ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

Spider Man Homecoming สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง (2017) พากย์ไทย บรรยายไทย

Spider Man Homecoming  สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังผจญภัย , หนังวิทยาศาสตร์ Sci-fi

เรื่องย่อ : Spider Man Homecoming สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง (2017) พากย์ไทย บรรยายไทย

ชื่อภาพยนตร์ : Spider Man Homecoming  สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง
แนว/ประเภท : Action,  Adventure,  Sci-Fi
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Jon Watts
บทภาพยนตร์ : Jonathan Goldstein,  John Francis Daley
นักแสดง : Tom Holland,   Michael Keaton,   Robert Downey Jr.
วันที่ออกฉาย : 7 July 2017

 

 

 

ใน Civil War หนุ่มน้อยสไปดี้ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ (Tom Holland) เคยได้ไปวาดลวดลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่เด็กสุดยียวนมาแล้ว แต่หลังนั้น เขาก็ได้กลายเป็นฮีโร่ฝึกหัดของ โทนี่ สตาร์ค หรือก็คือ Iron Man (Robert Downey Jr.) เขาถูกประคบประหงมอย่างดี แต่อาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ เพราะดูเหมือนเขาจะถูกจับตาอยู่ทุกย่างก้าว จะทำอะไรไปไหนป๋าพี่เลี้ยงเด็กก็มักจะรู้อยู่ตลอด โดยเฉพาะการมีผู้คุมอย่าง แฮปปี้ โฮแกน (Jon Favreau) มาคอยคุมนี่แหละ ปีเตอร์มีเพื่อนซี้รูปร่างอวบอ้วนแต่กวนตีนมากอย่าง เนด (Jacob Batalon) ที่ค่อนข้างปากสว่างทว่าจิตใจอยากจะได้เป็นเพื่อนซี้ฮีโร่ใจจะขาด ตามประสาเด็กหนุ่มเพิ่งแตกพาน ก็ย่อมจะมีความรักเข้ามาเอี่ยว กระทาชายนายปีเตอร์แอบชอบสาวผิวสีหุ่นสูงอย่าง ลิซ (Laura Harrier) และมีป้าแสนเซ็กซี่อย่างป้าเมย์ (Marisa Tomei) ที่เขาต้องปิดบังไม่ให้พวกเธอได้รู้ว่าเขาคือสไปเตอร์แมน 

แต่เพราะจิตใจใฝ่ดีอยากจะทำคุณประโยชน์ให้สังคมนี่แหละ จึงพาให้เขาได้พบกับวายร้ายตัวแรก เขาคือ แอเดรียน ทูมส์ หรือวัลเชอร์ (Michael Keaton) มนุษย์ที่ขโมยเศษซากจากการโรมรันของเหล่าอเวนเจอร์สต่อพวกต่างดาวมาสร้างเป็นอาวุธพันธุ์ใหม่

งานนี้สไปดี้จะทำอย่างไรเมื่อป๋าสตาร์คคุมเข้มซะขนาดน้านนน!

 

9 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเพิ่มความติ่ง ก่อนดู Spider-Man: Homecoming (2017)

IMDB : tt2250912

คะแนน : 7.4

รับชม : 10785 ครั้ง

เล่น : 4387 ครั้ง



 

Spider-Man: Homecoming เป็นเรื่องราวของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ในวัยใสไฮสคูล หนุ่มเนิร์ดหัวดีวัย 15 ที่ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเด็กนักเรียนไฮสคูลทั่วไป ปัญหาของปีเตอร์ในวัยนี้จะเป็นปัญหาแบบ must have ที่พบเห็นได้ในหนัง coming of age ตั้งแต่การพิสูจน์ตัวเองให้เพื่อนยอมรับในโรงเรียน ไหนจะยังต้องคอยรักษาความลับเรื่องสไปเดอร์แมนจากป้าเมย์และ เน็ด คู่หูตุ้ยนุ้ยสาย Geek ของเขา ไหนจะตกหลุมรักแบบปั๊ปปี้เลิฟ ซึ่งแคแร็คเตอร์ของ ทอม ฮอลแลนด์ ต้องบอกว่าแทบจะถอดแบบสไปเดอร์แมนจากเวอร์ชันการ์ตูนคอมมิคส์มาเลย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ท่าทางการพูดการเดิน สิ่งที่สัมผัสได้คืออินเนอร์ที่ต่างออกไปจากเวอร์ชันของ โทบี้ และ แอนดรูว์ อย่างชัดเจน ยิ่งดูก็ยิ่งมองเห็นความเป็น ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ในตัวเขาชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ



