น ถ้าแคสไม่มั่นใจว่าจูนคือคนที่เขาอยากอยู่ด้วยมากที่สุด ทั้งคู่ใช้เวลาที่เหลือของชีวิตอยู่ด้วยกัน จนจูนได้จากโลกนี้ไป และไม่นานแคชก็ตามไป คือคำกล่าวสุดท้ายหลังหนังจบ จนสร้างบรรยากาศให้เรารักทั้งสองคนนี้ได้ไม่ยากเลย



การแสดงของ "Joaquin Phoenix" มีพลังมากๆ เพลงของแคสที่เขาเอามาร้องเองตลอดทั้งเรื่องบวกกับการแสดงทำให้เราซึมซับไปกับตัวละครนี้ได้แบบสุดๆ ตั้งแต่ฉากแรกจนจบ Reese Witherspoon แสดงเป็นจูน ในมิติของคนรักที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดไปพร้อมกัน ได้น่าประทับใจมาก ทั้งสองคนแสดงกันเข้าขาจริงๆ การรับส่งบทของทั้งสองช่วยให้หนังเรื่องนี้มีพลัง และมีค่าสำหรับการสื่อความหมายให้คนดู ลำดับเรื่องราวได้ประทับใจมากๆ ผสมเพลงที่เข้ากับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี เป็นหนังที่ดูสนุก ดูเพลินๆ ได้ข้อคิดสำหรับการใช้ชีวิตคู่ได้ลงตัวที่สุดเรื่องหนึ่ง