ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

มะลิลา Malila: The Farewell Flower (2017)

มะลิลา Malila: The Farewell Flower (2017)
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังไทย

เรื่องย่อ : มะลิลา Malila: The Farewell Flower (2017)

ชื่อภาพยนตร์ : มะลิลา Malila: The Farewell Flower
แนว/ประเภท : Drama
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Anucha Boonyawatana
บทภาพยนตร์ : Anucha Boonyawatana,  Wasuthep Ketpetch
นักแสดง : Sukollawat Kanarot,  Anuchit Sapanpong,  Sumret Muengput
วันที่ออกฉาย : 13 October 2017

 

 

"มะลิลา" เป็นหนังที่บอกเล่าถึงความรักความอาลัยของผู้ที่จากไป ... เรื่องราวของเชน (เวียร์ - ศุกลวัฒน์ คณารส) เจ้าของสวนมะลิผู้มีอดีตอันเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกสาว และแยกทางกับอดีตภรรยา และ "พัช" (โอ - อนุชิต สพันธุ์พงษ์) ศิลปินนักทำบายศรี อดีตคนรักของเชนในวัยเด็กที่กลับมาพบกันอีกครั้ง ทั้งคู่พยายามเยี่ยวยาบาดแผลในอดีต และรื้อฟื้นความสัมพันธ์ผ่านการทำบายศรีอันงดงาม


"มะลิลา" เป็นดังบทกวีที่ถักทอเอา พุทธปรัชญา ศิลปะไทย และความรักของชายรักชายเข้าไว้ด้วยกัน โดย "นุชี่" อนุชา บุญยวรรธนะ ชอบเล่นกับความขัดแย้งขององค์ประกอบทั้ง 3 อย่างนี้ ทั้งนี้มิใช่เพื่อการวิพากษ์วิจารณ์ หรือ โจมตี แต่เป็นไปในทางที่ขับเน้นความเป็นมนุษย์อย่างละเมียด ละไม และนำเสนอโลกในอุดมคติที่ทุกสิ่งสามารถอยู่รวมกันได้อย่างสวยงาม

 

Film Review: 'Malila: The Farewell Flower' – Variety | พลังจิต

IMDB : tt7736144

คะแนน : 6.6

รับชม : 11163 ครั้ง

เล่น : 4816 ครั้ง



 

มะลิลา Malila: The Farewell Flower

โดยหน้าหนังที่อาจทำให้เราเข้าใจ มะลิลา ในมิติแคบๆอย่างการเป็นหนังเกย์ที่สอดแทรกเรื่องราวความงามของการทำบายศรี แต่จากหลักฐานเชิงประจักษ์แล้ว แก่นแกนของ มะลิลา กลับเล่นท่ายากได้อย่างมั่นอกมั่นใจ ด้วยว่ารสมือของคนทำหนังถึงพร้อมในการปรุงแต่งรายละเอียดที่เข้าขั้นประดิษฐ์ประดอยบนพลอตเรียบน้อยได้อย่างงดงาม และตราตรึงใจเป็นอย่างยิ่ง

โครงเรื่องอันเรียบง่ายของมะลิลา อย่างการบอกเล่าความสัมพันธ์ของสองหนุ่ม เชน (ศุกลวัฒน์ คณารศ) และ พิช (อนุชิต สพันธุ์พงษ์ ) อดีตคนรักที่กลับมาสานสัมพันธ์กันอีกครั้งในวันที่ฝ่ายแรกบอบช้ำจากการสูญเสียลูกสาว และฝ่ายหลังสูญเสียแม่และกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็ง หนังให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีทั้งความเร่าร้อนที่ต่างตักตวงจากร่างกายของกันและกันอย่างร้อนแรง และคำสัญญาอันหอมหวานที่ว่า พิช จะทำบายศรีอย่างสุดฝีมือให้ เชน ในวันบวช  แต่แน่นอนว่าความรักและชีวิตอันงดงามก็มีเวลาที่จำกัดของมันไม่ต่างจากบายศรีที่ดอกมะลิลา จะโรยราเมื่อต้องลมแดดและการเปลี่ยนผ่านของกาลเวลา


 

 


 

