ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

22 July 2 กรกฎาคม วันมหาโหด (2018) [ บรรยายไทย ]

22 July 2 กรกฎาคม วันมหาโหด (2018) [ บรรยายไทย ]
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังอาชญากรรม , หนังดราม่า , หนัง Netflix , หนังประวัติศาสตร์

เรื่องย่อ : 22 July 2 กรกฎาคม วันมหาโหด (2018) [ บรรยายไทย ]

ชื่อภาพยนตร์ : 22 July 2 กรกฎาคม วันมหาโหด
แนว/ประเภท : Crime,   Drama,  History
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Paul Greengrass
บทภาพยนตร์ : Paul Greengrass,   Åsne Seierstad
นักแสดง : Anders Danielsen Lie,   Jonas Strand Gravli,   Jon Øigarden
วันที่ออกฉาย : 10 October 2018

 

 

บทความในคราวนี้อาจจะต่างไปจากเดิมเล็กน้อยเพราะไม่ได้มุ่งไปที่สารคดีเรื่องเดียว ด้วยเหตุว่าในปี 2018 นี้ มีหนังสองเรื่องที่เล่าเหตุการณ์เดียวกัน หนึ่งคือ 22 July หนังอเมริกันของ พอล กรีนกราสส์ ซึ่งเปิดตัวและคว้ารางวัลด้านสิทธิมนุษยชนในเทศกาลหนังเมืองเวนิส (พอลเคยชิงออสการ์จาก United 93 และ Captain Phillips) กับอีกหนึ่งคือ 22 July หนังนอร์เวย์ของ อีริก โพปป์ ซึ่งเปิดตัวและเข้าชิงรางวัลหมีทอง ในเทศกาลหนังเบอร์ลิน

 

22 July review: is Paul Greengrass's Utøya docudrama a pyrrhic  re-enactment? | Sight & Sound | BFI

IMDB : tt7280898

คะแนน : 6.7

รับชม : 3947 ครั้ง

เล่น : 1351 ครั้ง



 
22 July สร้างจากเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญ ในนอร์เวย์ สองเหตุการณ์ก่อการร้ายในวันเดียว (22 ก.ค. 2011) ระเบิดกลางใจเมือง และไล่ยิงเด็กๆ ในค่ายกลางเกาะ 22 กรกฎาคม 2011 ณ ประเทศ นอร์เวย์ เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ การก่อการร้ายถึงสองครั้งในวันเดียว เริ่มต้นด้วย ระเบิดติดรถ ระเบิดอาคารรัฐบาลใจกลางเมือง Oslo สังหาร 8 ชีวิต บาดเจ็บอีกนับสองร้อยกว่าคน ไม่ถึงสองชั่วโมงต่อมา ก็เกิดก่อการร้ายอีกครั้ง ณ เกาะ Utøya ด้วยการไล่ยิงเยาวชน ในซัมเมอร์แคมป์ คร่าชีวิตเยาวชนจำนวน 69 ราย และบาดเจ็บกว่าร้อยราย โดยหนังจะเล่าถึงสามส่วน การก่อการร้าย, ผู้นำของนอร์เวย์ และการไตร่สวนคดีนี้ หนังได้ผู้กำกับ Paul Greengrass จากผลงานหนังเหตุการณ์จริงบีบหัวใจ United 93 และ Captain Phillips มาถ่ายทอดเรื่องราวเหตุการณ์สะเทือนชวัญอีกครั้งในเรื่องนี้ ต้องบอกเลยว่านี่คืิอหนัง Netflix ที่ดีมากเรื่องหนึ่งเลยครับ หนังสามารถนำหลายความคิดมารวมกันเเล้วทำออกมาให้เป็นหนังที่ครบทุกมุมมองทั้งมุมมองของผู้ก่อการร้าย นักการเมือง เเละผู้ถูกกระทำ เเล้วที่ต้องชมคือนักเเสดงเล่นดีทุกคนเลยครับ สิ่งที่อาจจะด้อยลงมาคือการเล่าเรื่องในบางช่วงที่ช้าไปบ้างเเละดนตรีประกอบที่ไม่ค่อยโดดเด่นในบางฉาก เเถมยังมีปัญหาในการตัดต่อนิดหน่อย สิ่งที่ดีที่สุดคือประเด็นสังคมที่้ก็ทุกเม็ด การกำกับภาพที่สมจริง เเละยังมีฉากดรามาที่ทำได้ดี เเล้วก็ฉากระทึกด้วย ดูสภาพมีเเววอาจจะได้เข้าชิงออสการ์อีกซะด้วยนะครับ