ในช่วงครึ่งแรกของหนังจะโฟกัสไปที่การทำความรู้จักกับตัว ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ และแวดล้อมของเขามากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเริ่มเรียนรู้พลังความสามารถของชุดสไปดี้สูทที่ โทนี สตาร์ค มอบไว้ให้เขา ซึ่งเราจะได้เห็นชุดมนุษย์แมงมุมล้ำ ๆ มีลูกเล่นฟังก์ชันอินเทรนด์ต่างจากภาคก่อน ๆ ถูกนำมาใช้ปราบโจรทุกเกรดในเมืองควีนส์ เริ่มจากโจรกระจอกขโมยจักรยาน โจรปล้นเอทีเอ็ม ไปจนถึงการเผชิญหน้ากับวายร้ายคู่ปรับอย่าง เอเดรียน ทูมส์ หรือ Vulture (ไมเคิล คีตัน) นักธุรกิจที่ประสบแต่ความล้มเหลวฉวยโอกาสตั้งบริษัทรับดูแลซากชิ้นส่วนจากเหตุการณ์ต่อสู้ระหว่างทีม Avengers กับเอเลียนบุกโลก ซึ่งชิ้นส่วนเหล่านั้นเป็นซากอาวุธของเอเลียนที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้เอเดรียนคิดจะนำมันไปขายต่อให้กับอาชญากรอื่น ๆ และนี่คือคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับสไปดี้วัยทีน กับสเกลการต่อสู้ที่ลดลงมาเหลือเพียงการปกป้องเมืองควีนส์ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ต้องบอกว่า Vulture เป็นตัวร้ายที่ยกระดับตัวหนังได้ดี ตัวละครถูกออกแบบมาอย่างมีมิติ มีสาเหตุแรงจูงใจที่มาที่ไปของการเลือกทำแบบนั้นแบบนี้ รวมทั้งฉากการการต่อสู้ที่ต่อกรกันได้สนุกตื่นเต้น ไม่ก๊องแก๊งเหมือนที่เราเคยชินจากในหนังของ MCU

นอกจากการเดินเรื่องที่ทำได้สนุกตื่นเต้นยืนระยะได้ต่อเนื่องแล้ว หนังยังมีองค์ประกอบหลายอย่างที่น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะมุขตลกร้ายฮาได้เรื่อย ๆ และกิมมิคที่ถูกสอดแทรกเข้ามาได้ไหลลื่นลงตัวชนิดเก็บรายละเอียดทุกเม็ด ชั้นเชิงในการเล่นกับอารมณ์คนดูที่ล้วนอยากรู้สถานะของสไปดี้กับการรวมทีม Avengers ซึ่งตรงนี้ชอบตรงที่หนังเลือกเล่าเรื่องโดยให้พื้นที่ความเป็นสไปเดอร์แมนได้แสดงให้เห็นความยูนิคในเจตนารมย์ที่อยากจะกลับไปปกป้องเมืองเล็ก ๆ ของตัวเอง มากกว่าจะเล่นใหญ่กระโจนป่าวประกาศพร้อมออกมาปกป้องโลกกับซุปเปอร์ฮีโร่รุ่นพี่รายอื่น ๆ แม้ว่าตัวหนังอาจมีดรามาที่ค่อนข้างแห้งแล้งไปบ้าง เพราะไปเน้นที่พาร์ทแอ็คชันไซไฟ แบบวิ่งสู้ฟัด แทบทั้งเรื่อง

ส่วนตัวเอนเอียงเทใจให้กับสไปดี้ในยุคของ ทอม ฮอลแลนด์ ที่แบกแคแร็คเตอร์บ้าน ๆ ติดดิน เปลี่ยนมนุษย์แมงมุมโฉมใหม่ในวัยขบเผาะให้ออกมาดูเกรียนได้ใจและมีเสน่ห์ การแสดงของเขามันมีแคแร็คเตอร์ที่ชัด มองเห็นลายเซ็นต์ของตัวเอง ไม่ยากเลยที่จะเข้าไปนั่งในใจของแฟนหนังมาร์เวลได้ในเวลาอันสั้น นอกจากนี้ การกระจายบทให้ โทนี สตาร์ค และ ป้าเมย์ (เมริซ่า โทเม) ก็ทำได้น่าพอใจจนเรียกได้ว่าแอบย่องมาขโมยซีนอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะป้าเมย์ในภาคนี้ที่มีเสน่ห์แซ่บกระชากใจหนุ่มน้อยใหญ่ให้ฝันอยากจะลองพรากผู้เฒ่ากันเลยทีเดียว (ฮา)

 

Spider-Man: Homecoming คือการต้อนรับกลับบ้านของซุปเปอร์ฮีโร่คนใหม่สู่จักรวาลมาร์เวลอย่างสมศักดิ์ศรี สิ่งที่อยู่เหนือการอวยทั้งหลายของนักวิจารณ์คือ การทำสไปเดอร์แมนให้กลับมาดูสด ใหม่ มีกลิ่นอายคล้ายกับการได้ย้อนไปฟังเพลงอัลบั้มแรกของวงดนตรีระดับตำนาน ที่เราสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณ แรงบันดาลใจอันพลุ่งพล่าน ความไม่ประสีประสาของเยาว์วัยที่กลายเป็นความสมบูรณ์แบบในใจของเด็กมิลเลนเนียลอีกมากมายที่จะจดจำและพูดถึงสไปเดอร์แมนภาคนี้ไปอีกนาน

Spider-Man: Homecoming คือกระจกสะท้อนวิสัยทัศน์ของโซนีและมาร์เวล ที่ประสบความสำเร็จกับการเลือกรีแบรนด์สไปเดอร์แมนอย่างมีแบบแผน ก็ในเมื่อตัวหนังมันมีครบทุกองค์ประกอบที่หนังซุปเปอร์ฮีโร่พิทักษ์โลกที่ดีต้องมี ถ้าพูดถึงเรื่องของความบันเทิงตลอด 2 ชั่วโมงกว่ากับความรู้สึกประทับใจตอนเดินออกจากโรง อาจบอกได้เต็มปากว่าอย่างน้อยนี่คือสไปเดอร์แมนที่ดีที่สุดในรอบ 1 ทศวรรษเลยก็คงจะไม่เกินเลยไปนัก