หมวดหมู่ : หนังตลก , หนังดราม่า , หนังโรแมนติก , หนังไทย
เรื่องย่อ : เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล - Last Life in the Universe [2003]
ชื่อภาพยนตร์ : เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล - Last Life in the Universe
แนว/ประเภท : Comedy, Drama, Romance
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Pen-Ek Ratanaruang
บทภาพยนตร์ : Pen-Ek Ratanaruang, Prabda Yoon
นักแสดง : Tadanobu Asano, Sinitta Boonyasak, Takashi Miike
วันที่ออกฉาย : 8 August 2003
‘เคนจิ’ ชายหนุ่มผู้หมกมุ่นกับการฆ่าตัวตาย อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ในคืนวันหนึ่ง เขาฆ่าสมาชิกแก็งค์ยากูซ่าที่ตามล่าพี่ชายของเขาอยู่ตายโดยไม่ได้เจตนา ‘น้อย’ สาวไทยผู้ซึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในชายหาดร้างผู้คนแถบ นอกเมืองพัทยา ในคืนวันเดียวกันกับที่เคนจิฆ่าสมาชิกแก๊งยากูซ่าตาย น้อยก็ทำให้ “นิด” น้องสาวของตัวเองตายโดยไม่ได้เจตนาเหมือนกัน เคนจิและน้อยซ่อนตัวอยู่ด้วยกัน ใช้เวลาแบบอิหลักอิเหลื่อด้วยกัน 3 วัน เพื่อค้นหาความรัก ชีวิต และการไถ่บาป
IMDB : tt0345549
คะแนน : 7.6
รับชม : 5039 ครั้ง
เล่น : 1650 ครั้ง
“นิทานจิ้งจกเดียวดาย”ไม่เคยดูหนังของ เป็นเอก รัตนเรือง มาก่อน แต่หนังในแนวทางนี้(คิดว่าเป็นแนวทางนี้)ที่ดูล่าสุดก็คงจะเป็น Under the skin (2013) ซึ่งตอนดูก็ได้แต่อุทานอยู่เรื่อยๆว่า”เชี่ยย เยดด …อะไรวะ” บทภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการพัฒนามาจากหนังสือชื่อเรื่องเดียวกัน ของพี่คุ่น(ปราบดา หยุ่น) โดยอิงตัวละครและเรื่องเดียวกัน โดยมีคุ่นเองเป็นคนเขียนบท
ชอบการเล่าเรื่องที่เริ่มจาก”นิทานจิ้งจกเดียวดาย” ที่กล่าวถึงสิ่งมีชีวิตที่เหลืออยู่ตัวเดียวบนโลก(เปรียบเสมือนแรงดึงดูดของคนที่เดียวดาย ให้ได้มาเจอกัน)ซึ่งเป็นธีมหลักของเรื่อง หนังไม่ได้เล่าbackground ของตัวละคร แต่ทิ้งปมไว้มากมายไว้ให้สังเกตุเองได้ มีการสลับตัวละครในระหว่างฉาก ซึ่งไม่มีที่มาที่ไปใดๆ(เคยเห็นบทสัมภาษณ์ว่าทำไมเป็นเอกถึงทำแบบนั้น เค้าบอกว่าอยากให้ตัวละครตัวนั้นกลับเข้ามาในเรื่องเลยสลับใส่เข้าไป-โคตรเซอร์) งานภาพเหงาๆนิ่งๆที่แลดูคุ้นตา(หว่องกาไว ชะ ชะ ไวกาหว่อง) และสิ่งที่น่าสนใจคือ การใช้”ยา”เป็นตัวเปิดจินตนาการให้แก่เรื่อง และเสียงหงี่ๆ จี๊ดๆ ที่มีอยู่แทบจะตลอดเวลา(คิดว่ามีที่มาแต่ยังหาไม่เจอ) สรุปแล้ว ค่อนข้างดูยาก ถ้าไม่พร้อมอาจนั่งดูเปลือกตาตัวเอง แต่เป็นหนังที่รายละเอียดดีและเซอร์ของผกก.ไทย เลยทีเดียว ปล.การดูหนังแบบนี้ถ้าจะเอาโลจิกหนักๆเข้าไปวัด ประหนึ่งดูหนังโนแลนหรือสกอร์เซซี่ คงจะผิดหวัง คงต้องเปิดใจดูและมองไปที่”symbolic”ของเรื่องราวแทน จะทำให้ความสนุกเพิ่มขึ้นอีกมาก ไฮไลท์ของผมคือฉากขับรถริมทะเล