Psychokinesisไซโคคิเนซิส ยอดคุณพ่อจิตสะท้าน (2018)

ผู้กำกับ Sang-ho Yeon กลับมาอีกครั้ง หลังพา Train to Busan หนังซอมบี้ด่วนนรกสร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลกกับเสียงชมที่กวาดมาท่วมท้น โดยคราวนี้พี่แกขอเปลี่ยนแนวมาทำหนังฮีโร่พลังพิเศษบ้าง

โดย “Psychokinesis” เล่าเรื่องราวของ Seok-hyeon หนุ่มที่ทำอาชีพเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำธนาคารที่ใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ แต่จู่ๆวันหนึ่งเขาก็บังเอิญได้รับพลังพิเศษมาจากการดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารจากอุกกาบาต พร้อมๆกับการที่ Roo-mi ลูกสาวที่เขาทอดทิ้งมานาน ได้ติดต่อมาแจ้งข่าวร้ายว่าแม่ของเธอได้เสียชีวิตลงแล้วจากการปะทะกันระหว่างกลุ่มอันธพาลที่เข้ามาไล่ที่ประชาชนในชุมชุนเพื่อนำพื้นที่ตรงนี้ไปสร้างห้างสรรพสินค้า

การกลับมาพบหน้ากับลูกสาวที่ห่างเหินของ Seok-hyeon เต็มไปด้วยความรู้สึกน่าอึดอัด ท่ามกลางการโดนข่มขู่ของเหล่าอันธพาลที่ยังตามราวีไม่เลิก Seok-hyeon จึงตัดสินใจใช้พลังพิเศษที่มีในการช่วยเหลือลูกสาวและชุมชนนี้ แต่พลังที่ยิ่งใหญ่นี้ จะมากพาที่จะประสานรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกคู่นี้ได้ด้วยหรือเปล่า?

หากจะว่าไป “Psychokinesis” มีองค์ประกอบคล้ายๆกับ Train to Busan อยู่หลายส่วน ทั้งปมพ่อลูกที่ไม่เข้าใจกัน, การต่อสู้กับสิ่งที่เกินควบคุมในพื้นที่จำกัด (ซอมบี้บนรถไฟ – อันธพาลในย่านเสื่อมโทรม) และปัญหาชีวิตคู่ (พ่อแม่แยกกันอยู่)

ข้อเสียคือหนังใช้เวลาปูเรื่องนานมากกว่าจะเข้าที่ แถมบางจังหวะที่เหมือนจะดราม่าหรือขายความเท่ของพลังพิเศษ แต่ดนตรีประกอบก็ดันมาในทำนองสนุกๆเบาๆ จนอารมณ์สะดุดไปบ้าง ทั้งมันยังมีอารมณ์เหมือน “Chronicle” อยู่สูง (การใช้ภาพจากกล้องวีดีโอมาแทรก + ฉากมือบีบรถยับที่เหมือนกันเลย)

มองลึกๆลงไปในเนื้อหา มันสะท้อนให้เห็นว่า “พลัง” ที่น่ากลัวอย่างแท้จริง มันไม่ใช่การยกรถลอยได้ มันไม่ได้มาจากคนธรรมดาๆ แต่คือคนมีอำนาจในประเทศที่ทำทุกอย่างได้ง่ายๆดั่งดีดนิ้ว แม้จะมีพลังพิเศษแบบ Seok-hyeon เขาก็พบว่ามันก็ไม่สามารถทำให้เขาหลุดออกจากกรอบของ “สังคม” ไปได้ ทุกสิ่งที่เขาทำยังคงต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อตัวเองและลูกสาวที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย