หมวดหมู่ : หนังผจญภัย , หนังระทึกขวัญ , หนังแอคชั่น
เรื่องย่อ : Mission: Impossible Fallout มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ฟอลล์เอาท์ (2018) [พากย์ไทย บรรยายไทย]
ชื่อภาพยนตร์ : Mission: Impossible Fallout มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ฟอลล์เอาท์
แนว/ประเภท : Adventure, Action, Thriller
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Christopher McQuarrie
บทภาพยนตร์ : Bruce Geller, Christopher McQuarrie
นักแสดง : Tom Cruise, Henry Cavill, Ving Rhames
วันที่ออกฉาย : 25 July 2018
IMDB : tt4912910
คะแนน : 7.8
รับชม : 14889 ครั้ง
เล่น : 7556 ครั้ง
และนี่ก็เป็นครั้งที่ 6 แล้วสำหรับ Mission Impossible จากการนำแสดงและอำนวยการสร้างของ ทอม ครูซ ที่ผ่านมามีผู้กำกับมากหน้าหลายตาที่มาเติมเต็มแฟรนไชส์สายลับชุดนี้ให้ไปไกลกว่าแค่หนังรีเมคจากซีรีส์ ทั้ง ไบรอัน เดอพัลมา ที่สร้างมาตรฐานการเล่าเรื่องเชิงสืบสวนสอบสวนสุดลึกลับ และมีกลิ่นอายของฟิล์มนัวร์ จอห์น วู มาสานต่อตำนานและเติมฉากแอ็คชั่นดีไซน์สวยๆ ส่วน เจ เจ เอบรามส์ นอกจากมาเติมเรื่องราวเพิ่มมิติด้านครอบครัวให้ อีธาน ฮันต์ แล้วก็ยังนำบริษัท แบด โรบอต มาร่วมอำนวยการสร้างตั้งแต่ภาค 3 จนถึงปัจจุบัน
และแน่นอนว่าทอม ครูซ ก็ไม่ลังเลที่จะทดลองสิ่งแปลกใหม่ด้วยการให้ แบรด เบิร์ด ผู้กำกับ The Incredibles อนิเมชั่นซูเปอร์ฮีโร่มาชิมลางงานกำกับคนแสดงจนได้หนังที่สนุกและหลุดกรอบมากใน ภาค Ghost Protocol จนกระทั่ง ทอม ครูซ ได้เจอผู้กำกับที่เหมือนสมุนมือขวาและร่วมงานกับเขามาตั้งแต่ Jack Reacher อย่าง คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี มากำกับภาคที่ 5 อย่าง Rogue Nation จนมาถึง FALLOUT ภาคนี้ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะ แม็คควอรี สามารถรวบรวมจุดเด่นของหนัง M:I ทุกภาคไว้ได้เป็นอย่างดี ทั้งบทที่เน้นสืบสวนสอบสวนอย่างมีชั้นเชิง หรือ ฉากแอ็คชั่นสุดท้าทาย ก็ทำได้อย่างลงตัว
โดยภาค FALLOUT นี้สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นมากสำหรับบทที่แม็คควอรีเขียนคือการตีความคำว่าผลกระทบหรือโทษ (Fallout) จากความหวังดีของอีธาน ฮันต์ ทั้งความรักเพื่อนที่ทำให้งานเสียไปจนถึงการกล่าวถึงตัวละครจากภาค 3 อย่างจูเลีย (มิเชล โมนากาน) ก็ยังเกี่ยวพันกับความหวังดีที่กลายเป็นผลร้ายตามมาถึงตัวเขาและทีมได้เป็นอย่างดี ซึ่งกลายเป็นลูกเล่นสำคัญที่คนดูจะต้องลุ้นทุกครั้งที่อีธานตัดสินใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ยิ่งทำให้หนังเข้มข้นชวนติดตาม ควบคู่ไปกับปริศนาหลายอย่างทั้งคำถามว่าใครคือ ลาร์ค ผู้ก่อการร้ายตัวจริงกันแน่ ไปจนถึงตัวละครต่างๆว่าใครคือมิตรใครคือศัตรู ชวนคนดูคิดตามได้อย่างสนุกสนานทีเดียว ซึ่งก็ทำให้ Mission : Impossible FALLOUT มีกลิ่นอายแบบหนังสายลับยุค 80 ที่ตัวละครต่างสูญเสียความไว้วางใจซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี
องค์ประกอบสำคัญถ้านอกจากฉากแอ็คชั่นแล้วคงหนีไม่พ้นนักแสดงทั้งหมดในเรื่อง ทั้งสายทุ่มเทอย่าง ทอม ครูซ ที่เล่นฉากสตันท์เองจนได้รับบาดเจ็บที่เข่าในฉากกระโดดข้ามตึก หรือแม้แต่การทุ่มเทฝึกการโดด ฮาโล (HALO – High Altitude Low Opening) ถึง 1 ปีเต็มเพื่อฉากแอ็คชั่นสำคัญของเรื่อง ก็ให้ผลลัพธ์ที่ต้องบอกว่า ความพยายามไม่เคยทรยศใครจริงๆ เพราะงานสตันต์ทุกฉากทุกตอนคือชวนอ้าปากค้างจริงๆ นะไม่ได้เวอร์เลย และไม่ใช่แค่พี่ทอม ครูซนะ แม้แต่ รีเบคกา เฟอร์กูสัน ที่กลับมารับบท อิลซา ก็เล่นฉากแอ็คชั่นแม้ตัวเองจะท้องอยู่ก็ตาม (พอหนังปิดกล้อง อายุครรภ์ของเธอก็ได้ 7 เดือนพอดี)
ส่วนนักแสดงคนอื่นๆทั้ง วิง เรมส์ ที่กลับมารับบท ลูเธอร์ เป็นครั้งที่ 6 ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกผูกพันธ์เหมือนเป็นครอบครัวตัวละครที่โตมากับเราจริงๆ ไซมอน เพกก์ ในบท เบนจี้ ก็ยังฮาและสร้างเซอร์ไพร์สได้ดีเช่นเดิม สำหรับสมาชิกใหม่อย่าง เฮนรี คาร์วิลล์ หรือพี่ซูเปอร์แมนของเราก็ทำให้ฉากบู๊ดูดุดันไม่น้อยเลยทีเดียวแต่คนที่ทำให้ใจพองโตที่สุดเห็นจะเป็น วาเนสซา เคอร์บี้ ในบท แม่มายขาว หรือ ไวต์วิโดว์ คนกลางค้าอาวุธที่สวยแบบวัวตายควายล้ม สวยแบบขายบ้านขายรถ คือเห็นแล้วพร้อมหลงกลได้ง่ายๆเลยทีเดียว ซึ่งแม้นุ้งเคอร์บีจะไม่ได้สวมชุดราตรีสุดหรูแบบในซีรีส์เดอะคราวน์ ทาง เน็ตฟลิกซ์ แต่ใบหน้าอันแสนจะเพอร์เฟกต์ของเธอก็เพียงพอให้กล้องถ่ายทอดความงามในทุกฉากที่ปรากฎตัวได้เป็นอย่างดี
เอาล่ะ ผมคงหยุดความไฮป์จากการดู Mission : Impossible FALLOUT ไว้เพียงเท่านี้ แต่ยืนยันได้เลยว่าตำแหน่งหนังแอ็คชั่นที่ดีที่สุดแห่งปีไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด ทั้งบทที่ชวนติดตามและฉากแอ็คชั่นสุดระทึก รวมถึงเสน่ห์ตัวละครทุกตัวก็คุ้มค่าแก่การตีตั๋วแล้วล่ะ