ในยุคที่สื่อบันเทิงต่างบอกเล่าเรื่องราวของรักหลากเพศกันทั่วบ้านทั่วเมือง บ้างก็ทำมาเอาใจสาววายให้ได้จิ้น- ฟินกันไปเมื่อเห็นหนุ่มหล่อสองคนมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง บ้างก็ทำมาตีตลาดกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ  ได้อย่างเข้าอกเข้าใจ  หากคาดหวังความฟินจากการเห็นชายหนุ่มสองคนรักกัน หนังเรื่องนี้มีครับแต่นั่นแค่ 20% ของเรื่อง เพราะสิ่งที่อนุชา บุญยวรรธนะ ผู้กำกับเลือกบอกเล่าคือการนำสัจธรรมของชีวิตมาตีแผ่โดยนำศิลปะการทำบายศรีมาเป็นกุศโลบาย (หรือที่ภาษาฝรั่งอาจเรียกเก๋ๆว่า กิมมิค) ในการสื่อถึงความจริงอันแสนเจ็บปวดที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญทั้งความสุขจากความรักที่เป็นดั่งดอกไม้สวยงามสดชื่น และความทุกข์จากการสูญเสียและการจากลา ดั่งบายศรีที่ถูกบรรจงร้อยมาลัยเย็บปักให้สวยงามอย่างยากลำบาก เพียงเพื่อรอเวลาเหี่ยวเฉาร่วงโรยเมื่อหมดวันหรือหมดหน้าที่ในการประกอบพิธีกรรมของมันได้อย่างคมคาย

อนุชา บุญยวรรธนะ เลือกบอกเล่าเรื่องราวด้วยจังหวะแช่มช้าทว่าอ่อนช้อยงดงามจนคนดูได้ซึมซับบรรยากาศทั้งหมดทั้งมวล ซึ่งความสมบูรณ์แบบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากคนทำหนังดำเนินงานอย่างสุกเอาเผากิน โดยจากที่ได้ฟังช่วงตอบคำถามหลังหนังจบในรอบสื่อมวลชน อนุชา ยอมรับว่าเธอบรรจงเลือกสรรทุกสิ่งตั้งแต่สถานที่ถ่ายทำที่เธอเรียกร้องให้มีดอกไม้ทุกชนิดที่เธอจินตนาการไว้ในบทภาพยนตร์  งานถ่ายภาพที่อนุชา กำชับให้ผู้กำกับภาพจับแสงธรรมชาติเพื่อถ่ายทอดความงามของชีวิตและความน่าสะพรึงกลัวของความตายและการสูญเสีย สอดรับกับงานออกแบบเสียงที่เธอได้กลับมาร่วมงานกับ ณพวัฒน์ ลิขิตวงศ์ จาก วันคูลซาวด์ ที่เคยพาให้ อนธการ กลายเป็นมาสเตอร์พีซของงานเสียงในหนังไทยได้น่าจดจำมาแล้ว จนทำให้ภาษาภาพยนตร์ของ มะลิลา สามารถนำพาผู้ชมเข้าสู่บรรยากาศที่หนังโอมล้อมคนดูได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพจนเหมือนได้เดินเคียงข้างตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบก็มิปาน


 

 


 

รวมถึงนักแสดงที่ต้องบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดทั้ง อนุชิต สพันธุ์พงษ์ ที่สามารถถ่ายทอดความอ่อนช้อยในบทศิลปินนักทำบายศรีผู้ผ่านความเจ็บปวด ผิดหวังจากความรัก และความสูญเสียออกมาได้อย่างหมดจดแม้หนังแทบไม่มีฉากย้อนอดีตใดๆเลย สอดคล้องกับปากคำของผู้กำกับที่เลือกอนุชิต มาเพื่อถ่ายทอดความซับซ้อนทั้งเพศสภาพที่ต้องระมัดระวังไม่ให้ ‘ออกสาว’ และจิตวิญญาณของนักทำบายศรีที่เลือกเยียวยาโรคภัยด้วยการรังสรรค์บายศรีอันสวยงามก่อนที่ความรักครั้งเก่าจะเข้ามาสะกิดแผลใจ จนเกิดวัฏสงสารแห่งชีวิตและความรักร่วมกันกับ เชน เจ้าของสวนมะลิอดีตคนรัก ซึ่งนักแสดงหนุ่มที่ทิ้งห่างจาก โหมโรง ภาพยนตร์ดนตรีไทยในตำนานไปร่วม 10 ปีก็กลับมาสร้างผลงานได้อย่างสมศักดิ์ศรี ทุกความเคลื่อนไหวและภาษากายของอนุชิตคือความงามที่ควรค่าให้กล้องได้ถ่ายทอดออกมาทั้งมือที่บรรจงร้อยมาลัยได้อย่างชดช้อยงดงาม การงุ้มมือเก็บมะลิอย่างถนุถนอม ซึ่งกิริยาที่เหมือนไม่สำคัญกลับเปี่ยมความหมายอย่างมหาศาลเมื่อผ่านการถ่ายทอดของอนุชิต  สพันธุ์พงษ์ จนน่าจะได้เข้าชิงรางวัลด้านการแสดงแน่ๆในปีหน้า


 

 


 

สำหรับ ศุกลวัฒน์ คณารศ ยอมรับเลยว่าหากมองผิวเผินนี่คือการเลือกนักแสดงบิ๊กเนมมาทำให้หนังน่าสนใจ เพราะจากผลงานที่ผ่านมาทั้งละครและโฆษณา เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความหล่อ ของเขาได้บดบัง จนฝีมือและทักษะการแสดงหลุดจากโฟกัสของผมไปพอสมควร และจากปากคำหลังหนังรอบสื่อที่ศุกลวัฒน์ บอกความรู้สึกหลังบทหนัง มะลิลา ถูกยื่นมาให้ก็คงต้องขอบคุณที่เขาเลือกตอบรับและเดินหน้าไปกับความท้าทายครั้งใหม่ ทั้งภาพลักษณ์ที่คนดูละคร ชาวบ้านร้านตลาดคงต้องเอาทาบอกว่า พี่เวียร์ของพวกเขามาเล่นหนังเกย์ และทั้งพื้นที่ใหม่ๆที่การแสดงของเขายังไม่เคยเดินทางไปถึง เชื่อว่าหลังแสงจากโปรเจคเตอร์ได้ฉายภาพชีวิตของ เชน เจ้าของสวนมะลิชีวิตแหลกเหลวที่กลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับ พิช ศิลปินนักทำบายศรีคนรักเก่าจนชีวิตได้พานพบทั้งความผลิบานและร่วงโรยแล้ว ทุกสายตาคงเห็นพ้องต้องกันและพร้อมจะยกย่องในฝีมือของเขาได้อย่างปราศจากข้อกังขา ศุกลวัฒน์ สามารถสลัดความเป็น ‘ พี่เวียร์’ ของสาวๆกลายร่างเป็น เชน หนุ่มวัยกลางคนผู้ผุพังจากความสูญเสียที่ชีวิตต้องการใครสักคนมาแผ้วถางเพื่อพร้อมเพาะปลูกความสุขครั้งใหม่ และยิ่งหนังถูกออกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน การแสดงของศุกลวัฒน์ จึงไม่อาจหลีกหนีสปอตไลต์ได้เลย ทั้งบทบาทอันร้อนแรงและเจ็บปวดในเรื่องราวส่วนแรก และการเผชิญหน้ากับความน่าสะพรึงกลัวของความตายและเรียนรู้ที่จะปล่อยวางในครึ่งหลัง ที่เขาสามารถถ่ายทอดความซับซ้อนของตัวละคร และส่งผ่านแรงสั่นสะเทือนของชะตากรรมตัวละครถึงคนดูได้อย่างสวยสดงดงามจนสมแล้วที่เขาได้เข้าชิงรางวัลด้านการแสดงระดับเอเซีย ซึ่งอาจยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำเมื่อพิจารณาถึงความ .’เวิร์ลคลาส’ ของผลงาน

ด้วยสิ่งละอันที่ประกอบสร้างมาทำให้ มะลิลา คือหนังที่เปี่ยมคุณค่าทางศิลปะทั้งในเชิงภาษาภาพยนตร์และการถ่ายทอดวัฒนธรรมได้อย่างคมคายไม่ยัดเยียด สอดรับทั้งการแสดงที่ลุ่มลึกและงานเทคนิคที่รับใช้เนื้อหาได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ จนอาจบันทึกไว้ได้เลยว่านี่คือหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์หนังไทยที่เราได้มี มะลิลา เป็นสมบัติของชาติที่เราพร้อมประกาศก้องให้ชาวโลกได้ดูหนังไทยระดับมาสเตอร์พีซ ได้อย่างไม่อายใคร